เช็กรายละเอียด เงินดิจิทัล เฟส 4 แจกเงิน 10,000 บาท กลุ่ม 21-59 ปี ได้เงินวันไหน พร้อมตรวจสอบคุณสมบัติได้ที่นี่
วันที่ 8 เมษายน 2568 กรุงเทพธุรกิจ รายงานความคืบหน้าโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยในเฟส 3 นั้น แจกกลุ่ม 16 – 20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน ซึ่งมีความคืบหน้าดังต่อไปนี้
แจกเงินดิจิทัล 10,000 เฟส 3 ได้เงินวันไหน ?
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยล่าสุด ยอมรับว่า การแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 จะไม่ทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568
กระทรวงการคลัง ตั้งเป้าหมายจะเริ่มจ่ายเงินในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 (ประมาณ เมษายน – มิถุนายน 2568)
คุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิทัล เฟส 3 ล่าสุด
– เป็นผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 สำเร็จ
– มีสัญชาติไทยและอายุตั้งแต่ 16-20 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 (เกิดตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2547 ถึงวันที่ 16 กันยายน 2551)
– ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ
– เป็นผู้ที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ณ วันที่ส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมการปกครอง ไม่รวมถึงทะเบียนบ้านกลาง
– ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกินกว่า 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 โดยให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงกรณีบัญชีเงินฝากประเภทบัญชีร่วม บัญชีเพื่อ และบัญชีโดย และผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทสลากออมทรัพย์
– ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกินกว่า 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
– ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตามฐานข้อมูลของ พม. ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
– ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ประกอบด้วย นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
อัปเดต แจกเงินเฟส 4 กลุ่ม อายุ 21-59 ปี
ประชาชนกลุ่มอายุ 21-59 ปี ที่เคยลงทะเบียนทางรัฐ จะได้เงินหมื่นเฟส 4
อย่างแน่นอน โดยต้องรอให้การแจกเงิน เฟส 3 เสร็จสิ้นก่อน
คุณสมบัติ ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิทัล เฟส 4
– มีสัญชาติไทย
– อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (ก่อนวันที่ 16 ก.ย. 67)
– ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท (สำหรับปีภาษี 2566)
– ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567)
– ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
– ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
– ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ