เดือน: เมษายน 2025

          สายการบินเล่าเหตุการณ์ เที่ยวบินล่าช้า 35 นาที เพื่อรอผู้โดยสาร 6 คน แต่คนทั้งลำเต็มใจรอ หลังรู้คือกลุ่มคนพิเศษ เพราะทุกนาทีมีค่าถึงชีวิต

ภาพจาก Vietnam Airlines

          เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 Vietnam Airlines เผยเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางของเที่ยวบิน VN251 สายการบินเวียดนาม แอร์ไลน์ส ที่มีอันต้องล่าช้ากว่ากำหนดถึง 35 นาที เพื่อรอผู้โดยสารกลุ่มหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นผู้โดยสารทุกคนบนเครื่องกลับไม่มีคำตำหนิใด ๆ และเต็มใจจะรออย่างอดทน พร้อมแบ่งปันช่วงเวลาที่เปี่ยมไปด้วยความหมายของชีวิตร่วมกัน

          โดยมีการเปิดเผยว่า เที่ยวบินนี้ล่าช้าไป 35 นาที เพื่อรอทีมแพทย์ 6 คน จากโรงพยาบาล 108 Military Central Hospital ซึ่งกำลังจะเดินทางไปทำภารกิจเร่งด่วน ในการนำอวัยวะจากผู้บริจาคไปช่วยชีวิตผู้ป่วย 2 ราย

          เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา เที่ยวบิน VN251 มีกำหนดการเดินทางจากกรุงฮานอย ไปยังโฮจิมินห์ซิตี ในเวลา 12.00 น. แต่จากนั้นเมื่อได้รับคำร้องขอเร่งด่วนจากศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะแห่งชาติ ทางเวียดนาม แอร์ไลน์สจึงให้ความร่วมมือ ในการจัดเตรียมที่นั่งและตั๋วสำหรับทีมแพทย์ทั้ง 6 คน ที่ต้องเดินทางด่วนทันที

ภาพจาก Vietnam Airlines

          เนื่องจากระยะเวลาอันจำกัดในการนำอวัยวะจากผู้บริจาค ไปสู่ผู้ป่วยที่รอต่อชีวิต ทีมแพทย์ได้รับการอำนวยความสะดวกให้ผ่านการตรวจความปลอดภัย ตลอดจนขึ้นเครื่องบิน เดินทางถึงปลายทาง กระทั่งไปถึงโรงพยาบาล

          รายงานเผยว่า ทีมแพทย์ทั้ง 6 คน เดินทางโดยเที่ยวบิน VN251
ไปถึงโฮจิมินห์ซิตี ก่อนจะนำอวัยวะที่ได้รับจากผู้บริจาคที่โรงพยาบาล
เร่งเดินทางต่อไปยังผู้ป่วยใน 2 เมือง โดยทีมหนึ่งเดินทางด้วยเที่ยวบิน
VN1378 จากโฮจิมินห์ซิตี ไปยังเมืองเว้ และอีกทีมเดินทางโดยเที่ยวบิน VN258
จากโฮจิมินห์ซิตี ไปกรุงฮานอย

          ทั้งนี้
หนึ่งในอวัยวะที่ต้องเร่งนำไปปลูกถ่ายด่วน คือหัวใจ
ทำให้มีข้อกำจัดด้านเวลาอย่างยิ่ง แต่ด้วยความร่วมใจจากทุกคน
ทำให้ในที่สุดผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ก็ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะภายในค่ำคืนนั้น

ภาพจาก Vietnam Airlines

ขอบคุณข้อมูลจาก Vietnam Airlines

          ไฟไหม้ตึกกลางสิงคโปร์ พบมีโรงเรียนสอนทำอาหาร กลุ่มครูเสี่ยงชีวิตเร่งพาเด็ก ๆ หนี เผยภาพนาทีบีบหัวใจ ทางโรงเรียนชื่นชม พวกคุณคือฮีโร่

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Tomato cooking school

          วันที่ 10 เมษายน 2568 เว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ รายงานว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคาร 3 ชั้น บริเวณถนนริเวอร์วัลเลย์ ทางตอนกลางของประเทศสิงคโปร์ เป็นผลให้ผู้คนจำนวนมากรวมถึงเด็กเล็ก ๆ ต้องพากันอพยพหนีตาย ขณะที่ความกล้าหาญของกลุ่มครู 17 คนจากโรงเรียนสอนทำอาหาร ตลอดจนแรงงานต่างชาติ ที่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเด็ก ๆ หนีออกจากกองเพลิง กลายมาเป็นวีรกรรมที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก

          เหตุไฟไหม้ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 09.45 น. วันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าพบเปลวไฟบริเวณชั้น 2 และ 3 ของอาคาร ก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมเพลิงไว้ได้ ภายใน 30 นาที

          สำหรับอาคารแห่งนี้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนสอนทำอาหาร Tomato Cooking School ที่มีเด็กจากโรงเรียนนานาชาติ กำลังมาเรียนทำอาหารในช่วงวันหยุด ทางคุณครูจึงต้องความพยายามอย่างมากในการพาเด็ก ๆ หนี โดยปรากฏภาพถ่ายขณะที่ครูและเด็ก ๆ ออกมาอยู่ตรงขอบด้านนอกของอาคาร ในขณะที่มีกลุ่มควันสีดำลอยออกมาจากหน้าต่าง

          ระหว่างนั้น พบว่าพลเมืองดีทั้งหลายรวมถึงคนงานก่อสร้าง ได้ช่วยกันยกนั่งร้านเหล็กกับบันไดมาช่วยนำคนเหล่านี้ลงไปอย่างปลอดภัย โดย ซากิล โมฮัมเหม็ด คนงานชาวบังคลาเทศ ที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ เผยกับสื่อท้องถิ่นว่า เด็กบางคนนั้นเกือบที่จะกระโดดลงจากตึกไปเองด้วยซ้ำ

          “เด็ก ๆ อยากจะกระโดดลงไป ผมต้องบอกพวกเขาว่าไม่ให้กระโดด ผมจะไปช่วยเอง” ซากิล กล่าว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Bae Bay

          ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ 21 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กหลายราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเด็กหญิงชาวออสเตรเลีย วัย 10 ขวบ

          ด้านโรงเรียนสอนทำอาหาร Tomato Cooking School
ได้โพสต์ภาพพร้อมชื่นชมในความกล้าหาญ
และการตัดสินใจอันฉับไวของกลุ่มครูทั้ง 17 คน ทั้งจากสถาบัน Newtonshow และ
Tomato Cooking School ตลอดจนแรงงานต่างชาติที่ช่วยเหลือ
ที่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ ให้อพยพออกมาอย่างปลอดภัย
พร้อมระบุว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงครูที่ให้ความรู้เท่านั้น
แต่ยังเป็นฮีโร่ด้วย

          ทั้งนี้
ทางสถาบันรู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่งกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิง 1 คน
และผู้บาดเจ็บอีกหลาย ๆ คน
ซึ่งทางสถาบันจะส่งกำลังใจถึงครอบครัวให้ผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปได้
และขอขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อความพยยามของกลุ่มคน
ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียยิ่งกว่านี้

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Bae Bay

ขอบคุณข้อมูลจาก Independent, Tomato cooking school

        ขับรถหรูหลายล้านมาจอด โดนลุงกับป้าถอยมาชนบุบ เสียค่าซ่อมหลักหมื่น แต่เจ้าของใจดี ให้ชดใช้ด้วยมื้ออร่อยแทนจ่ายเงินก้อนโต

ภาพจาก Weibo

         วันที่ 5 เมษายน 2568 เว็บไซต์ News.qq รายงานว่า โลกออนไลน์ของจีน แชร์คลิปเจ้าของรถหรูที่เกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถขายอาหารสตรีตฟู้ด งานนี้ปกติแล้วคู่กรณีอาจต้องเสียค่าซ่อมอ่วม แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเคสนี้

         เหตุการณ์นี้เป็นคลิปอุบัติเหตุที่เมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน ชายสกุลหยาง เจ้าของรถ Range Rover ราคา 1.4 ล้านหยวน (ราว 7 ล้านบาท) เขานั้นขับรถมาจอดไว้ที่จุดจอดรถ แต่พอลงจากรถไม่นาน ปรากฏว่า มีหญิงแม่ค้าอาหารเช้าถอยมาชนด้านข้างจนมีรอยบุบ ทางแม่ค้าจึงให้สามีเข้ามาเจรจาพูดคุยกับเจ้าของรถเกี่ยวกับความเสียหาย

ภาพจาก Weibo

         เจ้าของรถหรู โทร. สอบถามศูนย์บริการซ่อมรถยนต์ เบื้องต้นศูนย์ประเมินค่าใช้จ่ายในการซ่อมไว้ประมาณ 3,000 หยวน (ราว 15,000 บาท) เท่าเอาสามีของแม่ค้าถึงกับตกใจเมื่อได้ฟังตัวเลขค่าซ่อมที่ต้องเจอ

         หลังจากพูดคุยกัน เจ้าของรถจึงทราบว่า 
สามีภรรยาคู่นี้อายุประมาณ 50 กว่าปี
มีภาระต้องดูแลครอบครัวทั้งพ่อแม่และลูกหลาน
ด้วยการหารายได้จากร้านอาหารเช้าเล็ก ๆ
จึงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะหาเงินมาชดใช้ค่าเสียหายที่แพงเช่นนี้ได้

ภาพจาก Weibo

        
ปรากฏว่า เจ้าของรถ ได้ยื่นข้อเสนอให้กับอีกฝ่ายว่า
ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องจ่ายเป็นเงิน เปลี่ยนเป็นทำอาหารในร้านอย่าง แพนเค้กไข่
ให้เขากินแทนก็พอแล้ว ทำเอาคุณลุงคุณป้าแม่ค้าก็ปลื้มใจกับน้ำใจ
พร้อมยังออกปากว่า ที่ร้านจะทำเมนูนี้ให้เจ้าของรถกินฟรีตลอดชีวิต
เขาและเพื่อนสามารถมากินเมนูนี้ที่ร้านได้ฟรีเสมอหลังจากนี้
แต่เจ้าของรถยืนยันว่าเขานั้นไม่อยากเอาเปรียบใคร จึงกำหนดตัวเลขไปว่า
จากนี้เขาจะแวะมากิน แพนเค้กไข่ ฟรี ๆ ทั้งหมดแค่เพียง 15 ชิ้นก็พอ

ภาพจาก Weibo

         หลังจากเรื่องราวนี้ถูกแชร์ออกไป
ปราฏว่าได้สร้างความประทับใจให้กับผู้คนในโลกออนไลน์ 
หลายคนต่างพากันชื่นชมว่า เจ้าของรถที่ใจกว้าง เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
สมแล้วกับที่เป็นคนขับรถหรู

         อย่างไรก็ดี
เจ้าของร้านไม่ใช่ฝ่ายที่จะรับแต่น้ำใจเพียงอย่างเดียว
โดยคุณลุงเจ้าของร้านนั้นติดต่อเพื่อชดใช้เงินให้เพิ่มแล้ว 99 หยวน (ราว
450 บาท) พร้อมกับขอบคุณเจ้าของรถอีกครั้ง เพราะซึ้งใจที่ได้เจอกับคนดี ๆ
อย่างแท้จริง

ขอบคุณข้อมูลจาก news.qq

          เจ้าของบ้านช็อกเกือบหยุดหายใจ เจองูดำตัวใหญ่แอบเข้ามานอนขดอยู่ข้างที่นอน ของจริงไม่ใช่เล่น เห็นแล้วขนลุกทั้งตัว 

ภาพจาก YouTube Y DỊU

          วันที่ 10 เมษายน 2568 เว็บไซต์ Soha เผยว่า ผู้ใช้โซเชียลมีเดียได้แชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์น่าตกใจจนกลายเป็นไวรัล เมื่อเจ้าของบ้านหลังหนึ่งในจังหวัดกว๋างจิ ทางตอนกลางเหนือของประเทศเวียดนาม ได้เจอกับ “แขกไม่ได้รับเชิญ” โผล่มาเยี่ยมถึงในห้องนอน แถมยังแอบอยู่ตรงข้างที่นอนเลย สร้างความหวาดกลัวและชวนให้ขนลุกไปตามกัน  

          จากคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ถูกนำมาเผยแพร่ แสดงให้เห็นว่า มีงูสีดำทะมึนตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่ามีน้ำหนักหลายกิโลกรัม ขดตัวนอนอยู่ตรงบริเวณซอกข้างที่นอน จังหวะที่เจ้าของบ้านไปเจอนั้น ตอนแรกดูเหมือนว่ามันจะนอนนิ่งและชูคอขึ้นมา แต่เมื่อซูมเข้าไปดูใกล้ ๆ จะเห็นว่ามันขยับตัวหายใจแรง ชวนให้รู้สึกน่าสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง

          โดยผู้โพสต์เผยว่า เจ้าของบ้านได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังอยู่ในห้องนอน แต่ดังไม่มากนัก จึงได้เข้าไปสำสำรวจดูโดยที่ไม่ได้คิดอะไร แต่แล้วกลับต้องช็อกอย่างไม่คาดคิด เมื่อเจองูสีดำตัวใหญ่ตัวนี้อยู่ตรงข้างที่นอนพอดี  

ภาพจาก YouTube Y DỊU 

          อย่างไรก็ดี
ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าทางเจ้าของบ้านได้จัดการอย่างไรกับงูตัวดังกล่าวนี้
และตามรายงานไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นงูสายพันธุ์ใด
แต่ภายหลังจากที่คลิปวิดีโอเหตุการณ์ถูกแชร์ไปบนโลกออนไลน์
ก็ได้รับความสนใจอย่างเร็ว และหลายคนที่ได้เห็นต่างพากันตกใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันมันมาแอบอยู่ตรงข้างที่นอนในระยะใกล้มากขนาดนี้

          “แค่เห็นมันหายใจ ฉันก็แทบจะหยุดหายใจ ต่อไปนี้ต้องตรวจดูใต้เตียงและหน้าต่าไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งก่อนเข้านอน”

          “ทั้งตัวดำและใหญ่ขนาดนี้ น่ากลัวมาก เคยเห็นแต่ในหนัง ทุกคนอย่าลืมดูแลบ้านให้สะอาดและปิดรอยร้าวให้หมด”

          ทั้งนี้ มีชาวเน็ตบางส่วนเข้าไปแสดงความคิดเห็นคาดเดาว่า
สาเหตุที่งูเข้ามาอยู่ในบ้านอาจเกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
เป็นฤดูผสมพันธุ์ หรือพื้นที่โดยรอบมีพุ่มไม้และท่อระบายน้ำจำนวนมาก
ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยของงู

         
เหตุการณ์งูเข้าบ้านครั้งนี้จึงเป็นอุทาหารณเตือนให้ทุกคน
โดยคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้กับธรรมชาติให้ใส่ใจตรวจสอบบ้านเรือนเป็นประจำ
เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์อันตรายที่ไม่คาดคิด

ขอบคุณข้อมูลจาก Soha

          ดาราสาวชะตาพลิกผัน งานในวงการกำลังรุ่ง ก่อนจู่ ๆ ป่วยเข้า รพ. นอนโคม่าเป็นผัก 3 เดือน เปิดใจอาการล่าสุด ยังหวังหายดีกลับคืนหน้าจอ

ภาพจาก Weibo

          วันที่ 9 เมษายน 2568 เว็บไซต์ Sina รายงานว่า เซียว เหยียนหนี (Xiao Yanni) นักแสดงสาวชาวจีน วัย 28 ปี ออกมาเปิดเผยเรื่องราวชะตาชีวิตอันพลิกผัน หลังเส้นทางในวงการกำลังไปได้อย่างสวยหรู แต่จู่ ๆ กลับต้องชะงักเพราะป่วยหนักแบบกะทันหัน จนต้องนอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาลยาวนานถึง 3 เดือน

          เซียว เหยียนหนี จบการศึกษาจากสถาบันภาพยนตร์ปักกิ่งและกำลังมีเส้นทางที่สดใส หลังได้รับบท เหอเหม่ย ในละครเรื่อง หัวหน้าห้องที่รัก (班长”殿下”) และมีผลงานร่วมแสดงในซีรีส์และภาพยนตร์อีกด้วย

ภาพจาก Weibo

          อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนกันยายน 2564 ดาราสาว เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เธอนั้นสมองขาดเลือด อยู่ในอาการโคม่าและเข้าสู่สภาพผัก (Vegetative State) ก่อนจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างย่างปาฏิหาริย์หลังจากโคม่าไปนาน 3 เดือน

          แม้ว่าจะผ่านอาการเฉียดตายไปอย่างหวุดหวิด
แต่ร่างกายของเธอนั้นยังคงได้รับผลกระทบ
โดยในตอนแรกร่างกายซีกซ้ายของเธอเกือบจะเป็นอัมพาต ซึ่ง เซียว เหยียนหนี
ก็มุ่งมั่นในการฟื้นฟูร่างกายของตัวเองมาตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ภาพจาก Weibo

ภาพจาก Weibo

          เซียว
เหยียนหนี เผยว่า
แม้แพทย์จะไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดของอาการหัวใจหยุดเต้นได้
แต่เธอนั้นคิดว่าคงเป็นเพราะการทำงานหนัก
เนื่องจากเธอนั้นเป็นนักแสดงมาตั้งแต่อายุ 16 ปี ทำงานในวงการมาต่อเนื่อง 9
ปี ซึ่งตลอดช่วงเวลานั้นเธอรู้สึกแข็งแรงดี ไม่มีสัญญาณใด ๆ ว่าจะล้มป่วย
ซึ่งเธอมองว่าอาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าและทำงานหนักเกินไป คล้ายเคสของ
จ้าว ลู่ซือ นักแสดงชื่อดัง ที่เพิ่งผ่านการต่อสู้กับอาการป่วยเช่นกัน

          สุดท้ายนี้
เธอยอมรับว่า หลังเผชิญกับอาการป่วยดังกล่าว
มันทำให้เธอได้กลับมาทบทวนความหมายขอการมีชีวิตใหม่
จึงอยากขอบคุณพ่อแม่ที่คอยอยู่เคียงข้างเธอ
พร้อมยังขอบคุณทุกคำห่วงใยที่ส่งเข้ามา อาการปัจจุบัน
เธอนั้นสามารถเดินได้บ้างแล้ว และสามารถแต่งตัวและอาบน้ำเองได้
ส่วนความตั้งใจหลังจากนี้ เธอยังคงอยากที่จะกลับมามีผลงานบนหน้าจออีกครั้ง
เมื่อร่างกายกลับมาแข็งแรงเต็มที่แล้ว

ภาพจาก Weibo

ภาพจาก Weibo

ภาพจาก Weibo

ภาพจาก Weibo

ภาพจาก Weibo

ภาพจาก Weibo

ขอบคุณข้อมูลจาก Sina, NOWnews

           เปิดภาพ ลุงจำลอง พล.ต. จำลอง ศรีเมือง ในวัยเกือบ 90 ปี ยังยิ้มแย้มเข็งแรงดี เยี่ยมชมตลาดทักทายพ่อค้าแม่ค้า มาทั้งรถเข็นไฟฟ้า

ภาพจาก เฟซบุ๊ก เฮือนซายโท่ง Organic Farm & Cafe

           วานนี้ (12 เมษายน 2568) เฟซบุ๊ก เฮือนซายโท่ง Organic Farm & Cafe ได้เผยคลิปของ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง หรือ ลุงจำลอง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งเคยเป็นแกนนำพันธมิตร และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ขณะนั่งรถเข็นไฟฟ้า มาเยี่ยมชมตลาดอาริยะ ที่หมู่บ้านราชธานีอโศก อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาร่วมทักทายกัน

           พร้อมกันนั้นได้ระบุข้อความ “12/04/2568 เช้าวันนี้ #ลุงจำลอง (พล.ต. จำลอง ศรีเมือง) ในวัย 90 ปี (เดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ครบ 90 ปีเต็ม) แม้เดินไม่สะดวกแล้วแต่ก็นั่งรถเข็นไฟฟ้ามาเยี่ยมชมการจัดเตรียมสินค้าและให้กำลังใจแก่ญาติธรรมและลูกหลานชาวอโศกที่กำลังช่วยกันจัดของเตรียมขายในงานตลาดอาริยะ ระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย. 2568 นี้”

ภาพจาก เฟซบุ๊ก เฮือนซายโท่ง Organic Farm & Cafe

           ทั้งนี้
พบว่า พล.ต. จำลอง มีสีหน้ายิ้มแย้มดูสดใส มีการพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้า
บรรยากาศภายในตลาดเป็นกันเองดูอบอุ่น
ซึ่งต่อมาก็ได้มีคนเข้ามาคอมเมนต์อวยพรกันไม่น้อย
เมื่อคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกมา

          แม่เก็บทองไว้ใต้เตียง ห่อกระดาษเหมือนไม่มีค่า แถมมีรอยดำ ไม่รู้ทองคำแท้หรือไม่ เดาว่าอาจะได้สัก 2 แสน ก่อนช่างทองตีราคาอึ้ง เกือบล้าน !

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

          เป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจบนโลกออนไลน์ เมื่อ นะโม บ้านช่างทอง ได้โพสต์คลิปลง TikTok @namobanchangtongdaengso0 เผยให้เห็นช่วงเวลาที่สามีภรรยาคู่หนึ่ง เดินทางไกลมาจากประเทศมาเลเซีย เพื่อนำทองคำซึ่งเป็นมรดกจากคุณแม่มาให้ทางร้านตรวจสอบ เพราะไม่มั่นใจว่าเป็นทองคำจริงหรือไม่ เนื่องจากปรากฏรอยดำ ซึ่งพวกเขามองว่าหากเป็นทองคำก็ไม่น่าจะดำแบบนี้

          โดยทางลูกค้าเล่าว่า คุณแม่ของสามีเก็บทองเหล่านี้ไว้ใต้เตียงเหมือนกับของไม่มีค่า และก่อนคุณแม่เสียชีวิตก็ไม่เคยบอกว่าเก็บทรัพย์สินมีค่าไว้ จนมีวันหนึ่งคุณพ่อสามีไปนอนที่เตียงของคุณแม่ พบว่าเตียงเก่าและทรุด เลยมาบอกลูกชายให้ไปขยับยกเตียงที่ทรุดขึ้น จึงไปเจอทองคำที่ห่อกระดาษเก็บไว้ใต้เตียง

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

          เนื่องจากเห็นว่าทองมีสีดำ เลยไม่มั่นใจว่าเป็นทองคำแท้ทั้งหมดหรือไม่ หากเป็นของปลอมก็จะโยนทิ้งไป แต่หากเป็นทองคำจริง ทางภรรยาก็คาดหวังว่าจะได้ราคาสัก 200,000 – 250,000 บาท ส่วนสามีนั้นคิดว่าน่าจะได้ทองคำหนักสัก 2 – 3 บาท ซึ่งน่าจะตกเป็นเงินไทยราวแสนกว่าบาท

          ทั้งนี้ หลังจากการตรวจสอบ พบว่าทองคำที่นำมานี้เป็นทองคำแท้ ซึ่งมีเปอร์เซนต์ทองต่างกันไป สุดท้ายทางสามีก็ตัดสินใจเก็บเหรียญหนึ่งไว้เป็นของที่ระลึกถึงคุณแม่ และให้หลอมทองที่เหลือทั้งหมด ซึ่งสุดท้ายแล้วช่างตีราคาทองคำทั้งหมดนี้ได้ที่ 754,932 บาท ซึ่งมากกว่าที่ทั้งคู่คาดหวังไว้หลายเท่า !

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

ทองดำ ใช่ทองจริงไหม เกิดจากอะไร ?

         
สำหรับสาเหตุที่ทองมีรอยดำ ทางช่างทองอธิบายว่า
รอยดำที่เห็นอยู่นี้บางคนเรียกว่าคราบสนิมทอง ซึ่งไม่ใช่สนิม
และสามารถลบออกได้ด้วยยางลบ รอยดำนี้เกิดจากออกไซด์ คือน้ำรวมกับอากาศ
โดยจุดที่เป็นน้ำยาประสานหรือรอยเชื่อมกันนั้น เปอร์เซนต์ทองจะไม่สูง
มีเงินกับทองแดงผสมอยู่ด้วย จึงทำให้เกิดคราบออกไซด์ได้ง่าย
เมื่อโดนอากาศก็จะดำง่าย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทองที่มีรอยดำจะไม่ใช่ทองคำแท้

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0