เดือน: เมษายน 2025

          สำหรับยอดเงินการหัก กองทุนฯ จะแจ้งหักเงินเดือนเพิ่มอีกรายละ 3,000 บาทต่อเดือน ในทุกบัญชีที่มียอดค้างชำระ นอกเหนือจากจำนวนเงินรายเดือนที่แจ้งหักเงินเดือนในปัจจุบัน กรณียอดค้างชำระน้อยกว่า 3,000 บาท จะเพิ่มจำนวนเงินรายเดือนตามยอดหนี้ค้างชำระ ตัวอย่างเช่น

          – กรณีมียอดยอดหนี้ค้างชำระ 5,000 บาท และงวดปัจจุบันแจ้งหักเงินเดือน 1,000 บาท กองทุนฯ จะแจ้งหักเงินเดือน 1,000 + 3,000 = 4,000 บาท
      
          – กรณีมียอดยอดหนี้ค้างชำระ 2,500 บาท และงวดปัจจุบันแจ้งหักเงินเดือน 1,000 บาท กองทุนฯ จะแจ้งหักเงินเดือน 1,000 + 2,500 = 3,500 บาท

วิธีแก้ไขการหักเงิน กยศ. 3,000 บาท

          ทาง กยศ. เคยลงข้อมูลการแก้ไขปัญหาเอาไว้ ดังนี้

          1. ขอปรับโครงสร้างหนี้

          – ลดจำนวนการผ่อนชำระต่อเดือน
          – ขยายระยะเวลาการผ่อน
          – ลดเบี้ยปรับให้ 100%
          – ปลดผู้ค้ำประกันให้

          โดยกองทุนจะแจ้งจำนวนเงินการหักเงินเดือนตามยอดผ่อนชำระใหม่ ถัดจากเดือนที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้ว เช่น ท่านทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ภายในเดือนเมษายน 2568 ทำให้ยอดชำระในเดือนพฤษภาคม 2568 จะเป็นยอดใหม่ และท่านจะถูกหักเงิน 3,000 บาท เพียงเดือนเดียว คือ เมษายน 2568

          2. ชำระยอดหนี้ค้างให้เสร็จสิ้น

          หากผู้กู้ยืมชำระแล้ว ให้ผู้กู้ยืมนำหลักฐานการชำระแจ้งต่อนายจ้าง แล้วให้นายจ้างลบยอด 3,000 บาทจากยอดหักเงินเดือนในเดือนเมษายน 2568 ได้

ถาม ตอบ เรื่องการหักเงินเดือน 3,000 บาท

          ทำไมเดือนนี้มีจำนวนเงินแจ้งหักเพิ่มขึ้น

          ตอบ เนื่องจากผู้กู้ยืมมียอดค้างชำระหนี้นาน และมิได้ไปชำระยอดหนี้ที่ค้าง ดังนั้น กองทุนจึงแจ้งเพิ่มจำนวนเงินบัญชีละ 3,000 บาท

          จะหักเงิน 3,000 บาท ไปถึงเมื่อไร

          ตอบ กองทุนฯ จะหักเงินเดือนไปจนกว่า ผู้กู้ยืมทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับกองทุน หรือชำระยอดค้างจนเสร็จสิ้น

          มีการหักเงินเดือนทุกเดือน ทำไมยังมีหนี้ยอดค้างชำระ

          ตอบ ผู้กู้ยืมมียอดหนี้ค้างชำระที่เกิดขึ้นก่อนหักเงินเดือน หรือในระหว่างการหักเงินเดือนมีการปรับลดจำนวนเงิน ซึ่งผู้กู้ยืมเงินยังไม่ได้ชำระส่วนที่ค้างหรือส่วนต่าง จึงทำให้เกิดเป็นยอดหนี้ค้างชำระ

          กองทุนมีการแจ้งให้ผู้กู้ยืมทราบหรือไม่

          ตอบ กองทุนมีการแจ้งให้ทราบเป็นหนังสือ จัดส่งตามที่อยู่ทะเบียนราษฎร แจ้งผ่านไลน์ และแจ้งผ่านโนติ แอปฯ กยศ.Connect

          หมอปลาย พรายกระซิบ ทำนายดวงในวงการบันเทิง ปี 2568 มีเรื่องที่เป็นห่วง คาดปีนี้ข่าวดีเยอะ หลายคนโกอินเตอร์ สาววัย 40 กว่า มีแววเฉิดฉายหลายคน

ภาพจาก NineEntertain Official

          เรียกได้ว่ามีคำทำนายดวงเรื่องบ้านเมืองและเรื่องในวงการบันเทิงออกมาทีไร ก็มักจะถูกจับตา และสร้างความฮือฮาได้ตลอด สำหรับหมอดูดั้ง หมอปลาย พรายกระซิบ ที่ล่าสุด (8 เมษายน 2568) ได้มีคลิปสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับทาง ไนน์เอ็นเตอร์เทน ออกมาให้ได้ติดตามกัน

          ทั้งนี้ หมอปลาย พรายกระซิบ ได้ทำนายเรื่องราวของวงการบันเทิงในปี 68 ไว้ว่า มองในความเป็นห่วง คือคนสร้างคนลงทุนเริ่มเยอะ แล้วขายไม่ได้ กับเรื่องต่างชาติเข้ามาสร้างที่ไทยแล้วดาราเรากลับกลายไปเป็นตัวประกอบ แนะให้จับกลุ่มกันให้ดี คุมให้ได้ อยากให้ระวัง

ภาพจาก NineEntertain Official

          –
เรื่องคดีฟ้องร้องมันก็จะมาจากเคสโกงมาก่อน ข้างหน้าสวยข้างหลังเละ
มันก็จะมีเรื่องพวกนี้ขึ้น มา การขายของที่ที่ยังไม่จบก็ยังจะมีอีก
คดีที่ยังยืดเยื้ออยู่จะจบลง ส่วนเรื่องคดีก็ไม่หนักเท่าปีที่แล้ว
ดาราเบอร์ใหญ่ ๆ ก็จะยังมีโดน

          – เรื่องอื่นไม่ค่อยมี
จะมีข่าวดีมากกว่า เพราะปี 68-69 เหมาะกับการแต่งงาน สร้างครอบครัว
คนที่เปิดตัวคบกันปีนี้ ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงหลังจากนั้น เรื่องดี ๆ
จะมีอีกเยอะ

ภาพจาก NineEntertain Official

          – เรื่องเซอร์ไพรส์จะมีเรื่องดารารุ่น 40
ยังแจ๋ว ที่ไปโกอินเตอร์ ทั้งที่ในเมืองไทยดาวน์ไปค่อนข้างเยอะ ไม่สาวแล้ว
แต่สามารถไปเทียบกับเด็ก 20-30 ในต่างประเทศได้ คือมีหลายคน

         
– ดาราไทยที่จะไปเฉิดฉายในต่างประเทศได้ก็ค่อนข้างเยอะ
บางคนตนเองก็ไม่รู้จักเพราะไม่ได้ตามในวงการที่ยิบย่อยแบบนั้น แต่ไปได้เยอะ
บางคนอยู่ที่บ้านเราอาจจะไม่รู้ก็ได้ แต่เขาไปเขาดังมาก ๆ ไม่ต่ำกว่า
10-20 คน คือวงการเพลงกับซีรีส์

          ติดตามบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟของ หมอปลาย พรายกระซิบ แบบเต็ม ๆ ได้ทาง ไนน์เอ็นเตอร์เทน

ภาพจาก NineEntertain Official

ภาพจาก NineEntertain Official

          ล่าสุด วันที่ 9 เมษายน 2568 รายการโหนกระแสช่วงหนึ่ง มีการโฟนอินสัมภาษณ์ สัตวแพทย์ ภรรยาของ นายฮอต ซึ่งเจ้าตัวก็ประกาศว่า เลิกกับนายฮอตแล้ว หลังจากนี้จะส่งทนายดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง หมิ่นประมาท และ ม.112

ภาพจาก โหนกระแส

          เรื่องการแต่งงานกับนายฮอตที่เลื่อนมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกเข้าใจได้เพราะเป็นช่วงโควิด แต่รอบ 2 ก็มีคนฝั่งเราเป็นโควิดอีก ส่วนรอบ 3 คืออุบัติเหตุที่ไม่ได้เกิดบ้านเรา เขาเกิดอุบัติเหตุที่อื่น แล้วเขามาแจ้งเรา เราไม่รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุแบบไหน

ภาพจาก โหนกระแส

ภาพจาก โหนกระแส

ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์

          เจ้าสาวเจอเหตุไม่คาดคิดคืนแต่งงาน สามีให้เซ็นสัญญาไม่รับทรัพย์สิน เปิดตู้หยิบของบางอย่างให้ดู ถึงกับหน้าซีด

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          คืนวันแต่งงานนับเป็นคืนที่น่าจดจำสำหรับคู่รักใหม่ ซึ่งควรจะเป็นค่ำคืนที่แสนพิเศษและมีความสุขที่สุด แต่กลับมีเจ้าสาวรายหนึ่งต้องเผชิญกับเรื่องราวที่เหนือความคาดหมาย เมื่ออยู่ ๆ สามีป้ายแดงของเธอ ดันหยิบสัญญาออกมาให้เธอเซ็น เป็นหนังสือสัญญาที่ระบุว่า “เธอจะไม่รับทรัพย์สินใด ๆ ของเขา”

          วันที่ 6 เมษายน 2568 เว็บไซต์ Soha เผยเรื่องราวของหญิงรายหนึ่งในเวียดนาม เธออายุ 35 ปี เธอมีชีวิตที่สุขสบาย มีบ้านรถ และที่ดินเป็นของตัวเอง แต่เธอยังไม่ได้แต่งงาน เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ญาติของเธอได้แนะนำให้รู้จักกับชายรายหนึ่ง เขาอายุพอ ๆ กับเธอ และมีหน้าที่การงานที่มั่นคง เขายังโสดแต่เป็นคนค่อนข้างยุ่งยากและจู้จี้จุกจิก แต่เธอก็คิดว่าเธอกับเขาน่าจะเข้ากันได้ จึงตัดสินใจแต่งานกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

          งานแต่งงานของทั้งสองจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย เชิญแขกมาจำนวน 300
คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติและเพื่อน ส่วนเธอก็ไม่ได้สวมชุดเจ้าสาวแบบธรรมดา
ไม่ได้เล่นใหญ่อะไรมากนัก
โดยงานแต่งงานและงานเลี้ยงฉลองทั้งหมดจัดขึ้นในเพียงคืนเดียว
ทว่าหลังจากงานแต่งงานจบลง
เธอกลับได้พบเรื่องที่ทำให้ตกตะลึงอย่างไม่คาดคิด

         
สามีของเธอมาขอให้เธอเซ็นสัญญาข้อตกลงที่ระบุไว้ชัดเจนว่า
เธอจะไม่รับทรัพย์สินของเขา ซึ่งประกอบไปด้วยบ้าน
ที่ดินในชนบทที่ครอบครัวเขาให้มา และเงินออม 500 ล้านด่ง (ราว 670,000 บาท)
เธอรู้สึกประหลาดใจมาก ไม่คิดว่าสามีของเธอจะคิดคำนวณมากขนาดนี้
โดยเขาอธิบายว่า แค่ทำเผื่อเอาไว้ เพราะไม่อยากมีปัญหาขัดแย้งกันในอนาคต

         
สามีของเธอบอกว่า เงินนั่นเป็นเงินเก็บส่วนตัวของเขา
จากการที่เขาทำงานหนักในอดีต จึงไม่สามารถนำมาให้ภรรยาและลูกของเขาได้
ส่วนเงินเดือนที่เขาจะได้รับหลังจากนี้ เขาจะแบ่งให้เธอใช้เดือนละ 10
ล้านด่ง (ราว 13,000 บาท) เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน
แต่กำชับว่าเธอไม่ควรใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพราะเขาไม่มีเงินมากพอ
หากเธอต้องการเพิ่มเขาก็ไม่สามารถจ่ายให้ได้

         
ตอนนั้นฝ่ายหญิงรู้สึกอึ้งไปชั่วขณะ
เธอมองหน้าสามีและคิดว่าเธอน่าจะแต่งงานกับคนผิด เธอคิดน้อยเกินไป
และราคาที่ต้องจ่ายนั้นข่มขื่นเกินกว่าที่คิด

          จากนั้น
เธอตัดสินใจเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเอกสารบางอย่างออกมา 2 ชิ้น
วึ่งทำใสามีถึงกับหน้าซีด
ชิ้นแรกเป็นโฉนดบ้านที่เธอซื้อเองและอีกชิ้นเป็นสมุดเงินฝากที่มีอยู่ 2
พันล้านดอง (ราว 2.6 ล้านบาท)

          เธอบอกกับเขาว่า
“ฉันมีทรัพย์สินมากกว่าคุณหลายเท่า
ส่วนเงินเดือนฉันไม่จำเป็นต้องใช้เงินที่คุณให้เลยก็ได้ ในด้านคุณสมบัติ
ความสามารถ และความก้าวหน้า ฉันก็เหนือกว่าคุณมาก
ฉันแพ้คุณแค่เรื่องเดียวคือ เรื่องการคำนวณรายละเอียดระหว่างสามีกับภรรยา”

         
หลังจากได้ยินเช่นนั้น
สามีของเธอก็รู้สึกอับอายขึ้นมาในทันทีจนไม่รู้ว่าพูดอะไรต่อ
เขาหยิบเอกสารสัญญาหนังสือสัญญาของเขาและตั้งใจจะเก็บไปแบบเงียบ ๆ
แต่เธอได้คว้ามันมาและตั้งใจเซ็นอย่างแน่วแน่

         
ตั้งแต่คืนวันนั้น เธอและสามีก็นอนแยกห้องกันมาโดยตลอด
เธอมีความคิดว่าควรจะหย่าดีไหม ทั้งที่เพิ่งจะแต่งงานกัน
แต่การที่ต้องอยู่ร่วมกับผู้ชายที่คิดคำนวณทุกอย่างเช่นนี้
ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจอย่างที่สุด  

ขอบคุณข้อมูลจาก Soha

          นอกจากใน นุ้งตี้ ยังได้ลงข้อความระบุว่า “รถชนหมาแล้วหมาไม่มีเจ้าของ แล้วจู่ ๆ คนตรงนั้นเดินมาด่าบอกต้องรับผิดชอบทั้งที่เรา โทร. หาประกัน รอเคลียร์แล้ว ซึ่งต้องรอประกันอย่างเดียวทำไรไม่ได้” ซึ่งก็มีทัวร์ตามมาลงกันเพียบ โดยมีคอมเมนต์หนึ่งบอกว่า “รอประกันเเล้วประกันเป็นแพทย์เหรอ ?” ทางนุ้งตี้ก็ตอบกลับว่า “แล้วฉันแพทย์เหรอ ก็ต้องรอค่ะ” และเมื่อมีคนถามว่าทำไมไม่ช่วยหมา เจ้าตัวก็ตอบว่า “ไม่รู้ทำไงประกันบอกให้รอประกันมาถึงบอก”

          ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขก็รณรงค์เรื่องการห้ามกินหมูดิบ เพราะเสี่ยงเกิดโรคหลายโรค โดยเฉพาะหูดับ แม้กระทั่งเพจดังอย่าง ลองวิเคราะห์ดู ก็นำเรื่องนี้มาแสดงความคิดเห็นเช่นกัน