KUBET – คู่พ่อลูกเหลี่ยมจัด โกงร้านอาหารหลอกกินฟรี 100 ร้าน ใน 3 ปี ใช้เทคนิคเดียวกัน

          เปิดกลโกง คู่หูพ่อลูกเหลี่ยมจัด หลอกกินฟรีร้านอาหาร 100 ร้าน ใน 3 ปี ใช้เทคนิคเดียวกัน ก่อนสุดท้ายความแตกถูกจับได้



หลอกกินฟรี
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          มิจฉาชีพมีกลโกงมากมายสารพัด และเหยื่อก็มีหลากหลายรูปแบบ แม้แต่ร้านอาหารก็สามารถตกเป็นเหยื่อได้ มีลูกค้าหัวหมอบางรายใช้กลโกงเพื่อเลี่ยงไม่จ่ายบิลค่าอาหาร ซึ่งบางร้านก็คงจะเคยพบเจอ แต่หากมีผู้ที่สามารถหลอกกินอาหารฟรีได้เป็น 100 ร้าน ภายในเวลา 3 ปี คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน   

          วันที่ 9 เมษายน 2568 เว็บไซต์อ็อดดิตี้เซ็นทรัล เผยเรื่องราวคดีความสุดแปลกของพ่อลูกคู่หนึ่งในฝรั่งเคส คนพ่อวัย 48 ปี และคนลูกวัย 18 ปี ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา ที่เมืองตูลง ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ภายหลังจากก่อเหตุตระเวนใช้กลโกงหลอกกินอาหารที่ร้านอาหารโดยไม่จ่ายเงิน ซึ่งทำสำเร็จมามากถึง 100 แห่ง ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยใช้วิธีการเดียวกันที่วางแผนมาเป็นอย่างดี

แผนการแยบยล

          ตามรายงานการสืบสวนเผยว่า พ่อลูกคู่นี้จะเข้าไปกินอาหารที่ร้าน โดยแสร้งทำเป็นเหมือนลูกค้าทั่วไปที่ไม่มีเงินสดติดตัว และบัตรเครดิตก็ใช้ไม่ได้ ผู้เป็นพ่อจะขอโทษที่ทำให้เกิดความไม่สะดวก พร้อมทั้งทิ้งบัตรประจำตัวหรือบัตรประกันสังคมไว้เป็นหลักประกันว่าจะกลับมาชำระเงิน แต่พวกเขาก็ไม่กลับมาจ่ายเงินอีกเลย แล้วหลังจากนั้นก็ไปแจ้งว่าบัตรหายหรือถูกขโมยเพื่อออกบัตรใบใหม่มาแทน

          พ่อลูกคู่นี้ใช้กลวิธีนี้เช่นเดียวกันกับทุกร้านอาหารที่พวกเขาตระเวนไป โดยทั้งสองจะค้นหาข้อมูลทางออนไลน์เกี่ยวกับร้านอาหารที่เป็นเป้าหมายอย่างละเอียด พวกเขาจะเลือกเฉพาะร้านอาหารที่เจ้าของร้านได้รับการรีวิวว่าเป็นมิตรกับลูกค้า และแน่นอนว่าหลังจากก่อเหตุแล้ว ทั้งคู่ก็ไม่เคยกลับไปที่ร้านเดิมซ้ำเป็นครั้งที่สอง

เทคนิคกลโกง

          พ่อและลูกชายจะแต่งตัวดีเพื่อรักษาภาพลักษณ์ว่ามีเงิน
เมื่อไปที่ร้านจะเริ่มสั่งเมนูเรียกน้ำย่อย ตามด้วยอาหารจานหลัก ของหวาน
ไวน์ และเครื่องดื่มปิดท้าย โดยบิลค่าอาหารจะอยู่ระหว่าง 80-150 ยูโร (ราว
3,000-5,600 บาท) เมื่อได้รับบิล ผู้เป็นพ่อจะให้บัตรเครดิตที่ใช้งานไม่ได้
จากนั้นก็ทำเป็นส่งลูกชายให้ไปกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มใกล้ ๆ
แต่ลูกชายก็จะกลับมามือเปล่า

          ต่อมาผู้เป็นพ่อจะเล่นละครทำทีเป็นเขินอายพร้อมกล่าวขอโทษให้ดูเหมือนว่าออกมาจากใจจริง
และสัญญาว่าจะกลับมาในวันรุ่งขึ้นพร้อมเงินค่าอาหาร
โดยจะทิ้งบัตรประจำตัวหรือบัตรประกันสังคมเอาไว้ให้กับทางร้านเพื่อให้ดูน่าไว้วางใจ
แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยกลับไปอีกเลย
และน่าประหลาดที่ทางเจ้าของร้านก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยเอาเรื่อง
ทำให้ทั้งสองใช้วิธีการนี้ไปหลอกร้านอื่น ๆ ได้อีกเรื่อย ๆ

ความจริงถูกเปิดเผย

          จนกระทั่งในเดือนสิงหาคมของปีที่ผ่านมา
มีเจ้าของร้านอาหารรายหนึ่งได้โพสต์รูปบัตรประจำตัวที่ลูกค้าพ่อลูกคู่นี้ทิ้งไว้แชร์ลงบนโซเชียลมีเดีย
พร้อมทั้งเล่าประสบการณ์ที่เจอ จากนั้นโพสต์ดังกล่าวก็กลายเป็นไวรัล
เมื่อมีเจ้าของร้านอาหารอื่น ๆ อีกหลายสิบร้านเข้าไปบอกว่าพวกเขาก็ตกเป็นเหยื่อของพ่อลูกคู่นี้เหมือนกัน
และวิธีการที่ใช้ก็เป็นวิธีการเดียวกัน

          ในที่สุดเจ้าของร้านอาหารทั้งหมด 43 ราย ในเมืองตูลง
ได้ร่วมกันยื่นเรื่องแจ้งความไปยังตำรวจ
ภายหลังจากทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวนก็สามารถระบุตัวและจับกุมพ่อลูกคู่นี้ได้สำเร็จ
โดยทั้งสองยอมรับว่าได้ใช้กลโกงกินฟรีจากร้านอาหารมาประมาณ 100 แห่ง
ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ถึงเดือนสิงหาคม 2567 ทั้งยังสารภาพว่าบางครั้งพวกเขาได้กินฟรีถึง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์  

ขอบคุณข้อมูลจาก Oddity Central

KUBET – ไทด์ เอกพัน พาลูกสาว 3 คน เที่ยวทะเลกระบี่ โมเมนต์แฮปปี้ ลูกสาวสวยมาก

KUBET – ดวงเดือนเมษายน 2568 เปิดดวงการงาน 12 เดือนเกิด ใครจะก้าวหน้าพรวด ๆ

          ดวงเดือนเมษายน 2568 เปิดดวงการงานสำหรับ 12 เดือนเกิด ใครเป็นคนเก่งและสู้งาน ก้าวหน้าสูงแบบก้าวกระโดด


ดวงการงานเดือนเมษายน 2568 ช่วงสงกรานต์

          วันที่ 11 เมษายน 2568 เฟซบุ๊ก สมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มีการดูดวง เดือนเมษายน เป็นดวงการงาน สำหรับ 12 เดือนเกิด มีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้

มกราคม

          เป็นคนเก่งและสู้งาน มีโอกาสก้าวหน้าสูง ผลงานเด่นเข้าตา

กุมภาพันธ์

          การเจรจาต่อรองประสบผลสำเร็จ มีโอกาสเป็นต่อด้านธุรกิจ

มีนาคม

          ระวังอาจเกิดความผิดพลาดได้ง่าย จากเรื่องเล็กอาจเป็นเรื่องใหญ่ได้

เมษายน

          มีแต่งานด่วนกับงานเร่ง ต้องบริหารจัดการ อาจมีผลให้ส่งงานล่าช้า

พฤษภาคม

          ผลงานคืบหน้าแบบก้าวกระโดด สิ่งที่คาดหวังจะเป็นไปตามที่คิด

มิถุนายน

          มีเรื่องราวให้ต้องคอยลุ้นจนตัวโก่ง แต่ขอให้เตรียมแผนสำรองไว้ดีที่สุด

กรกฎาคม

          มีโอกาสได้เริ่มงานใหม่ หรือได้โยกย้ายที่ทำงานที่สร้างความสุขกว่าเดิม

สิงหาคม

          ผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนให้ได้รับตำแหน่งใหม่ หรือปรับเงินเดือนสูงขึ้น

กันยายน

          โครงการที่ดำเนินอยู่ อาจมีเหตุให้ต้องสะดุดล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้

ตุลาคม

          รู้สึกเบื่อหน่ายกับงาน สภาพแวดล้อม ควรหาเวลาพักเพื่อชาร์จพลัง

พฤศจิกายน

          ราบรื่นไร้ปัญหากวนใจ อาจมีการขยับขยายกิจการใหญ่โตมากขึ้น

ธันวาคม

          การงานมั่นคง อาจพบช่องทางในการสร้างงานสร้างอาชีพสำรอง

ดวงการงานช่วงสงกรานต์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์

KUBET – หนุ่มหมั้นสาวให้เงินเลขสวยหลายล้าน สาวซึ้งใจให้คืนหลายแสน กลับบ้านช็อกรีบแจ้ง ตร.

           หนุ่มให้เงินเลขสวยหลายล้าน เป็นของขวัญหมั้นสาว สาวซึ้งใจให้คืนไปหลายแสน กลับบ้านช็อกรีบแจ้งตำรวจ เพิ่งรู้โดนหลอกชุดใหญ่



หลอกแต่งงาน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

           เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568 เว็บไซต์ CTWANT เผยเรื่องราวคดีความที่น่าตกตะลึงของหญิงสาวรายหนึ่งในประเทศจีน เมื่อเธอตัดสินใจหมั้นหมายกับแฟนหนุ่ม และเขาก็ให้ของขวัญวันหมั้นเป็นเงินจำนวนหลายล้าน โดยตั้งใจให้เป็นเลขสวยเพราะมีความหมายลึกซึ้ง ทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งและประทับใจมากจนให้เงินเขาตอบแทนไปหลายแสน กระทั่งเมื่อกลับมาถึงบ้านความจริงทั้งหมดก็ปรากฏขึ้น ทำเอาฝ่ายหญิงถึงกับช็อกใจสลายและรีบแจ้งตำรวจทันที  

           ย้อนไปเมื่อปี 2564 หญิงชื่อสกุลจาง ซึ่งอาศัยในเมืองไทโจว ในมณฑลเจ้อเจียง ได้เจอกับชายคนหนึ่งชื่อสกุลหยาง วัย 53 ปี ผ่านทางแอปฯ หาคู่ หลังจากได้พูดคุยสานสัมพันธ์กัน ฝ่ายชายบอกว่าเขาทำงานเป็นตัวแทนทางกฎหมายของบริษัทโลหะแห่งหนึ่ง และมีฉายาว่าราชาแห่งเงิน ไม่เพียงเท่านั้นเขายังมักอวดรถหรู นาฬิกาแบรนด์เนม และเสื้อผ้าราคาแพงระดับไฮเอนด์ให้เธอดูอีกด้วย

           หลังจากคุย ๆ กันได้ประมาณครึ่งปี ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เป็นไปได้ด้วยดีและตกลงเป็นแฟนกัน ต่อมาหยางเป็นฝ่ายขอจางแต่งงาน ซึ่งเธอก็ได้ตกลงหมั้นหมายกับเขา โดยเขาบอกว่าเขาจะให้ของขวัญวันหมั้นเป็นเงินสดจำนวน 1,314,520 หยวน (ราว 6 ล้านบาท) ซึ่งตัวเลขนี้พ้องเสียงกับประโยคในภาษาจีนที่มีความหมายว่า “ฉันรักคุณตลอดไป” ทำให้จางรู้สึกดีใจและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก

           จนกระทั่งถึงวันหมั้น หยางมาปรากฏตัวพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสีชมพู พร้อมบอกว่าด้านในเป็นเงินล้านตามที่เขาสัญญาว่าจะให้ แต่เขาได้อธิบายเงื่อนไขว่า ตามธรรมเนียมของบ้านเกิดของเขา เงินในกระเป๋านี้จะไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ทันที จะต้องเปิดหลังจากงานแต่งงานเท่านั้น หากเปิดก่อนจะทำให้เกิดโชคร้าย นอกจากนี้เมื่อได้รับเงินหมั้นแล้ว ฝ่ายหญิงจะต้องมอบเงินให้ฝ่ายชายเป็นของขวัญตอบแทนด้วย

           เมื่อได้ยินเช่นนั้น จางไม่ได้คิดมากหรือเอะใจสงสัย
เธอได้ไปที่ธนาคารแล้วกดเงินสดของเธอในบัญชีออกมาให้ว่าที่สามีในอนาคตเป็นจำนวน
131,452 หยวน (ราว 6 แสนบาท) คิดเป็น 10
เปอร์เซ็นต์จากเงินของขวัญที่เธอได้รับจากเขา
และยังเป็นตัวเลขที่มีความหมายเช่นเดียวกับของเขาด้วย

           หลังจากงานหมั้นผ่านพ้นไป
เมื่อกลับไปถึงบ้าน จางก็อดไม่ได้ที่จะเปิดดูเงินของขวัญด้านในกระเป๋า
แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดออกมาเธอก็ถึงกับช็อก
เมื่อด้านในไม่ใช่เงินสดตามที่หยางอ้าง
แต่เป็นธนบัตรปลอมที่ทางธนาคารใช้สำหรับฝึกอบรมพนักงานในการนับเงิน
เธอจึงติดต่อหยางทันที แต่กลับพบว่าบัญชี WeChat ของเธอถูกเขาบล็อก
ตอนนั้นเองเธอถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าโดนหลอกชุดใหญ่ จึงรีบแจ้งตำรวจโดยเร็ว

          
หลังจากได้รับเบาะแสข้อมูลจากจาง
เพียงไม่นานเจ้าหน้าที่ก็สามารถเข้าจับกุมตัวหยางได้ที่บ้านเช่าของเขา
พร้อมกับยึดเงินของกลางจำนวน 131,452 หยวน คืนกลับมาให้จางได้สำเร็จ
จากนั้นความจริงก็ถูกเปิดเผยว่า
หยางไม่ได้มีหน้าที่การงานตามที่เขากล่าวอ้าง
แต่เขาหาเลี้ยงชีพด้วยการรีไซเคิลขายฟิล์มเอกซเรย์เก่า ทั้งนี้
หยางยังคบหากับผู้หญิงอีกหลายคนในเวลาเดียวกัน
และใช้กลวิธีเดียวกันนี้เพื่อหลอกลวงเงินของพวกเธอ

           ท้ายที่สุดหยางถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงตามกฎหมายการกระทำความผิดทางอาญาของจีน
โดยถูกศาลตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน และปรับอีก 40,000 หยวน (ราว
185,000 บาท)

ขอบคุณข้อมูลจาก CTWANT

KUBET – แฟนหนุ่มดูดคอแรง สาววัย 20 อ่อนแรงจนล้ม รีบส่งห้องฉุกเฉิน พบสมองขาดเลือด

          สาววัย 20 ถูกแฟนหนุ่มดูดคอแรง ก่อนเกิดอาการอ่อนแรงจนล้ม รีบส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล พบเกิดภาวะสมองขาดเลือด



ดูดคอตอนมีเซ็กส์ทำสมองขาดเลือด

          เมื่อคู่รักมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เป็นไปได้ที่จะสูญเสียการควบคุมตัวเองปล่อยให้ร่างกายไปตามอารมณ์และความรู้สึกในห้วงเวลานั้น แต่หากเล่นรักกันรุนแรงจนถึงพริกถึงขิงโดยไม่ยั้งคิด ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายได้จนถึงชีวิตอย่างที่คาดไม่ถึง

          วันที่ 8 เมษายน 2568 เว็บไซต์ CTWANT เผยว่า ดร.เฉิน หรงเจี้ยน ศัลยแพทย์ในไต้หวัน ได้แชร์เคสอุทาหรณ์ในรายการ 醫師好辣 (Hot Doctor) เป็นกรณีของหญิงสาวรายหนึ่งวัยประมาณ 20 ปี ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อเข้ารับการรักษา ภายหลังจากมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ ร่างกายอ่อนแรง แขนและขาชาครึ่งซีก

          ภายหลังจากการสอบถามทราบว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุ หญิงสาวรายนี้กำลังมีเซ็กส์กับแฟนหนุ่มของเธอ ในขณะนั้นแฟนหนุ่มของเธอได้ดูดคอของเธออย่างรุนแรง ก่อนที่เธอจะอ่อนแรงจนล้มลง จนศีรษะกระแทกพื้นได้รับบาดเจ็บ ขณะที่แขนและขาข้างหนึ่งก็มีอาการชาและอ่อนแรง แฟนของเธอจึงรีบพาตัวมาส่งโรงพยาบาล

          หลังจากตรวจสอบอาการในเบื้องต้น ดร.เฉิน วินิจฉัยว่า คนไข้หญิงสาวรายนี้น่าจะเกิดภาวะสมองขาดเลือด (Ischemic Stroke) เป็นภาวะที่หลอดเลือดสมองเกิดการอุดตัน ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองบริเวณนั้นได้ เมื่อเซลล์สมองถูกทำลายและสูญเสียการทำหน้าที่จึงเกิดอาการทางระบบประสาท รวมไปถึงโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) อัมพาตอ่อนแรง ขยับแขนขาได้น้อยหรือไม่ได้เลย

          โดยในกรณีของคนไข้หญิงรายนี้พบว่า
มีรอยจากการถูกจูบแบบดูดอย่างรุนแรงที่บริเวณต้นคอ
ซึ่งตรงกับจุดที่เป็นหลอดเลือดแดง
ทางแพทย์จึงรีบแจ้งแผนกประสาทวิทยาเพื่อขอคำปรึกษา ต่อมา ผลการทำ CT
สแกนได้ยืนยันว่า เธอมีอาการสมองขาดเลือด
และผลอัลตราซาวนด์หลอดเลือดแดงคาโรติด (Carotid Artery)
ซึ่งเป็นหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณด้านลำคอทั้ง 2 ข้าง พบว่า
มีไขมันสะสมในผนังหลอดเลือดจนเป็นคราบหนา

         
จากผลดังกล่าว ทางแพทย์สรุปได้ว่า ขณะที่แฟนหนุ่มของเธอดูดคอของแฟนสาว
อาจจะไปโดนคราบไขมันดังกล่าวจนทำให้หลอดเลือดเกิดการตีบตัน
และมีลิ่มเลือดหลุดไปยังหลอดเลือดส่วนปลาย จนทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้
และเกิดโรคสมองขาดเลือดในที่สุด

          จากกรณีที่เกิดขึ้นนี้
ดร.เฉิน ได้เตือนเหล่าคู่รักว่า
หากต้องการจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงอารมณ์
ควรพยายามหลีกเลี่ยงการดูดใกล้หลอดเลือดแดงที่บริเวณต้นคอ
หรือหากเป็นไปได้ก็ควรงดการดูดที่บริเวณต้นคอไปเลยจะดีที่สุด
เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะกิดเหตุไม่คาดคิดเช่นนี้

         
หลายคนอาจเข้าใจว่าการดูดที่ต้นคอนั้นทำให้เกิดเพียงรอยช้ำ
ซึ่งสามารถเลือนหายหรือจางลงได้เองภายใน 3-5 วัน อย่างไรก็ดี
หากจุดที่ถูกดูดนั้นเป็นจุดอันตรายอย่างหลอดเลือดแดงคาโรติด
ก็สามารถให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จนนำไปสู่โรคสมองขาดเลือด
และอาจถึงแก่ชีวิตได้

ขอบคุณข้อมูลจาก CTWANT

KUBET – แม่ผัวแย่งลูก เจอดราม่า แม่ค้าออนไลน์ แฉวีรกรรม ไม่ทำงานกับคนหิวแสง ทำทัวร์ลง

          อะไรยังไง แม่ค้าออนไลน์โพสต์ ลั่น ไม่ขอรับงานจากหญิงปริศนาที่เป็นข่าวดังเมื่อสัปดาห์ก่อน ออกโหนกระแส เพราะเขาไม่สบายใจที่ต้องร่วมงานกับคนหิวแสง



แม่ค้า ลั่น ไม่ขอรับงานสาวคนดังออกโหนกระแสโดนแย่งลูก

          ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ประเด็นร้อนที่หลายคนให้ความสนใจคือ หญิงสาวที่ถูกแม่อดีตสามีแย่งลูก สุดท้ายเรื่องราวจบลงด้วยการที่คุณแม่ได้ลูกกลับคืน

          ล่าสุด วันที่ 9 เมษายน 2568 แม่ค้าออนไลน์รายหนึ่ง มีการโพสต์ถึงหญิงสาวปริศนา ที่หลายคนเชื่อมโยงว่าเป็นหญิงที่ถูกแย่งลูก มีข้อความทั้งหมด ดังนี้

          ขออนุญาตประกาศตรงนี้นะคะ
พี่ขอไม่รับงานให้กับน้องคนที่เพิ่งมาไลฟ์กับพี่ไปเมื่อวานนะคะ
เพราะว่าน้องเขาไม่สบายใจค่ะที่ต้องร่วมงานกับแม่ค้าและคนหิวแสง
แล้วก็เสือกเรื่องคนอื่นไปทั่ว
เขาสืบประวัติพี่จากโซเชียลแล้วเขามาพูดกับรุ่นน้องที่มาขอให้เราช่วยซึ่งพี่เพิ่งทราบว่าน้องเค้าคิดแบบนั้น

         
ขอชี้แจงตรงนี้นะคะ เคสหญิงคนนี้พี่ไม่ได้ติดต่อไปก่อนแต่อย่างใด
แต่ได้รับการติดต่อจากรุ่นน้องมาขอความช่วยเหลืออยากให้ช่วยสนับสนุน
แล้วพี่ก็ตบปากรับคำ โดยที่อยากช่วย Support รุ่นน้อง
กับเห็นใจเคสของความรู้สึกของคนเป็นแม่แค่นั้น
เพราะพี่ไม่ได้ตามข่าวเรื่องนี้เลย
จึงไม่ทราบว่าน้องคนนั้นเป็นผู้มีความรู้จบสูงมีการศึกษาหรืออะไร
ที่พี่มีให้แค่ความเห็นใจในฐานะมนุษย์แม่ด้วยกันแค่นั้นเอง
ยังชวนเค้าอุ้มลูกมาช่วยแพ็กของเลยเพราะอยู่สุพรรณบุรีเหมือนกัน
ไม่รู้ไงว่าเค้าจบสูง
ได้ยินแค่ตกงานเลยชวนให้มาสมัครงานโดยเอาลูกมาเลี้ยงที่โรงงานได้แค่นั้นเอง

          สำหรับใครที่สนใจติดต่องานไปติดต่อกันเองได้เลยนะ ไม่ต้องติดต่อผ่านพี่แล้วพี่ไม่รับเคสแล้วค่ะพี่เข็ด

         
สงสารก็แต่ต้นอ้อโดนตอกหน้าว่า อยากได้เท่าไรพูดมาเลย
แล้วยังกล่าวหาว่าเป็นคนหิวแสงไปด้วย
อีกแต่ก็คนหิวแสงแบบพวกพี่นี่แหละที่คอยช่วยเหลือคนไม่มีแสง

         
ด้านชาวเน็ต กลับมาตั้งแง่ว่า พอเจอเรื่องแบบนี้กับการขายของออนไลน์
เรื่องคดีแย่งลูกอาจจะมีเบื้องหลังมากกว่าที่คิดก็ได้
แต่อีกส่วนหนึ่งก็มองว่า ไม่ควรเอา 2 เรื่องนี้มาปนกัน

แม่ค้า ลั่น ไม่ขอรับงานสาวคนดังออกโหนกระแสโดนแย่งลูก

KUBET – หยุดสงกรานต์ 2568 ทำไมวันที่ 16 เมษายน ถึงไม่ได้หยุดชดเชย ทั้งที่สงกรานต์ติดวันอาทิตย์

         ไขข้อข้องใจ ทำไมหยุดสงกรานต์ บางคนถึงไม่ได้หยุดวันที่ 16 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชย มีคำตอบมาให้แล้ว กางข้อกฎหมายเป๊ะ



หยุดสงกรานต์ 2568 ทำไมวันที่ 16 เมษายน

         ภาพจำของวันหยุดสงกรานต์ของคนไทย คือ วันที่ 13 – 15 เมษายน ของทุกปี แล้วถ้าหากปีไหนวันสงกรานต์ไปตรงกับวันเสาร์ – อาทิตย์ ก็จะมีวันหยุดชดเชยสงกรานต์เพิ่มให้

         ในปี 2568 วันสงกรานต์เริ่มจากวันอาทิตย์ – อังคาร แต่หลายคนสงสัยว่า ทำไมวันที่ 16 เมษายน 2568 บางแห่งถึงไม่ได้หยุดชดเชย เรื่องนี้กระปุกดอทคอมไปหาคำตอบมาให้แล้ว

         ใครบ้างที่จะได้หยุดวันที่ 16 เมษายน 2568

         หน่วยงานราชการทั้งหมด จะได้หยุดในวันที่ 16 เมษายน 2568

         ใครบ้างที่จะไม่ได้หยุด

         – ธนาคาร

         – หน่วยงานเอกชนบางแห่ง ขึ้นอยู่กับการจัดสรรของแต่ละองค์กร

         เหตุผลที่ ทำไมบริษัทเอกชนถึงไม่ได้หยุดวันหยุดราชการทุกครั้ง

        
เนื่องจากพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ระบุไว้ว่า
วันหยุดประเพณีตามกฎหมาย นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างได้หยุดงานอย่างน้อย 13
วัน (รวมวันแรงงานแห่งชาติ) ดังนั้น หมายความว่า
หน่วยงานเอกชนสามารถจัดสรรวันหยุดนักขัตฤกษ์ได้อย่างอิสระ
แต่ขั้นต่ำขอให้ไม่น้อยกว่า 13 วัน

         ขณะเดียวกัน
วันหยุดราชการในปี 2568 มีทั้งหมด 19 วัน จึงทำให้พนักงานบริษัทเอกชน
อาจจะไม่ได้หยุดในวันหยุดราชการบางวัน และวันที่ 16 เมษายน 2568
วันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ก็เป็นหนึ่งในนั้น

KUBET – หนุ่มระเบิดไซซ์ 163 กก. ลดน้ำหนักได้ 60 กก. ในปีเดียว เผยเมนูช่วยชีวิตกินทุกวัน

 
            หนุ่มอ้วนร่างใหญ่หนัก 163 กิโลกรัม ลดน้ำหนักได้ถึง 60 กิโลกรัม ในปีเดียว เผยเมนูประจำที่ต้องกินทุกวัน เรียกเป็นเมนูช่วยชีวิต



ประสบการณ์ลดน้ำหนัก
ภาพจาก Instagram yaboitcfresh

              เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ เผยเรื่องราวของ ทอม
แครอลล์ หนุ่มอเมริกันวัย 34 ปี จากรัฐโรดไอแลนด์ เมื่อไม่นานมานี้
เรื่องราวประสบการณ์ลดน้ำหนักของเขาได้รับความสนใจบนโลกออนไลน์
ภายหลังจากเขาออกมาเปิดเผยว่า เขาสามารถลดน้ำหนักไปได้มากถึง 60 กิโลกรัม
ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี
พร้อมทั้งยกความดีความชอบให้กับอาหารเมนูสำคัญที่เรียกว่าเป็น “เมนูช่วยชีวิต”

              ทอมเป็นโปรดิวเซอร์ของสถานีวิทยุท้องถิ่นในเมืองบอสตัน
เขามีส่วนสูง 187 เซนติเมตร แต่มีน้ำหนักมากถึง 360 ปอนด์ (ราว 163
กิโลกรัม) หลังงานแต่งงานของเขาในเดือนกรกฎาคม 2566
เขาตัดสินใจที่จะเริ่มเส้นทางการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง
หลังจากเห็นตัวเลขน้ำหนักที่น่าตกใจนี้บนตาชั่ง
โดยครั้งสุดท้ายที่เขาขึ้นตาชั่งคือเมื่อปี 2562
ตอนที่อยู่ที่ห้องตรวจทางการแพทย์ ซึ่งพยาบาลก็บอกเป็นนัย ๆ
ว่าเขามีปัญหาสุขภาพ แต่เขาไม่อยากยอมรับมัน  

              ทอมเล่าว่า
ก่อนหน้านั้นที่เขาชั่งน้ำหนักในห้องตรวจสุขภาพ ตัวเลขอยู่ที่ 346 ปอนด์
(ราว 157 กิโลกรัม) ตอนนั้นเขายังพูดขำ ๆ กับพยาบาลว่า “อาหารการกินดี”
แต่พยาบาลก็ตัดบทว่ามันไม่ใช่แบบนั้น
แต่เขาก็ไม่ได้ขอให้พยาบาลอธิบายอะไรเพิ่มเติม
เพราะคิดว่าไม่สามารถรับฟังคำตอบได้
และเขารู้สึกว่าการไปหาหมอในครั้งนั้นเป็นเรื่องที่น่าอาย
จึงตัดสินใจไม่ไปหาหมออีก

              จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2566
ในขณะที่เขากำลังกินอาหารเหลือจากวันขอบคุณพระเจ้ากับภรรยาและเพื่อน ๆ
ของเขา อยู่ ๆ
เขาก็รู้สึกเหมือนมีภาวะโรคหัวใจกำเริบขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
และนั่นเองจึงเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตที่ทำให้เขาตัดสินใจที่จะลดน้ำหนักด้วยตัวเองอย่างจริงจัง

              “ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน และฉันหวังว่ามันจะไม่เป็นแบบนี้อีก นี่คือความรู้สึกที่ใกล้ความตายที่สุดในชีวิตของฉัน” ทอม กล่าว

ประสบการณ์ลดน้ำหนัก
ภาพจาก Instagram yaboitcfresh

              นอกจากนี้
ปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวของเขายังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตหลายอย่าง เช่น
การขึ้นลงบันได การนั่งบนเครื่องบิน
โดยเฉพาะตอนที่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก
รวมไปถึงการหาเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้พอดีตัว
เรื่องการแต่งตัวจึงเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบและรู้สึกไม่สนุกอย่างมาก

              ทอมพึ่งพาการกินเมนูสลัดเนื้ออกไก่ย่างรสเผ็ด
(Spicy Southwest Salad) ของร้าน Chick-fil-A
เครือฟาสต์ฟู้ดชื่อดังในสหรัฐฯ เป็นเมนูสำคัญที่ช่วยให้เขาอยู่รอดในทุกวัน
โดยเมนูนี้มีปริมาณ 680 แคลอรี ประกอบไปด้วย ผักสลัดรวม มะเขือเทศ
ข้าวโพดคั่ว ถั่วดำ พริก พริกหยวกแดง ชีส และไก่ย่าง กินพร้อมแป้งตอร์ติญ่า
เมล็ดฟักทอง และน้ำสลัดครีมซัลซ่า

              “นี่คืออาหารมื้อหลักสำหรับฉันในทุก ๆ วัน และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ฉันประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก” ทอม กล่าว

ประสบการณ์ลดน้ำหนัก
ภาพจาก Chick-fil-A

              อย่างไรก็ตาม
ในวันอาทิตย์ที่ร้านปิด เขาจะทำเมนูสลัดกินด้วยตัวเองที่บ้าน
สลับกับสั่งสลัดจากที่อื่นมารวม ๆ กัน
เพื่อให้ได้เมนูที่ใกล้เคียงกับเมนูประจำของเขามากที่สุด ส่วนมื้ออื่น ๆ
ของวัน เขาจะกินเป็นโยเกิร์ตและผลไม้

              นอกเหนือจากปรับพฤติกรรมการกินอาหารครั้งใหญ่
เขายังเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตด้วย นั่นคือการเข้ายิมออกกำลังกาย
และเลิกดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและน้ำอัดลม
รวมไปถึงการเลิกดื่มแอลกอฮอล์ เพราะนอกจากเพิ่มค่าแคลอรีแล้ว
ยังทำให้เขาอยากกินอาหารพวกจังก์ฟู้ดมากขึ้น

              ด้วยผลของความมุ่งมั่นตั้งใจและรักษาวินัยอย่างสม่ำเสมอเช่นนี้
ในเดือนธันวาคม 2566 ทอมสามารถลดน้ำหนักลงจนเหลือเกือบ 300 ปอนด์ (ราว 136
กิโลกรัม) และในเดือนกรกฎาคม 2567 นับเป็น 1 ปี
หลังจากวันที่เริ่มลดน้ำหนัก น้ำหนักของเขาลดลงมาเหลืออยู่ที่ 228 ปอนด์
(ราว 103 กิโลกรัม) นั่นหมายความว่า เขาสามารถลดน้ำหนักไปได้ถึง 132 ปอนด์
(ราว 60 กิโลกรัม)

ประสบการณ์ลดน้ำหนัก
ภาพจาก Instagram yaboitcfresh

ประสบการณ์ลดน้ำหนัก
ภาพจาก Instagram yaboitcfresh

ขอบคุณข้อมูลจาก New York Post


KUBET – กู้ภัยรุดช่วย เด็กหญิงติดในเครื่องซักผ้า ต้องถอดชิ้นส่วนรื้อออกหมด รู้เหตุผลทำไปได้

          เด็กหญิงวัย 12 ปี ติดในเครื่องซักผ้า ทีมกู้ภัยรุดไปช่วย ต้องถอดชิ้นส่วนออกหมด กว่าจะช่วยได้สำเร็จ รู้เหตุผลทำไปได้



เด็กหญิงติดในเครื่องซักผ้า
ภาพจาก Weibo

         วันที่ 8 เมษายน 2568 เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้มีอุบัติเหตุประหลาดเกิดขึ้นที่ประเทศจีน เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยท้องถิ่นได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือบอกว่า มีเด็กติดอยู่ใน “เครื่องซักผ้า” จนไม่สามารถออกมาได้ จึงรีบนำทีมเข้าไปช่วยเหลือ และเมื่อไปเห็นสภาพในที่เกิดเหตุต่างพากันตกตะลึงไปตาม ๆ กัน

         เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา เด็กหญิงวัย 12 ปีรายหนึ่ง อาศัยอยู่ในเมืองคุนซาน มณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน วันนั้นเธอโดนแม่ดุเรื่องทำการบ้านไม่เสร็จตรงตามเวลา จึงเกิดอาการหงุดหงิดไม่พอใจ ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปอยู่ในเครื่องซักผ้าแบบฝาบน เพื่อต้องการจะ “สงบสติอารมณ์” ให้ตัวเองใจเย็นลง

         ในขณะที่เด็กหญิงปีนเข้าไปในเครื่องซักผ้านั้น แม่ของเธอไม่ทันได้สังเกต จึงไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น จนกระทั่งเมื่อเด็กหญิงเข้าไปอยู่ด้านในเครื่องซักผ้า เธอถึงเพิ่งจะรู้ตัวได้ว่าไม่สามารถขยับตัวได้ และยิ่งพยายามดิ้นก็ยิ่งติดอยู่แน่น สุดท้ายเมื่อออกมาไม่ได้ เธอก็ร้องขอความช่วยเหลือ ทางผู้เป็นแม่เมื่อมาเห็นก็ตกใจ รีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วยเหลือโดยเร็ว

         เมื่อกู้ภัยมาถึง เด็กหญิงก็เริ่มได้รับความเจ็บปวดแล้ว
เธอร้องว่า “มันเจ็บ !” โดยหลังจากประเมินสถานการณ์
ทางทีมเจ้าหน้าที่เห็นว่าพื้นที่บริเวณรอบเครื่องซักมีกำจัด
จึงยากต่อการที่จะอุปกรณ์ช่วยเหลือ
และการดึงเธอออกมาก็มีความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บ
สุดท้ายพวกเขาจึงตัดสินใจใช้วิธีรื้อชิ้นส่วนเครื่องซักผ้าออก

        
ทีมกู้ภัยใช้ผ้าห่มคลุมตัวเด็กหญิงเพื่อป้องกันการกระแทก
จากนั้นใช้ไขควงถอดฝานอกของเครื่องซักผ้าออก
จากนั้นใช้เครื่องตัดไฮดรอลิกตัดตัวเครื่องซักผ้าอย่างระมัดระวัง
ระหว่างนั้นก็พยายามปลอบใจเด็กหญิงโดยบอกว่า “ไม่ต้องกลัว อดทนไว้”
และหลังจากใช้เวลาประมาณ 16 นาที
ในที่สุดพวกเขาก็ช่วยเด็กหญิงออกมาจากเครื่องซักผ้าได้สำเร็จ

         เด็กหญิงปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายร้ายแรงทางร่างกาย
แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเธอจะได้คืนดีกับแม่หรือถูกทำโทษจากผู้เป็นแม่อย่างไรหรือไม่
อย่างไรก็ตาม
ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกแชร์ไปบนสังคมออนไลน์ของจีนและกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ
ผู้คนเข้าพากันเข้าไปกดไลก์มากกว่า 100,000 ครั้ง
พร้อมทั้งคอมเมนต์กันมากมาย

         ชาวเน็ตบางส่วนกล่าวติดตลกว่า
“อดหัวเราะไม่ได้ และฉันเดิมพันว่าตอนนี้แม่จะโกรธมากขึ้นอีก”, “โถลูกสาว
เครื่องซักผ้าไม่ใช่หลุมหลบภัย”
ในขณะที่บางรายก็เป็นกังวลเรื่องความปลอดภับของเด็ก กล่าวว่า “เด็ก ๆ
จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีจัดการอารมณ์และเข้าใจว่าบางสิ่งบางอย่างอาจเป็นอันตรายได้จริง
ๆ”

ขอบคุณข้อมูลจาก SCMP

เด็กหญิงติดในเครื่องซักผ้า

KUBET – สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด คู่กรณีขอจบ แต่โดนทวงคำขอโทษซ้ำ


           สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน ที่มาที่ไปคืออะไร คู่กรณีตอบแล้วต้องการอะไร หลังขอโทษแล้วไม่จบ – บิว ทวงคำขอโทษด้วย



สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน
           กลายเป็นดราม่าที่โซเชียลให้ความใส่ใจกันมากในขณะนี้ จนดันแฮชแท็ก #บิววราภรณ์ ให้ติดเทรนด์ใน X แบบข้ามวัน ในเรื่องราวเกี่ยวกับสุนัขของ บิว วราภรณ์ อินฟลูเอนเซอร์สาวบิวตี้ ที่กัดสุนัขของเพื่อนบ้านตาย หลังสุนัขคู่กรณีหลุดออกมา ซึ่งแม้ว่าทางสามีกับแม่ของบิวจะไปขอโทษคู่กรณีแล้ว แต่ดูเหมือนเรื่องกลับไม่จบ ซ้ำยังกลายมาเป็นดราม่าในกลุ่มไลน์หมู่บ้านและลามต่อมายังโลกออนไลน์

           โดยวันนี้ (9 เมษายน 2568) ในเพจ เจ๊มอย108 V1 ได้สรุปเหตุการณ์ไว้คร่าว ๆ ดังนี้  

           – สุนัขไซบีเรียนของบิว และสุนัขปอมของคู่กรณี หลุด

           – สุนัขคู่กรณี ถูกสุนัขของบิวกัดตาย

           – ธนิน (สามีบิว) และแม่บิว ไปเคลียร์ ไปขอโทษแล้ว ส่วนบิวไม่ว่างเพราะให้นมลูกอยู่ มีการพูดคุยและจบเรื่องตั้งแต่วันนั้นแล้ว พร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง โดยมีการหามาตรการป้องกัน

           – ต่อมา มีเหตุสุนัขหลุดอีก บ้านคู่กรณีไปบอกว่าคือสุนัขบ้านบิว แต่จริง ๆ ไม่ใช่

           – จากนั้น แมวบ้านบาส (พี่ชายบิว) หลุด เจอสุนัขกัดตาย บาสลงคลิปในโซเชียล

           – คู่กรณีบิวไปคอมเมนต์กับเพื่อน ว่ายังไม่ได้รับคำขอโทษจากบิว บอกว่าบิวใช้ชีวิตมีความสุข

           งานนี้จึงเรียกคอมเมนต์สนั่น เมื่อชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยมองว่า ฝั่งบิวก็ให้สามีกับแม่ไปขอโทษแล้ว เรื่องก็ควรจะจบแล้ว แต่ฝั่งคู่กรณียังพยายามจี้จะเอาคำขอโทษจากบิว ทำแบบนี้ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วคู่กรณีต้องการอะไรกันแน่ และยังเป็นที่น่าสังเกตว่าตัวเองก็เป็นฝ่ายทำสุนัขหลุดเช่นกัน ทำไมคนที่ขอโทษถึงมีแค่เพียงฝั่งสุนัขตัวใหญ่

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน
ภาพจาก Instagram bewandloogloog

คู่กรณีชี้แจงไทม์ไลน์ ขอจบดราม่า

           ขณะที่ฝั่งคู่กรณีนั้นพบว่ายังมีการออกมาไลฟ์เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะโพสต์ขอโทษและชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้

           – วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม สุนัขของตนหลุดออกจากบ้าน และไปโดนกัดตายบริเวณส่วนกลาง ซึ่งตนพยายามตามหาเจ้าของสุนัขที่มากัด จนได้คลิปจากกล้องวงจรปิดเพื่อนบ้าน พบว่าเป็นสุนัขไซบีเรียน 2 ตัวของบ้านบิว

           – ทางตนโทร. ติดต่อบ้านบิวครั้งแรกในช่วงเย็นวันนั้น แต่ฝั่งนั้นไม่อยู่บ้าน แจ้งว่าจะเข้ามาคุยวันอาทิตย์ (16 มีนาคม) หลังจากนั้นพวกตนก็จัดการทำศพสุนัขไป แต่ต่อมาพบว่าในวันที่นัดหมายทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีใครว่าง จึงขอนัดมาคุยกันตรงจุดเกิดเหตุ เวลา 20.00 น.

           – ได้พบคู่กรณีและคุณแม่ มีการพูดคุยและได้ทำการขอโทษจากทั้ง 2 ฝ่าย ต่างฝ่ายต่างยอมรับว่าสุนัขหลุดออกมาทั้งคู่ ซึ่งตนได้กำชับถึงมาตรการของคู่กรณีต่อจากนี้ ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะสุนัขหลุดมาหลายรอบแล้ว ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อีก และยืนยัน ณ ตรงนั้นว่าไม่ได้อยากรับเงินชดเชยในส่วนใด ๆ ก็ตาม

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

           – ทางตนแจ้งว่าอยากจะจบจากเหตุการณ์เพียงเท่านี้ก่อน เพราะยังทำใจไม่ได้ ซึ่งบ้านบิวก็ยืนยันว่าหากมีคำแนะนำหรืออยากให้ดูแลด้านใดให้ติดต่อได้เลย จากนั้นก็แยกย้ายกัน

           – วันที่ 16 มีนาคม มีไซบีเรียนหลุดมาในหมู่บ้านอีกครั้ง ทางตนกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย จึงพิมพ์ลงในกลุ่มว่า “พอจะทราบชื่อน้องหมากับเจ้าของไหมคะ พอดีน้องหมาบ้านเราเพิ่งโดนไซบีเรียนในหมู่บ้านกัดตายไปเมื่อวันศุกร์ค่ะ ระวังกันด้วยนะคะ”

           – บ้านบิวโทร. มาแจ้งว่าไม่ใช่สุนัขของฝั่งนั้น ซึ่งทางตนรับทราบ และไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ต่อ

           – หลังจากเวลาผ่านไป 5-6 วันในวันที่ 20 มีนาคม ทางตนได้คุยกับคุณแม่และถามคุณแม่ว่าพร้อมจะเจอเจ้าของหมารึยัง คุณแม่แจ้งว่าพร้อมแล้ว ตนจึงพยายามโทร. นัดหมายคู่กรณี แต่คู่กรณีไม่รับสายและไม่ติดต่อกลับอีกเลย

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

ทำไมต้องไปคอมเมนต์คลิปบาส ?

           สำหรับเหตุผลที่พวกตนไปคอมเมนต์ในโพสต์ของบาส ฝั่งเจ้าของสุนัขที่ตายชี้แจงว่า “ทางพวกเราทุกคนขอโทษจากใจจริง ที่เข้าไปใช้พื้นที่โซเซียลของคุณบาสสื่อสารไปยังคู่กรณี แต่เนื่องจากวันที่ 6 เมษายน พบว่าพี่ชายของคู่กรณีเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน จึงเข้าไปคอมเมนต์เพื่อแสดงความเสียใจและใช้พื้นที่นั้นสื่อสารไปถึงคู่กรณี เพื่อหวังให้คู่กรณีติดต่อกลับมา

           ทั้งนี้ พวกตนได้รับการติดต่อจากฝั่งบิวในวันที่ 7 เมษายน ได้ข้อสรุปว่าฝั่งนั้นเข้าใจผิดว่าพวกตนไม่อยากพูดคุยถึงเรื่องนี้อีกแล้ว ทางตนจึงแจ้งให้ฝั่งบิวไปพูดคุยกันแล้วติดต่อกลับมาอีกครั้ง

เจ้าของสุนัขที่ตาย ต้องการอะไร ?

           ท่ามกลางการตั้งคำถามจากโซเชียล ว่าคู่กรณีของบิวต้องการอะไรกันแน่จากความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ทั้งที่ดูเหมือนเราจะจบกันไปแล้ว ทางฝั่งนี้ชี้แจงว่า ตอนแรก ตนแค่ต้องการนัดหมายและต้องการคำขอโทษด้วยความจริงใจโดยตรงกับคุณแม่ของตน ซึ่งเป็นเจ้าของสุนัขปอมตัวจริง แต่ไม่มีการตอบรับใด ๆ และในตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษนั้นอีกต่อไปแล้ว และยืนยันว่าไม่ได้อยากทะเลาะกับใคร ไม่ได้มีการต่อว่าคู่กรณีแต่อย่างใด ยอมรับว่าตอนนี้ทางตนโดนกระแสโซเชียลถล่มเยอะมาก ทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่ไม่แพ้กัน จึงจบประเด็นทั้งหมดลงเท่านี้

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

บิว วราภรณ์ ฟาดกลับ บอกว่าจบแต่ไม่จบ ไม่เคยขอโทษหลังทำคนทั้งหมู่บ้านเข้าใจผิด

 
           ขณะที่ล่าสุด (9 เมษายน) บิว วราภรณ์ ก็ได้ลงข้อความชี้แจงผ่านไอจีสตอรี่ถึงดราม่าที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า “น้องสาวส่งมาให้ดูเพิ่งเห็นตอนเช้า และเพื่อน ๆ ส่งมาให้ดูอีกมากมาย เห้ออออ เหนื่อยแทนอะ ทำไมเค้าถึงดื้อจัง ไม่ยอมจบ ๆ เสียใจเรื่องน้องหมาแล้ว ต้องมานั่งทะเลาะกับคนอื่น และคนในโซเชียลอีก มันควรพอได้แล้วมั้ยอะ เอาเวลาไปทำบุญ ทํางาน มีประโยชน์กว่าเยอะเลยนะจริง ๆ แล้วเอารูปน้องหมาที่เสียมาลงอีก Omg !!!!!”

           พร้อมกันนั้นยังชี้ว่า หลังจากที่ฝั่งเธอแจ้งไปแล้วว่าสุนัขที่หลุดในวันที่ 16 มีนาคม ไม่ใช่สุนัขบ้านเธอ ฝั่งคู่กรณีก็ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ต่อ ทำให้จนทุกวันนี้คนในหมู่บ้านก็ยังเข้าใจบ้านเธอผิด เพราะพวกเธอไม่เคยแก้ตัวในแชทหมู่บ้าน  

           ในส่วนนี้คู่กรณียังคงไม่ขอโทษเธอและครอบครัว ที่มากล่าวหาบ้านเธอจนทำให้คนในหมู่บ้านเข้าใจผิด จึงอยากถามกลับว่า “เอาไงอันนี้ ควรออกมาขอโทษไหม เพราะทุกวันนี้แชทในหมู่บ้านอันนี้ก็ยังอยู่ และคนในหมู่บ้านก็เข้าใจผิดอยู่”

           พร้อมกันนั้นยังลงคลิปวงจรปิด ยืนยันว่าในวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม สุนัขของเธอทั้ง 2 ตัวอยู่ในบ้านจริง ๆ ไม่ได้หลุดออกไปตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนที่อีกฝั่งอ้างว่าวันอาทิตย์เธอไม่ว่าง ขอถามว่าเอาอะไรมาไม่ว่าง วันอาทิตย์อยู่บ้านทั้งวัน

           พร้อมกันนั้น บิว ยังเปิดใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า

           “ใจจริงอยากจบตั้งแต่ไลฟ์แล้ว ขอโทษทุกคนอีกครั้งที่ต้องทำแบบนี้ บิวขออนุญาต TOXIC เพราะทนไม่ได้จริง ๆ คำพูดคนละเรื่องกันไปหมด 14 มีนา ขอเคลียร์จบ ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะทุกคนที่บ้านเค้าเสียใจมาก ๆ ไม่มีใครอยากพูดถึงเรื่องนี้ และก่อนลากัน กอดมะมาด้วย และบอกว่าให้ธนินรีบกลับบ้าน เพราะมีลูกเล็ก

           แต่วันนี้คือ… เต็มโซเชียลไปหมดแล้วววว !! วันนี้บิวขอปกป้องตัวเองและครอบครัวตัวเองค่ะ อีกอย่างเค้าบอกว่าอัดเสียงตอนโทรศัพท์ คุยกับธนินไว้ใช่ไหม !!! เอามาเปิดเลย ๆๆๆๆๆ อยากให้ทุกคนรู้ว่าบิวกับธนินพูดเรื่องจริงไหม ทนเขาด่าว่า หน้าระรื่น ในโซเชียล มีความสุขกันมากกกกก ไม่เห็นเสียใจเลย คุณมีแสง / ถ้าผมเป็นคุณธนิน ผมจัดการเรื่องนี้ได้ดีกว่านึกว่านี้แน่นอน คุณใช้ชีวิตมีความสุขสะเหลือเกินนนน

           คือต้องห้ามมีความสุขด้วยหรอคับบบ”

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน