KUBET – พระธาตุอินแขวน ทำไมถึงไม่หล่น ทั้งที่เกิดแผ่นดินไหวแรง อ.เจษฎา เฉลยแล้ว


          อ.เจษฎา เปิดเหตุผล ทำไมพระธาตุอินทร์แขวน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมียนมา เจอแผ่นดินไหวหนัก แต่ไม่ร่วงลงมา ความจริงล้วนตรงข้ามกับที่คิด



อ.เจษฎา เปิดเหตุผล ทำไมแผ่นดินไหวพระธาตุอินทร์แขวน แต่ไม่หล่น
          เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นที่ประเทศเมียนมา ได้สร้างความเสียหาย ความรุนแรงมากกว่าของไทยอย่างชัดเจน จนมีผู้เสียชีวิตเข้าสู่หลักพันคนแล้ว และสถานที่สำคัญในเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ก็ได้รับความเสียหายไปด้วย

          วันที่ 2 เมษายน 2568 เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ของนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการโพสต์ถึงพระธาตุอินทร์แขวน หนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมียนมาที่หลายคนเกิดคำถามว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง แต่ทำไมตัวหินถึงไม่ได้รับผลกระทบร่วงลงมา มีรายละเอียด ดังนี้

          มีคำถามมาจากข่าว (ดูลิงค์ด้านล่าง) เกี่ยวกับ “พระธาตุอินทร์แขวน” 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุด หรือ “เบญจมหาบูชาสถาน” ของประเทศเมียนมา ที่แม้จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่ระดับความแรง 8.2 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา และทำให้ยอดของพระธาตุสั่นไหวไปตามความรุนแรง จนกลายเป็นคลิปไวรัล แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบ !?

          ซึ่งก็ทำให้หลายต่อหลายคนแปลกใจ ที่หินยักษ์ก้อนนี้ ซึ่งมีน้ำหนักหลายร้อยตัน และมาตั้งอยู่บนริมผา ในลักษณะท้าทายแรงดึงดูดของโลกจนดูเหมือนจะตกมิตกแหล่ กลับไม่มีการเคลื่อนแต่อย่างใดหลังในเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ที่ผ่านมา

          ซึ่งก็คงเป็นเพราะมีหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าก้อนหินพระธาตุอินทร์แขวนนี้ เกิดจากการที่ในอดีต มีก้อนหินเคลื่อนที่หล่นลงมา แล้วติดคาอยู่ริมเพิงผาของยอดเขาพวงลวง โดยมีจุดศูนย์ถ่วงที่สมดุลพอดี ทำให้น้ำหนักไปอยู่บนตัวหน้าผา มากกว่าออกไปทางส่วนที่ยื่นออกไป !?

          แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นครับ ก้อนหินที่ตั้งอยู่ของพระธาตุอินทร์แขวนนี้ จริง ๆ แล้ว เป็น “หินก้อนเดียวกันกับตัวหน้าผา” นั่นแหละครับ

          ในทางธรณีวิทยานั้น ก้อนหินที่เห็นตั้งอยู่บนหน้าผา จริง ๆ แล้ว เป็นผลจากการที่น้ำไปกัดเซาะ (erosion) ชั้นหินแกรนิตที่แตกร้าวในแนวตั้งและแนวนอน ทำให้น้ำไหลไปตามแนวรอยแยกของหิน และกัดเซาะเปลี่ยนแปรรูปร่างของหินอย่างช้า ๆ เป็นเวลาอันยาวนาน จนทำให้ก้อนหินดูเป็นรูปกลมเกลี้ยงขึ้น และดูหลอกตา เหมือนกับว่าก้อนหินนี้ถูกยกขึ้นไปวางไว้บนหน้าผา อย่างน่าอัศจรรย์ครับ

อ.เจษฎา เปิดเหตุผล ทำไมแผ่นดินไหวพระธาตุอินทร์แขวน แต่ไม่หล่น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant

KUBET – ไฮโซสาว แฉนักร้องยืมรถหรู เอาไปจำนำ 9.2 ล้าน ยังมาขอเงินไถ่รถ เลยให้อีก 2.6 ล้าน

          ไฮโซเวียดนาม เล่าประสบการณ์ ให้นักร้องยืมรถหรู ถูกเอาไปจำนำ 9.2 ล้าน ให้โอกาสแก้ตัว ยังมาขอเงินไปไถ่รถ แก้ปัญหาแบบคนรวย ให้ไปอีก 2.6 ล้าน



ไฮโซสาว แฉนักร้องยืมรถหรู เอาไปจำนำ 9 ล้าน
ภาพจาก TikTok @mailisa_group


          วันที่ 31 มีนาคม 2568 เว็บไซต์ kenh14.vn รายงานว่า ฟานถีไม นักธุรกิจสาวเวียดนาม เจ้าของธุรกิจคลินิกเสริมความงาม Mailisa ออกมาเปิดเผยเรื่องราวซึ่งกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมาก เมื่อเธอให้เพื่อนสนิทซึ่งเป็นนักร้องดัง ยืมรถหรูไปใช้ แต่สุดท้ายกลับถูกนำรถไปจำนำ แลกกับเงิน 7 พันล้านดอง (ราว 9.2 ล้านบาท)

          โดย ฟานถีไม โพสต์ตั้งคำถามบนโซเชียลว่า “ถ้าคุณให้คนรู้จักยืมรถไป ก่อนจะรู้ว่าพวกเขาเอาไปจำนำแลก 7 พันล้านดอง คุณจะทำยังไง จะแจ้งตำรวจ ? ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ? หรือฟ้องศาล ?”

ไฮโซสาว แฉนักร้องยืมรถหรู เอาไปจำนำ 9 ล้าน
ภาพจาก TikTok @mailisa_group

          นักธุรกิจสาว เล่าว่า
เธอกับสามีมีเพื่อนสนิทซึ่งเป็นนักร้องชื่อดัง วันหนึ่งเพื่อนคนนี้โทร.
มาปรึกษา อ้างว่ามีน้องชายจากกรุงฮานอย
ต้องเดินทางไปทางใต้เพื่อทำงานการกุศล จึงอยากจะขอยืมรถของพวกเธอ
ดังนั้นเธอกับสามีจึงตกลงให้เพื่อนยืมรถ โดยไม่คิดอะไรมาก

         
แต่ผ่านไป 7 วัน เพื่อนก็ยังไม่ติดต่อเอารถมาคืน และวันที่ 8
เธอก็เพิ่งรู้ข่าวว่ารถของเธอ ถูกนำไปจำนำเป็นเงิน 7 พันล้านดอง

ไฮโซสาว แฉนักร้องยืมรถหรู เอาไปจำนำ 9 ล้าน
ภาพจาก TikTok @mailisa_group

         
ในสถานการณ์เช่นนี้คนอื่น ๆ อาจจะแจ้งตำรวจ
แต่เธอเลือกที่จะทำในสิ่งที่แตกต่าง เธอนัดเพื่อนคนนั้นมาคุย
ให้โอกาสเขาแก้ตัว โดยอธิบายให้ฟังว่า แค่เธอโทร. หาทนาย
ทั้งเพื่อนและน้องก็อาจต้องติดคุกเป็นสิบปี
แต่เธอก็ไม่ได้อยากบีบให้ใครจนตรอก จึงจะให้พวกเขาได้แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด

         
หลังคุยกัน เพื่อนก็ติดต่อมาหาเธออีกครั้ง บอกว่าเขาต้องการเงินเพิ่มอีก 3
พันล้านดอง (ราว 3.9 ล้านบาท) ถึงจะไถ่รถกลับมาได้
แต่ตอนนั้นเธอไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม
เธอตัดสินใจจะช่วยเหลืออีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย และให้เงินสดไป 2
พันล้านดอง (ราว 2.6 ล้านบาท) พร้อมกับสมาร์ตโฟนหรู Vertu ซึ่งมีมูลค่า 800
ล้านดอง (ราว 1 ล้านบาท) เพื่อให้ไปไถ่รถ

ไฮโซสาว แฉนักร้องยืมรถหรู เอาไปจำนำ 9 ล้าน
ภาพจาก TikTok @mailisa_group

         
เมื่อเรื่องของเธอถูกแชร์ผ่านโซเชียล ก็กลายเป็นไวรัลที่ดึงดูดผู้ชมกว่า
2.7 ล้านวิว โดยมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย
นอกจากตั้งคำถามว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่
ยังพากันคาดเดาว่านักร้องคนดังกล่าวเป็นใครกันแน่

         
อย่างไรก็ตาม ฟานถีไม ได้เข้ามาไขข้อสงสัย
ยืนยันว่าเรื่องที่เล่าไปเป็นความจริง
พนักงานของเธอส่วนใหญ่และคนขับรถเองก็ทราบ
ส่วนเรื่องที่เพื่อนนักร้องคนนั้นเป็นใครนั้น เธอขอเก็บไว้เป็นความลับ
และเมื่อถามว่าเพื่อนนำรถไปจำนำได้อย่างไรทั้งที่ไม่มีเอกสาร
ฟานถีไมก็ให้คำตอบแล้วว่า มันเกิดขึ้นเพราะไม่ได้จำนำแบบถูกกฎหมาย
ซึ่งเป็นอีกจุดที่หากเธอจะเอาผิดเพื่อน ก็สามารถทำได้

ขอบคุณข้อมูลจาก kenh14.vn

KUBET – เปิดภาพเอกซเรย์จากเครื่องมือค้นหาจากทหารสหรัฐฯ ช็อก เจอร่างถูกปูนทับอยู่ใต้ซาก

          เปิดภาพเอกซเรย์จากเครื่องมือค้นหาของทหารสหรัฐฯ พบร่างคนติดในกองซากปูน ถูกปูนทับเป็นชั้น ๆ คืบหน้าเจออีก 5 ศพ หลังมีสัญญาณกลิ่นไม่พึงประสงค์



เผยภาพเอกซเรย์ ใต้ซากตึก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Fire & Rescue Thailand

          วันที่ 1 เมษายน 2568 เฟซบุ๊ก Fire & Rescue Thailand เปิดเผยภาพเอกซเรย์จากเครื่องมือค้นหาของทหารสหรัฐฯ พบร่างคนติดในกองซากปูนตึก สตง. ที่พังถล่ม แต่ยังไม่สามารถนำออกมาได้ โดยพบว่ามีลักษณะถูกปูนทับเป็นชั้น ๆ ลงไป อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเป็นเพียงข้อมูลจากดาวเทียม

         ขณะที่เวลา 10.30 น. ทางเพจ ระบุว่า เจ้าหน้าที่พบอีก 5 ศพ
หลังพบสัญญาณกลิ่นไม่พึงประสงค์จากใต้ตึก
โดยมีการระดมเครื่องจักรหนักยกซากปรักหักพัง
เร่งหาผู้สูญหายและผู้เสียชีวิต โดยยังหวังเจอคนรอดชีวิตเพิ่ม

 เผยภาพเอกซเรย์ ใต้ซากตึก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Fire & Rescue Thailand

ขอบคุณข้อมูลจาก Fire & Rescue Thailand

KUBET – ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น โดนแซะต่อหน้า ไม่เห็นจะสวย ล่าสุดลงคลิปโชว์หน้าชัด ๆ คนดูพุ่ง 2 ล้าน

KUBET – บีบหัวใจ ย่าหลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา รอความหวังในโพรงแคบ


           นาทีบีบหัวใจ ย่า-หลาน 3 ชีวิตติดใต้ซากตึก หลังแผ่นดินไหวเมียนมา วิ่งหนีลงทางหนีไฟแต่ไม่ทัน รอคอยความหวังในโพรงเล็ก ๆ พ่อคว้าค้อนทุบรูเอง 



บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung
           เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ที่ประเทศเมียนมา นับเป็นภัยพิบัติใหญ่ที่ทำให้เกิดความสูญเสียและคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 2,700 ราย ซึ่งแม้เหตุการณ์ผ่านมานานหลายวัน แต่ยังมีการระดมความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ด้วยความหวังว่าจะยังคงมีผู้รอดชีวิตอยู่ใต้ซากอาคารและบ้านเรือนที่ถล่ม

           ขณะที่ล่าสุด (2 เมษายน 2568) MS News รายงานว่า คลิปนาทีชีวิตของพี่น้อง 2 สาว รวมถึงคุณย่าวัย 75 ปี ที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์และยังคงรอความช่วยเหลืออยู่ใต้ซากอาคารที่พังถล่มลงมา กลายเป็นไวรัลที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเด็กสาวเป็นผู้ถ่ายคลิปนั้นไว้ ก่อนที่พ่อของเธอจะนำคลิปมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 31 มีนาคม

           จากโพสต์ พ่อเผยว่า ลูกสาวทั้ง 2 คน อายุ 13 และ 16 ปี ติดอยู่กับคุณย่าที่มีปัญหาโรคหัวใจ โดยในวันนั้น (28 มีนาคม) ครอบครัวของเขาไปเยี่ยมคุณย่าที่อพาร์ตเมนต์ ภรรยากับลูกชายเพิ่งก้าวออกจากห้องไปไม่นานก็เกิดแผ่นดินไหว ทำให้กำแพงห้องพังลงมา คุณย่าได้รับบาดเจ็บจนเลือดอาบศีรษะ แต่ก็ยังพยายามคว้าตัวหลานสาวทั้งคู่ไว้ และพากันหนีลงมาโดยใช้บันไดหนีไฟ

           แต่ก่อนที่ทั้ง 3 คนจะหนีออกมาพ้น อาคารทั้งหลังก็ถล่มลงมาเสียก่อน ทำให้ย่าและหลานสาวติดอยู่ใต้ซากอาคาร ทว่านับเป็นโชคดีที่ทั้ง 3 คนยังมีลมหายใจ

บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung
           ในคลิปที่เด็กสาวบันทึกไว้ เธอบรรยายสภาพรอบตัวว่ามืดสนิทและเต็มไปด้วยฝุ่น พวกเธอมองไม่เห็นกันเนื่องจากมีเศษซากหนัก ๆ กดทับตามร่างกายของพวกเธอ แต่แม้จะอยู่ในสภาพที่แทบหายใจไม่ออก แต่พวกเธอยังสามารถใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกคลิป พร้อมส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

           ยังมีคลิปอื่นที่ทั้ง 3 คนนำเศษซากที่กดทับร่างกายออกไปได้ และนั่งรวมตัวกันอยู่ในช่องว่างเล็ก ๆ ที่รอบด้านถูกกองอิฐและปูนปิดทาง รวมถึงมีภาพขณะที่หลานสาวพยายามเคาะแท่งเหล็ก ด้วยความหวังว่าจะมีคนได้ยินเสียงและเข้ามาช่วย

           พวกเธอยังพยายามเขียนข้อความขอความช่วยเหลือ “SOS” ตามเศษซากรอบ ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยเศษฝุ่น เรียกว่าทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในขณะนั้น

บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung

           ในที่สุดทีมกู้ภัยก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงในการรวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็น สำหรับสลัดและเจาะซากอาคารเข้าไป ในตอนนั้น พ่อที่ร้อนใจได้หาค้อนมาทุบและกระเทาะซากอาคารบางส่วน จนสร้างรูเล็ก ๆ ให้ลูกสาวของเขาใช้มุดออกมา

           อย่างไรก็ตาม แม้เด็ก ๆ จะพยายามทำให้รูกว้างขึ้น แต่พวกเธออ่อนแรงเกินกว่าจะมุดออกมาด้วยตัวเอง กระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดทีมกู้ภัยก็กลับมาพร้อมกองกำลัง จนสามารถนำตัวเด็กสาวพี่น้อง และคุณย่า ออกมาจากซากอาคารได้

           ต่อมาพ่อยืนยันว่า คุณย่าสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว และเขาเองก็โล่งใจอย่างยิ่งที่ครอบครัวที่เขารัก รอดชีวิตจากเหตุร้ายมาได้ เขายังขอบคุณความแข็งแกร่งและอดทนของทั้ง 3 คน รวมถึงแสดงความขอบคุณอย่างถึงที่สุดต่อชุดกู้ภัย

           “ขอบคุณกู้ภัยทุกคน ที่ทำงานกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนถึงรุ่งสาง เพื่อช่วยเหลือพวกเรา”

บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung
บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung

บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา

ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung
บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung
บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung

ขอบคุณข้อมูลจาก MS News
 

KUBET – บ้านชิดกรุง กุ้งเผา สามโคก ปิดตำนาน 12 ปี ลูกค้า ชี้ เหตุที่ต้องปิด ทั้งที่อาหารอร่อย

          ร้านอาหารดัง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปิดตำนาน 12 ปี ลูกค้าวิเคราะห์สาเหตุที่ต้องปิด ทั้งที่อาหารอร่อยถูกปาก เปิดให้บริการถึง 30 เมษายน 2568



 
         วันที่ 2 เมษายน 2568 ร้านอาหารบ้านชิดกรุง กุ้งเผา สามโคก ร้านอาหารชื่อดังริมแม่น้ำเจ้าพระยาใน จ.ปทุมธานี มีการประกาศปิดกิจการ โดยจะเปิดให้บริการถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 เท่านั้น

          ขอบพระคุณคุณลูกค้าทุกท่าน ทุกมื้ออร่อย และทุกความผูกพันที่มีให้กัน มาตลอดระยะเวลา 12 ปี

          แวะมาอำลาความทรงจำดี ๆ ทานกุ้งเผาอร่อย ๆ อาหารไทยโบราณรสมือคุณย่ากันนะคะ แล้วพบกันค่ะ

ลูกค้าวิเคราะห์สาเหตุปิดร้าน

          ขณะที่ชาวเน็ตมีคนเข้ามาวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ต้องปิดกิจการว่า
อาจจะเป็นเพราะช่วงหลังร้านไม่ค่อยมีกุ้งตัวใหญ่ กินไม่จุใจ
ส่วนอาหารก็ยังคงอร่อย เรื่องนี้อาจจะเป็นบทเรียนสำหรับคนไทยได้ว่า
ห้ามลดคุณภาพเด็ดขาด ถ้าของดีจริง ให้ขึ้นราคาเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมกว่า

          ส่วนลูกค้าคนอื่น ๆ มองว่า ร้านอาหารนี้อาหารอร่อย การที่ต้องปิดร้านเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก ทั้งที่ขายดีแท้ ๆ

ร้านอาหารปิดกิจการ

ร้านอาหารปิดกิจการ

ร้านอาหารปิดกิจการ

KUBET – เชฟเควส ซัดเดือด แก๊งเขาจะรู้ไหมเพื่อนทำอะไรไว้ หลัง เป่าเป้ วิวาห์ล่ม งงอีกคนหายไปไหน

KUBET – CEO แฉฝันร้ายบนเครื่องบิน ผู้ชายข้าง ๆ ขัดหนอนเป็น ชม. แจ้งลูกเรือกลับถูกเมิน

          CEO หญิง เล่าฝันร้ายบนเครื่องบิน เจอผู้ชายข้าง ๆ นั่งสาวหนอนเป็นชั่วโมง แจ้งลูกเรือกลับถูกเมิน จ่ายค่าตั๋วเป็นแสน สุดท้ายแต่เจอแบบนี้



ช่วยตัวเองบนเครื่องบิน

          วันที่ 31 มีนาคม 2568 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานเรื่องราวของ นีล เอลเชอรีฟ ซีอีโอหญิงจากบริษัทแบรนด์หรู ที่ต้องพบเจอประสบการณ์ไม่น่าจดจำขณะเดินทางโดยสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส จากนิวยอร์ก ซิตี สหรัฐฯ ไปเมืองมิลาน ของอิตาลี หลังจากที่เธอถูกบังคับให้นั่งอยู่ติดกับผู้ชายคนหนึ่ง ที่นั่งชักว่าวสำเร็จความใคร่เป็นอยู่ชั่วโมง แถมยังถูกลูกเรือเพิกเฉยตอนที่แจ้งเรื่องให้ทราบ

          รายงานเผยว่า เอลเชอรีฟ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท 3 แห่ง จ่ายเงินค่าตั๋ว 3,000 ดอลลาร์ (ราว 100,000 บาท) เพื่อเดินทางโดยที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมียม ของเที่ยวบินดังกล่าว ซึ่งออกเดินทางเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ระหว่างนั้นเธอนั่งติดอยู่กับชายผิวขาวรายหนึ่ง ที่สั่งแชมเปญมาดื่มตลอดทั้งเส้นทางจนมีอาการมึนเมาอย่างเห็นได้ชัด

          จนเมื่อไฟบนเครื่องถูกหรี่ลง ในตอนที่เอลเชอรีฟกำลังจะงีบหลับ เธอก็สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นข้าง ๆ ตัว เมื่อผู้ชายที่นั่งอยู่ติดกันใช้มือกุมเป้า และถูอวัยวะเพศผ่านกางเกงไม่หยุด แถมยังถูหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เธอถึงกับช็อกตัวแข็ง เมื่อรู้ตัวว่าชายคนนี้นั่งสำเร็จความใคร่อย่างโจ่งแจ้ง

          เป็นเวลาประมาณ 60 นาที ที่ชายคนดังกล่าวนั่งช่วยตัวเองไม่หยุด ขณะที่ลูกเรือก็ไม่ได้เข้ามาห้ามหรือแทรกแซงใด ๆ ในตอนที่เอลเชอรีฟแจ้งให้ลูกเรือทราบถึงความอึดอัดและไม่สบายใจของเธอ ลูกเรือกลับบอกเพียงว่า “ผู้ชายก็ชอบทำอะไรแบบนี้แหละ”

          ลูกเรือย้ำอีกด้วยว่า สามีของตัวเองก็ทำพฤติกรรมแบบเดียวกัน ทำให้ซีอีโอหญิงยิ่งช็อกหนัก

          เอลเชอรีฟ อ้างว่าลูกเรือไม่ยอมปกป้องเธอ
แถมยังไม่ย้ายผู้ชายคนดังกล่าวไปนั่งที่อื่นด้วย
โดยบอกเพียงว่าไม่มีอะไรที่ตัวเองสามารถทำได้
นอกจากการย้ายที่ให้เธอไปนั่งในชั้นประหยัด ทั้ง ๆ ที่เธอจ่ายเงินไปร่วม
3,000 ดอลลลาร์ เพื่อจองตั๋วชั้นประหยัดพรีเมียม

         
สิ่งที่พบเจอทำให้เอลเชอรีฟ ตัดสินใจยื่นฟ้องสายการบินดังกล่าว
ซึ่งในเอกสารคำฟ้องอย่างเป็นทางการ ระบุว่า
“ลูกเรืออ้างว่าไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากย้ายเธอไปที่นั่งชั้นประหยัด
เธอเรียกร้องให้ย้ายผู้ชายคนนั้นไปแทน แต่ลูกเรือปฏิเสธ”

CEO หญิง เจอผู้ชายนั่งข้าง ๆ ช่วยตัวเองบนเครื่องบิน
ภาพจาก Instagram neelelsherif

         
ทนายของเอลเชอรีฟ ชี้ว่า สาเหตุที่ซีอีโอหญิงชาวอาหรับผู้นี้ถูกเมินเฉย
เป็นเพราะเพศและเชื้อชาติของเธอ ท่าทีของลูกเรือตอกย้ำอคติและความเชื่อผิด ๆ
ที่มองว่าผู้หญิงจำต้องทนต่อพฤติกรรมของผู้ชาย
และไม่ได้มองว่าการที่ผู้ชายคนนั้นนั่งสำเร็จความใคร่อยู่ข้าง ๆ เธอ
เป็นการคุกคามทางเพศ

          ขณะเดียวกันยังพบว่า
ลูกเรือให้การดูแลเป็นพิเศษกับผู้โดยสารชายคนนั้นมากกว่าเอลเชอรีฟ
โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความสะดวกสบายของผู้ชายคนนั้นมากกว่า
เพียงเพราะเขาเป็นผู้ชายผิวขาว นอกจากนี้
เอลเชอรีฟยังเห็นว่าหลังจากที่ตัวเองยอมย้ายไปนั่งชั้นประหยัด
ลูกเรือได้เข้าไปเสิร์ฟแชมเปญให้ผู้ชายคนนั้นต่อเรื่อย ๆ
แถมยังมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างสนุกสนานและเป็นมิตร

          ทั้งนี้
เป็นเวลาร่วมชั่วโมงที่เอลเชอรีฟรู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนก
เกินกว่าจะนอนหลับหรือแกล้งทำเป็นหลับได้เพราะกลัวว่าผู้ชายคนนั้นอาจพยายามแตะต้องตัวเธอ
สิ่งที่เกิดขึ้นทิ้งความเสียหายทางอารมณ์อย่างรุนแรงและยาวนาน
ทำให้เธอมีอาการวิตกกังวลขั้นรุนแรง กลัวการบิน และมีบาดแผลทางใจ
ทำให้เธอตัดสินใจยื่นฟ้องสายการบิน ในวันที่ 21 มีนาคม 2568

ขอบคุณข้อมูลจาก Daily Mail, CBS AUSTIN

KUBET – ตามโพธ ต่อสุวรรณ แจงปมขายตึกสาทร ยูนีค ทาวเวอร์ 4 พันล้าน Fact เป็นอย่างไร

ลูกชาย อ รังสรรค์ แจงแล้วปมขายตึกสาทร

          ลูกชาย อ.รังสรรค์ แจงแล้วปมขายตึกสาทร ยูนีค ทาวเวอร์ ได้ 4 พันล้าน เรื่องนี้เป็นยังไง ชี้ เป็นเรื่องยากที่จะขายเพราะมีอะไรเกี่ยวพันเยอะ



ลูกชาย อ รังสรรค์ แจงแล้วปมขายตึกสาทร

          กรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีการขายตึกสาทร ยูนีค ทาวเวอร์ ได้ 4 พันล้าน แต่มีคนสงสัยว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องจ้อจี้ เพราะมีจุดพิรุธหลายจุดด้วยกัน

อ่านข่าว : ขายตึกสาทร ยูนีค 4 พันล้านสำเร็จ ส่อเป็นเรื่องจ้อจี้ เผยจุดที่อาจโป๊ะ – นักข่าวดังสังเกตด้ว

ลูกชาย อ รังสรรค์ แจงแล้วปมขายตึกสาทร
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Tampote Torsuwan


          ล่าสุด วันที่ 2 เมษายน 2568 เฟซบุ๊ก Tampote Torsuwan ของนายตามโพธ ต่อสุวรรณ ลูกชายของ อ.รังสรรค์ ต่อสุวรรณ ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวแล้วดังนี้

          วันนี้โทรศัพท์เข้าจนสายแทบไหม้

ลูกชาย อ รังสรรค์ แจงแล้วปมขายตึกสาทร


          ตั้งแต่ข่าวเรื่องประกาศขาย คุณพ่อ (อ.รังสรรค์ ต่อสุวรรณ) ไม่ได้เป็นผู้ประกาศขายนะครับ

         
ตึกนี้มีข้อพิพาทและคดีความมากมายหลายอย่าง
กระบวนการทางกฎหมายที่ฉ้อฉลยึดทรัพย์ภาคเอกชนผ่องถ่ายไปองค์กรข้ามชาติแล้วฟอกทรัพย์กลับมาเข้ามือกลุ่มทุนสามานย์ที่เป็น
deep stage ของประเทศนี้
คุณพ่อและคุณแม่ต่อสู้กับกระบวนการฉ้อฉลปล้นชาตินี้มายาวนานร่วม 30 ปี

         
Fact ที่หลายคนอาจไม่รู้ ห้องชุดในตึกนี้ได้ขายไปแล้วมากกว่า 90%
ตั้งแต่เปิดขายเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว กลุ่มทุนสามานย์นี้ไม่ได้ปล้นเฉพาะ
Developer แต่ปล้นคนซื้อทุกคน
โอนถ่ายทรัพย์ไปมาเพื่อเขย่าให้ตึกนี้กลายเป็นตึกเปล่าที่ยังไม่มีใครซื้อ
ซื้อถูก-ฟอกขาว-เขย่าให้เป็นตึกเปล่า
นี่คือสิ่งที่ทุนสามานย์ทำกับทุกตึกทุกอาคารที่โดนโยนลงหม้อต้มยำกุ้ง

          เรื่องราวการต่อสู้ของท่านทั้ง 2 ยังคงดำเนินอยู่ และผมเชื่อว่าจะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่

         
การประกาศขายไม่ได้มาจากคุณพ่อ
และท่านไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับใครเกี่ยวกับตึกนี้ในการขาย
ช่วงระยะหลังท่านสุขภาพไม่ค่อยดี ท่านพักผ่อนเสียเป็นส่วนใหญ่ครับ

          โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพข่าว ถ้าปัญหาตึกนี้มันจบง่าย มันคงไม่ยืนเป็นอนุสาวรีย์ต้มยำกุ้งมานาน 30 ปี

ลูกชาย อ รังสรรค์ แจงแล้วปมขายตึกสาทร
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Tampote Torsuwan

KUBET – หมอปลาย ทำนายปี 2568 เตือนภัยพิบัติ อาคารถล่ม คนดังอาจคิดสั้น

          หมอปลาย ทำนายปี 2568 สงกรานต์นี้ระวัง น้ำท่วม และไฟไหม้ เผยเรื่องอาคารยังน่ากังวล จับตาคนดังอาจคิดสั้นจากปัญหาชีวิต



 หมอปลาย
ภาพจาก แฉ

          วันที่ 2 เมษายน 2568 หมอปลาย พลายกระซิบ เปิดใจผ่านรายการแฉ GMM25 โดยออกมาทำนายเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 โดยมีเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นภายใน 3 เดือน ดังนี้

          สงกรานต์นี้ มีทั้งเรื่องน้ำท่วม เพราะฝนจะหนักมาก มีทั้งไฟไหม้ แล้วจะอยู่ในตรอกถนนที่มีตึก 4-5 ชั้น เรื่องน้ำจะอยู่ที่ไฮเวย์ ที่เดิม ๆ ระบายไม่ทัน หนัก แล้วที่จะเกิดตามมาไม่ใช่อาฟเตอร์ช็อก แต่มันจะเป็นเหตุเดิม ไม่ใช่แผ่นดินไหว แต่เป็นรอยร้าวที่มันทะลวง มันกำลังจะหัก มันกำลังจะเจอ แล้วมันจะต้องมีคนวิ่งออกมาอีกจากตึก ซึ่งตึกนี้ค่อนข้างใหญ่ โล่ง โปร่ง ความรู้สึกคือมองว่า ตึกนั้นไม่ได้สร้างมาเพื่อให้คนพัก ไม่ใช่ที่อยู่คน อยู่เป็นแถบเป็นกลุ่ม

          นอกจากนี้ จังหวัด ก. ต้องระวังอีก อยู่แถมปลาย ๆ ท้าย ๆ ระวังเรื่องน้ำ มีสิทธิ์ที่จะแยกผ่ากลาง จะเป็นเรื่องที่เกิดคล้ายคำว่าสึนามิ เป็นผลจากแผ่นดินไหว การปะทุใต้น้ำ แล้วตรงนั้นเป็นรอยตรงกลาง ส่วนที่บางที่สุด ซึ่งการท่องเที่ยวในแถบดังกล่าวกรกฎาคมและสิงหาคมจะอันตรายที่สุด

หมอปลาย ทำนายดวงปี 2568
ภาพจาก แฉ

          ส่วนเรื่องดาราที่โดนคดีกันอยู่ มีสิทธิ์จะได้ออกมาเร็ว ๆ นี้
บางคน ไม่ใช่ทุกคน จะได้ออกปีนี้แน่นอน
แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ดาราจะยังอยู่ข้างใน

          นอกจากนี้
ในช่วง 3 เดือนต่อจากนี้ อาจจะมีเรื่องของคนมีชื่อเสียง
ตัดสินใจจัดการตัวเอง เนื่องจากหมุนเงินไม่ทัน การขายของ แล้วมันล้มมาแล้ว
พยายามจะฟื้นอีกแล้วมันฟื้นไม่ทัน พูดชื่อแล้วมีคนรู้จัก
อาจจะไม่ใช่คนเล่นละคร แต่เป็นคนดัง เอ่ยชื่อแล้วคนรู้จัก
ต้องระวังเรื่องของอาการซึมเศร้า

         
ส่วนเรื่องดี ๆ นั้น อย่าเพิ่งรีบขายทอง ให้รอข่าวดีช่วงสิ้นสิงหาคม
อาจจะมีข่าวดีในช่วงนั้น ส่วนเรื่องการซื้อทองนั้น ถ้าเป็นตนหากราคา 48,000
– 49,000 บาท จะซื้อ เพราะมันมีสิทธิ์ที่จะไปถึง 60,000 บาท