KUBET – สาวโวยร้านชา จ่ายค่าจ้างเป็นเหรียญ นับวนไปทั้งถุง นายจ้างแจงอีกมุม งานนี้ใครผิด

          ลูกจ้างโวย ได้ค่าจ้างมาเป็นเหรียญ โพสต์เรียกทัวร์จนเป็นข่าว นายจ้างเผยอีกด้าน พฤติกรรมแย่ หยุดงานเอง ซ้ำไม่ยอมขอโทษ เลยสั่งสอนบทเรียน แต่ร้านอาจงานเข้าเอง



ลูกจ้างโวย ได้ค่าจ้างมาเป็นเหรียญ
ภาพจาก TVBS

          วันที่ 16 เมษายน 2568 เว็บไซต์ SAOstar รายงานว่า ไม่นานมานี้เกิดกรณีดราม่าเกี่ยวกับนายจ้างร้านชานมเจ้าหนึ่งในเมืองไถหนาน ของไต้หวัน หลังอดีตพนักงานออกมาแฉเรื่องที่นายจ้างจ่ายเงินเดือนให้เธอเป็นเงินเหรียญถุงใหญ่ โดยเงินเดือนของเธออยู่ที่ 6,972 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 7,100 บาท) แต่นายจ้างกลับให้มาเป็นเหรียญ 10 เหรียญ 5 และเหรียญ 1 รวม ๆ กัน ทำให้เธอต้องเสียเวลาอย่างมากในการนับเงินทีละเหรียญ และทำให้เธอเกิดความไม่พอใจอย่างมาก

          เมื่อลูกจ้างลาออก เธอไม่ลังเลที่จะนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาแฉบนโลกออนไลน์ จนเรียกกระแสทัวร์ลงนายจ้าง โดยอดีตลูกจ้างสาวมองว่า การที่นายจ้างจ่ายเงินเดือนด้วยเหรียญ เป็นวิธีการที่สร้างความอับอายแก่เธอและขาดความเคารพต่อลูกจ้าง

          อย่างไรก็ตาม
หลังเรื่องตกเป็นที่สนใจของสังคม
นักข่าวไปเข้าไปสอบถามความจริงจากเจ้าของร้าน
ซึ่งเจ้าของร้านก็ได้อธิบายว่า
การจ่ายค่าจ้างด้วยกล่าวเป็นเหมือนบทลงโทษอย่างหนึ่ง เนื่องจากจริง ๆ
แล้วอดีตพนักงานรายดังกล่าวแสดงท่าทีไม่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน และอยู่ ๆ
ก็หยุดงานไป 3 วันโดยไม่มีเหตุผลที่ดีพอ แม้เจ้าของร้านจะบอกให้ขอโทษ
แต่สาวคนนี้ปฏิเสธไม่ทำตาม ทางร้านจึงตัดสินใจสั่งสอนบทเรียน
ด้วยการนำเงินเหรียญมาจ่ายเงินเดือน

         
“ฉันบอกเธอแล้ว ว่าเราควรมีความเป็นมิตรต่อกันตอนทำงาน
แต่พนักงานรายนี้อ้างว่าตัวเองเพิ่งตื่น เสียงยังไม่ดี
ก็เลยไม่มีเหตุผลที่ต้องขอโทษ” เจ้าของร้านเผย

          สำหรับเงินเดือนที่พนักงานต้องใส่ถุงหอบกลับบ้านนี้
พบว่ามีเหรียญ 10 จำนวน 690 เหรียญ นอกจากนี้ก็ยังมีธนบัตรอีกจำนวน 270
ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 270 บาท) ส่วนเงินที่เหลือนั้นถูกจ่ายด้วยเหรียญ 5
และเหรียญ 1

เจ้านายจ่ายค่าจ้างมาเป็นเหรียญ
ภาพจาก TVBS

         
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ หลี่ซวนชาง
ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งกรมแรงงานไต้หวัน มองว่า
แม้ร้านค้าจะไม่ได้ละเมิดกฎหมายในการจ่ายเงินเดือน
แต่การกระทำนี้ถือว่าขาดจริยธรรมและไม่เคารพลูกจ้าง
ต่อให้ทางร้านไม่ได้ละเมิดเรื่องอื่น ๆ เช่น จ่ายเงินล่าช้า
หรือหักเงินเดือน แต่เขาก็ขอแนะนำให้คนที่เคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้
ไปยื่นคำร้องข้อพิพาทเกี่ยวกับเรื่องงานได้

ขอบคุณข้อมูลจาก SAOstar

KUBET – จักรพันธ์ พรใส ส่องภาพกัปตันมากความสามารถ จากสโมสรเกษตรศาสตร์

KUBET – มายด์ พัชรบุษย์ อดีตผู้ช่วย โตโน่ เคลื่อนไหวครั้งแรก แชร์แคปชั่นคำคมเศร้า สื่อความรู้สึก

KUBET – BMW ป้ายแดง ปาดหน้ากระบะ ทำลุงเข้าไอซียู นายกเบี้ยว แจงปมลูกชาย

          วิจารณ์สนั่น หนุ่มขับ BMWป้ายแดง ขับป่วนกระบะดำ ก่อนปาดหน้าจนลุงซี่โครงหักเข้าไอซียู ด้านนายกเบี้ยวแจงยังไม่ได้คุยกับลูกชาย เผยรถลูกโดนชนก่อน ปัดตามไปหาเรื่อง



BMW ป้ายแดง ปาดหน้ากระบะ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เฮียขับรถ

          วันที่ 17 เมษายน 2568 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า วานนี้ (16 เมษายน) เกิดเหตุการณ์ที่รถเก๋ง BMW สีขาว ป้ายแดง ขับปาดหน้ารถกระบะสีดำ บนมอเตอร์เวย์ ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 พื้นที่ รังสิต-นครนายก ส่งผลให้ลุงกับป้าที่ขับรถกระบะได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นมีทราบว่าคนขับรถเก๋ง BMW เป็นนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ธัญบุรี

          จากคลิปจะสังเกตว่า BMW สีขาว เปิดไฟฉุกเฉินค้างไว้ ขับประกบรถกระบะสีดำ โดยพยายามจะชะลอความเร็ว แล้วเร่งความเร็วเพื่อแซงไปปาดหน้าหลายครั้ง โดยรถกระบะก็พยายามจะเลี่ยงและขับหนี แต่สุดท้ายถูก  BMW สีขาว จงใจขับมาเฉี่ยว จนรถกระบะเสียหลักชนเข้ากับแบริเออร์

          นอกจากนี้ยังมีคลิปหลังเกิดเหตุที่คนขับรถ BMW สีขาว จอดลงมาดูคู่กรณีที่ประสบอุบัติเหตุ โดยพลเมืองดีทำการถ่ายคลิปรถและคนขับ BMW เอาไว้ โดยบางส่วนก็มีการเดินเข้าไปตำหนิใส่เจ้าตัว

BMW ป้ายแดง ปาดหน้ากระบะ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เฮียขับรถ

BMW ป้ายแดง ปาดหน้ากระบะ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เฮียขับรถ

BMW ป้ายแดง ปาดหน้ากระบะ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เฮียขับรถ

          โดยเพจ เฮียขับรถ ระบุว่า เห็นว่า ในรถกระบะเป็นลุงป้าขอโทษแล้วแต่ไม่ยอม ลุงซี่โครงหักนอนไอซียู ขณะที่เพจ โหนกระแส รายงานว่า ลุงกับป้าที่ขับรถกระบะถูกนำส่งโรงพยาบาล ป้าอาการปลอดภัยแล้ว ส่วนลุงมีอาการซี่โครงหัก ยังคงรักษาตัวอยู่ในไอซียู

          ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี หรือ นายกเบี้ยว
ชี้แจงกรณีคลิปดังกล่าวว่า ตนเองยังไม่ได้คุยกับลูกชาย เมื่อเช้าโทร.
ไปเช็กกับเพื่อนลูกชายแจ้งว่าเป็นอุบัติเหตุบนทางหลวง
รถของลูกถูกเฉี่ยวก่อน พยายามตามประกบเพื่อให้รถคู่กรณีจอด
ไม่ได้จะขับไล่ตบรถคู่กรณี

          นอกจากนี้ มองว่า
ช่วงนี้มีเรื่องการเมือง จึงถูกโจมตีเกินเหตุหรือไม่
จากนี้จะขอกล้องวงจรปิดของทางหลวงมาดู และเช็กไปยังโรงพักที่รับผิดชอบ
พบว่ายังไม่ได้มีการแจ้งความอะไร ถ้าผิดจริงจะยอมรับ

BMW ป้ายแดง ปาดหน้ากระบะ
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

BMW ป้ายแดง ปาดหน้ากระบะ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เฮียขับรถ

BMW ป้ายแดง ปาดหน้ากระบะ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เฮียขับรถ

BMW ป้ายแดง ปาดหน้ากระบะ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เฮียขับรถ

BMW ป้ายแดง ปาดหน้ากระบะ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เฮียขับรถ

ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้, โหนกระแส

KUBET – โหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ ภาคิน ว่าอะไรบ้าง หนุ่ม กรรชัย สรุปสารตั้งต้น

          สรุปโหนกระแสวันนี้ 17 เมษายน 2568 เมื่อมายด์มาให้สัมภาษณ์ เล่าทุกอย่าง กรรชัยสรุปม้วนเดียวจบ เหตุที่ทำให้เรื่องบานปลายอยู่ที่จุดไหน



สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส


          วันที่ 17 เมษายน 2568 มายด์ มีการออกรายการโหนกระแสเพื่อเล่าเรื่องในมุมของตัวเอง มีรายละเอียดดังนี้

          – มายด์ ชี้แจงในเรื่องที่เพชรเล่าว่า การทะเลาะกับเพชรแต่ละครั้ง ถ้ารุนแรง อารมณ์ร้อน เขาจะบอกเลิก พอใจเย็นลงก็กลับมาง้อ แล้วก็ดีกันตลอดเลย กระทั่งพฤศจิกายนที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่สะสมมาเรื่อย ๆ จนขอบอกเลิกเพชรเป็นครั้งแรก ส่วนเพชรขอโอกาส หนูก็ให้โอกาสเขาได้ แต่ก็ให้โอกาสตัวเองเหมือนกัน เป็นฟางเส้นสุดท้าย

          – มายด์ ดูแลเพชรทุกอย่าง เพราะเพชรเป็นคนที่เวลาโฟกัสอะไร จะโฟกัสมันอยู่แบบนั้น เช่น ข้าวไม่กิน และอื่น ๆ เพื่อนพูดเล่น ๆ ว่า หนูเป็นแม่ของเพชรอีกคน

          – ยื่นคำขาดให้เพชรว่า ถ้ายังเป็นเหมือนเดิมอีก จะเฟดตัวออกมา สุดท้าย ผ่านไปไม่กี่วัน เพชรก็เป็นเหมือนเดิม ไม่ใส่ใจเหมือนเดิม ตอบแชตช้า ทำให้หนูเฟดตัวออกมา ห่างเพชรมากขึ้น ไปอยู่กับเพื่อนมากขึ้น

          – มายด์ แจงการใช้คำหวาน ๆ อยู่ แม้จะขอถอยห่างออกมาแล้ว เช่น คำว่าที่รัก (กรรชัย มองว่า เลี้ยงความรู้สึกทำไม) เพราะ เป็นความเคยชินในการเรียก

          – สถานะระหว่างเพชรกับมายด์ ไม่ได้เลิกกันขาดหลังเดือนพฤศจิกายน เพชรสามารถมองว่า มายด์เป็นแฟนได้

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

จุดเริ่มต้นกับโตโน่

          – มายด์ ยืนยัน โตโน่เป็นคนชวนไปทำงานด้วย

         
– ทำไมกล้ามาออกโหนกระแส เพราะ มันไม่ใช่เรื่องหนูกับโตโน่
มันมีเรื่องอื่นที่โดนขุดด้วย และไม่ใช่เรื่องจริง ส่วนหนุ่ม กรรชัย
ก็ยอมรับว่า ประหลาดใจที่มายด์กล้ามาออกรายการ

          –
เริ่มรู้จักกับโตโน่ เดือนมีนาคม 2567 ซึ่งตนก็ทำงานได้ดีมาก
หลังจบงานก็มีการแท็กรูปในไอจีให้กับทุกคนที่ร่วมงาน
และเป็นคนแท็กโตโน่ด้วยตัวเอง ส่วนหนุ่ม กรรชัย ก็สอนว่า
การที่แท็กไปหาผู้ชายแบบนี้ เขาอาจจะคิดว่ามีใจ
แล้วก็เป็นการปลุกเสือหลับได้ ซึ่งมายด์ยืนยันว่า
มายด์แท็กโตโน่ไปโดยไม่คิดอะไร

          – มีการเปิดแชตที่มายด์เริ่มทักโตโน่ แล้วคุยกันยาว หนุ่ม กรรชัย จึงบอกว่า ผู้ชายอาจคิดได้นะ

         
– หลังจากนั้นก็คุยกับโตโน่บ้างไม่ได้คุยบ้าง ห่าง ๆ กันไป
จนมีการติดต่อกันอีกครั้งช่วงเดือนมกราคม 2568 ช่วงนั้นหนูว่าง
แล้วโตโน่ทักมาพอดีเรื่องงาน ชวนไปทำงานที่สโมสรเกษตรศาสตร์ ตำแหน่งเลขา
และเป็นตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการโตโน่ มีเมย์ ผู้จัดการโตโน่ เป็นหัวหน้า

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

กัปตันมาจีบจริง

         
– กัปตันทีมมาจีบจริง เพราะออกงานเกษตรแฟร์ด้วยกัน ประมาณเดือนกุมภาพันธ์
เรื่องนี้โตโน่ก็รู้ ก็มีแซวบ้าง แต่หนูยอมรับว่า ไม่ได้ชอบกัปตัน
ที่ให้ไอจีไปเป็นเพราะการทำงาน

          – โตโน่ มีการเตือนมายด์ว่า กัปตันชอบคบเด็ก ๆ ขอให้คิดดี ๆ

          – เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับโตโน่หลังวาเลนไทน์
กระทั่งวันหนึ่งอยู่ในรถกับโตโน่ โตโน่ก็บอกว่า “ชอบมายด์จัง” หนูก็คิดว่า
เขาน่าจะชอบหนูในการทำงาน หลังจากนั้นโตโน่ก็มีส่งข้อความมาหามากขึ้น
บอกว่า คิดถึง

          – ยอมรับมีการหวั่นไหวกับโตโน่ เจอทุกวัน
คำพูดที่เขาใช้ เช่น คิดถึง (เวลาที่ไม่ได้เจอกัน), ฝันดี
มีแต่คำพูดที่น่ารัก ๆ
ซึ่งเพชรไม่ค่อยพูดคำพูดเหล่านี้ในวันที่มายด์ต้องการ, มีมายด์ก็พอแล้วครับ
(ทำกรรชัยร้องโอ้โห)

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

โตโน่ บอก คิดกับณิชาแค่น้องสาว

         
– เคยทักท้วงโตโน่ว่ามีแฟนแล้วนะ แล้วโตโน่ก็ระบายเรื่องณิชาให้มายด์ฟัง
และพี่เมย์อยู่ด้วยว่า “คิดกับณิชาแค่น้องสาว ไม่ได้รักณิชาแล้ว” ทำให้ตนเชื่อว่า สิ่งที่โตโน่พูดบอกรัก เป็นเรื่องจริง
ส่วนเมย์ก็ตอบกลับว่า “พี่รู้สึกได้ สัมผัสได้มาสักพักหนึ่งแล้ว”

         
– หลังจากนั้น โตโน่มีการบอกด้วยว่า “ขอห่างกับณิชา”
ส่วนณิชาก็มีการลงไอจีว่า “ถึงเวลาดูแลหัวใจตนเอง” หนูเลยเชื่อสนิทใจว่าเขาห่างกัน แต่เลิกแบบเด็ดขาดไม่ได้ เพราะมีเรื่องงาน

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

เหตุการณ์โตโน่เจอเพชร

         
– มายด์เล่าเหตุการณ์ที่เพชรเจอวันนั้นว่า โตโน่รู้สึกไม่โอเค มีปัญหา
เช่น ผลบอล จึงนัดเจอมายด์ ความรู้สึกมายด์ในตอนนั้นคือ ชัดเจนกับโตโน่
และยอมรับว่า ไม่ได้บอกเพชรเรื่องนี้

          – มายด์บอกว่า
ทุกคนที่สโมสรเข้าใจว่าหนูโสด หลังจากนั้น เมื่อทำงานสนิทกันมากขึ้น
หนูก็มีบอกกับโตโน่และพี่เมย์ว่า โสด แต่เรื่องแฟนเก่ายังไม่ได้ขาดนะ
โตโน่จึงบอกว่า “มายด์ไปเคลียร์ให้จบนะ”

          – พอถึงวันที่ได้เจอเพชรที่คอนโดพร้อมกับโตโน่ โตโน่ก็ยังไม่รู้ว่าเพชรคือใคร จนต้องบอกเฉลย เป็นแฟนเก่า

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

มายด์ ขอโทษณิชา


         
– มายด์ ยอมรับว่า ที่เล่ามาทั้งหมดรู้สึกผิด คนแรกคือ ณิชา
มายด์ขอโทษณิชาและครอบครัวที่ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ดีก่อน
ขอโทษเพชรและคุณพ่อคุณแม่ ไม่เคลียร์ให้จบ แต่อย่างที่บอกว่า
ยังเป็นห่วงจริง ๆ ทุกวันนี้ไม่ได้คุยแล้ว ก็ยังเป็นห่วงเขา
ขอโทษพ่อกับแม่และครอบครัวตัวเอง ที่ต้องคอยตอบคำถามคนอื่น ที่สำคัญ
ขอโทษประชาชนที่เกิดเรื่องน่าปวดหัว และคอยตามข่าวเท่านี้

         
– มายด์ ไม่อยากเคลียร์อะไรกับโตโน่แล้ว แต่ก็รับว่า
ตอนแรกโกรธเพชรมากที่มีคลิปหลุด เพชรทำไปเพราะอารมณ์ ซึ่งมันเป็นปัญหาเดิม ๆ
ที่เคยเจอกับเพชรมาตลอด

          – มายด์ ยอมรับว่า
สิ่งที่โตโน่พูดออกสื่อกับหลังฉากมันตรงข้ามกัน เช่น อยากอยู่กับหนู
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ไม่รู้ว่าอะไรจริงหรือไม่จริง ถ้าจะง้อกับณิชา
ก็ไปง้อเงียบ ๆ ไม่ใช่พูดผ่านเวทีให้คนอื่นรู้

          – หนุ่ม กรรชัย วิเคราะห์ จุดเริ่มต้นนี้มันมาจากที่มายด์เริ่มทักโตโน่ เป็นการปลุกให้เสือตื่น

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

สรุปโหนกระแสวันนี้ มายด์ พูดถึงโตโน่ กรรชัย ช่วยสรุป
ภาพจาก โหนกระแส

KUBET – United Airlines ไฟลุกเครื่องยนต์เครื่องบิน ทำผวายกลำ เผยต้นเหตุเพราะกระต่าย

          เที่ยวบินระทึกกลางอากาศ เกิดไฟลุกเครื่องยนต์เครื่องบิน ทำผวายกลำ ต้องกลับไปลงจอดฉุกเฉิน เผยต้นเหตุเพราะกระต่าย 



ระทึกกลางอากาศ ไฟลุกเครื่องยนต์เครื่องบิน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
Jarek Kilian / Shutterstock.com


          วันที่ 17 เมษายน 2568 เว็บไซต์เอบีซีนิวส์ รายงานว่า เกิดเหตุระทึกบนเครื่องบินโดยสารรุ่นโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส (United Airlines) ของสหรัฐอเมริกา เมื่อเครื่องยนต์ประสบปัญหาไฟไหม้ หลังจากขึ้นบินได้ไม่นาน โดยเชื่อว่าสาเหตุมาจาก “การชนของกระต่าย” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก

          เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา บนเที่ยวบิน UA2325 ซึ่งมีผู้โดยสาร 153 ราย และลูกเรือ 6 ราย ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติเดนเวอร์ ในรัฐโคโลราโด สหรัฐฯ และกำลังมุ่งหน้าสู่เมืองเอดมันตัน ในรัฐอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา ข้อมูลจากเครื่องบันทึกเสียงของศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศ (LiveATC) ระบุว่า ลูกเรือขอให้ตรวจสอบเครื่องบินว่า เกิดไฟไหม้เครื่องยนต์หรือไม่ และมีการแจ้งว่า “กระต่ายถูกดูดเข้าไปในเครื่องยนต์”

          มีผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องบินบันทึกคลิปวิดีโอช่วงเวลาขณะเกิดเหตุ
แสดงให้เห็นว่า
เครื่องยนต์ที่อยู่บริเวณปีกของเครื่องบินมีเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้น
ขณะที่ผู้โดยสารตกอยู่ในความตื่นตระหนกหวาดกลัว

          สก็อตต์ วูล์ฟฟ์ หนึ่งในผู้โดยสารที่อยู่ในเหตุการณ์ ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ Good Morning America กล่าวว่า “ขณะที่เครื่องบินไต่ระดับขึ้นไป อยู่ ๆ ก็มีเสียงดังปัง
และมีแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในเครื่องบิน
มีลูกไฟขนาดใหญ่ลุกพรึบขึ้นตรงเครื่องยนต์เป็นช่วง ๆ
ทุกคนในเครื่องบินก็เริ่มตื่นตระหนก”

          อย่างไรก็ตาม

เครื่องบินโดยสารลำนี้สามารถกลับไปลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินเดนเวอร์ได้โดยปลอดภัย
โดยไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตราย  

          ไวแอตต์
แม็กเคอร์รี เป็นพยานรายหนึ่งที่อยู่ที่สนามบินเดนเวอร์ เขาเผยว่า
จากด้านล่างเขาสามารถมองเห็นเปลวไฟลุกที่บนเครื่องบิน
เขายอมรับว่าตอนนั้นรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนและใจสั่น
คิดว่าจะเห็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายอย่างเครื่องบินตก

         
ทางสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า
เที่ยวบินดังกล่าวได้เดินทางกลับมาถึงยังสนามบินเดนเวอร์โดยปลอดภัยในเวลา
20.05 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)
จากนั้นผู้โดยสารทั้งหมดได้เดินทางไปยังจุดหมายเดิมด้วยเครื่องบินลำใหม่
ส่วนสาเหตุเชื่อว่า เกิดจากภัยคุกคามจาก “การชนของสัตว์ป่า”
โดยองค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) กำลังดำเนินการสอบสวน


         
ทั้งนี้ ตามข้อมูลของ FAA เผยว่า
โดยทั่วไปกรณีสัตว์ป่าโจมตีเครื่องบินเกิดขึ้นบ่อยในสหรัฐฯ
เมื่อปีที่ผ่านมา มีรายงานมากกว่า 20,000 ครั้ง อย่างไรก็ดี
จากจำนวนทั้งหมดนี้ มีการโจมตีที่เกิดจากกระต่ายเกิดขึ้นเพียง 4
ครั้งเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะพบว่าเป็นนก  


ขอบคุณข้อมูลจาก ABC News

KUBET – หมอของขวัญ แฉแรง จ้างงานอีเวนต์ โตโน่ แพท นักร้องย้ำไม่ยืนติด ฟังคำพูดแล้วจี้ด

KUBET – ส่องรีแอ็ค หนุ่ม กรรชัย เมื่อดูคลิป โตโน่ เล่านิทาน บอกตรง ๆ ถ้าเป็นพี่ จะพูดยังไง…

KUBET – โตโน่ เล่านิทานกลางเวที มีทิ้งท้ายขอเสียงให้คนเจ็บอยู่อย่าง ณิชา ชาวเน็ตอึ้ง

KUBET – บอสเปิดเหตุผล คัดผู้สมัครทิ้ง เหตุมาสัมภาษณ์งานก่อนเวลา 25 นาที คนถกเสียงแตก


          บอสเปิดเหตุผล คัดผู้สมัครทิ้ง เหตุมาสัมภาษณ์งานก่อนเวลา 25 นาที คนถกกันสนั่น มาก่อนเวลาไม่ดียังไง แค่จู้จี้ หรือเป็นเรื่องการจัดการเวลา



บอสเปิดเหตุผล คัดผู้สมัครทิ้ง เหตุมาสัมภาษณ์งานก่อนเวลา 25 นาที

          ในขณะที่การตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญ แต่บางครั้งการเผื่อเวลามากเกินไปกลับกลายเป็นข้อเสีย ที่อาจทำให้เราพลาดโอกาสในการได้งาน ดังเช่นสิ่งที่บอสรายหนึ่งนำมาบอกเล่า จนกลายเป็นไวรัลที่เรียกข้อถกเถียงอย่างมาก

          วันที่ 13 เมษายน 2568 เว็บไซต์ Economic Times รายงานว่า แมตธิว พรีเวตต์ เจ้าของธุรกิจบริการทำความสะอาดในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยเรื่องที่เขาปฏิเสธผู้สมัครงานรายหนึ่งเพราะมาสัมภาษณ์ก่อนเวลานัดหมาย 25 นาที โดยบอสรายนี้โพสต์บน LinkedIn ของเขาว่า

          “เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมเจอผู้สมัครที่มาถึงก่อนเวลา 25 นาที เพื่อสัมภาษณ์งานตำแหน่งผู้ดูแลสำนักงาน และนั่นเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผมไม่จ้างเขา คุณคิดยังไงกับผู้สมัครที่มาถึงเร็วกว่าที่ควร”

          โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัลทันที และกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงในวงกว้างว่าการมาสัมภาษณ์งานนั้น ควรมาถึงในระยะเวลาเท่าไรจึงเหมาะสม บางคนยังไม่เข้าใจว่าการมาถึงก่อนเวลาไม่ดียังไง เพราะอย่างน้อยผู้สมัครก็ไม่ได้มาสาย

          ด้วยเหตุนี้ พรีเวตต์ จึงเข้ามาอธิบายเหตุผลในมุมของเขาว่า เขาไม่ได้ทำตัวยุ่งยากหรือจู้จี้ แต่แค่พยายามจะรักษาขอบเขตและหลีกเลี่ยงการรบกวนใด ๆ ในสำนักงานเล็ก ๆ ของเขาเท่านั้น

          “การมาถึงเร็วเป็นเรื่องดี แต่การมาถึงเร็วเกินไปมาก ๆ ก็บ่งชี้ได้ว่าบุคคลนั้น ๆ บริหารเวลาได้ไม่ดี โดยรวมแล้วผมรู้สึกว่ามันแสดงถึงการขาดความตระหนักรู้ทางสังคม และขาดการจัดการเวลาที่เหมาะสม เพราะเขา (ผู้สมัคร) ก็ไม่ได้มาจากที่ไกลมาก ๆ ด้วย”

          พรีเวตต์ มองว่าการที่ผู้สมัครมาถึงเร็วมาก ๆ สร้างแรงกดดันและความอึดอัดแก่เขา สำนักงานเล็ก ๆ ของเขามีพื้นที่ส่วนตัวน้อย และผู้สมัครอาจได้ยินเสียงโทรศัพท์ติดต่องานของเขา เขายอมรับว่ามันทำให้เขารู้สึกถูกเร่ง และไม่สบายใจ สำนักงานของเขาไม่ได้เอื้ออำนวยให้แขกที่มาถึงเร็วอย่างไม่คาดฝัน สามารถนั่งรอได้อย่างสบายใจ

          เมื่อถามถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม พรีเวตต์มองว่า มารยาทสำหรับการสัมภาษณ์งานทั่ว ๆ ไป ผู้สมัครควรมาถึงก่อนเวลา 5-15 นาที แต่ไม่มากไปกว่านั้น ซึ่งสำหรับเขานี่เป็นเรื่องของความเป็นมืออาชีพ พื้นที่ส่วนตัว และการเคารพเวลา ทั้งตัวเขาและผู้สมัครเอง

          อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ชาวเน็ตส่วนหนึ่งเห็นด้วยกับเขา แต่ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะยืนอยู่ฝั่งผู้สมัคร โดยมีความเห็นจากคนอื่น ๆ บน LinkedIn เช่น

          “ไม่เลย นี่เป็นการประเมินที่ไร้สาระมาก ส่งเขามาหาฉัน ฉันจะจ้างเขาเลยทันที”

          “จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าวิธีการเดินทางเพียงอย่างเดียวของเขาคือรถเมล์ หรืออะไรสักอย่างที่เขาควบคุมไม่ได้ว่าจะมาถึงกี่โมง ดูเหมือนเขาแค่ทำในสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมาถึงทันเวลา”
 
          คนอื่น ๆ ยังตั้งข้อสังเกตว่า ในสภาพระบบขนส่งที่ไม่แน่นอนดังเช่นทุกวันนี้ ทั้งรถไฟล่าช้า การจราจรที่คาดเดาไม่ได้ การมาถึงก่นเวลาน่าจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยว่าการมาสาย

          อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีกฎตายตัวว่าผู้สมัครควรมาถึงก่อนเวลานานแค่ไหน แต่นี่ก็เป็นเรื่องเตือนใจอย่างดีสำหรับผู้สมัคร ในการสร้างความสมดุลระหว่างความตรงต่อเวล่ และการคำนึงถึงบริบทต่าง ๆ เช่นเดียวกับฝั่งนายจ้างที่ถูกตั้งคำถามเรื่องความยืนหยุ่น ทั้งนี้ รายงานยังระบุว่าจุดที่เหมาะสมในขณะนี้ยังคงอยู่ที่ 15 นาที ซึ่งเร็วพอที่จะทำให้ฝั่งนายจ้างเห็นว่าผู้สมัครมีความพร้อม แต่ก็ไม่เร็วเกินไปจนฝั่งนายจ้างไม่ทันตั้งตัว
 
ขอบคุณข้อมูลจาก Economic Times