ส่องภาพมุมสูง รถโดนรถบรรทุกชนท้าย อัดคันหน้า จนเสียชีวิต 8 คน ชัดคู่กรณีผิดเต็ม ๆ ด้านตำรวจแนะวิธีจอดให้ปลอดภัย

อ่านข่าว : เก๋งถูกชนดับ 8 คน คนขับเพิ่งออกรถได้เพียง 6 วัน ส่องแคปชั่นถึงรถใหม่ สลดใจ

นอกจากนั้น ยังพบชิ้นส่วน ยังไม่ทราบเพศ ต้องรอตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลอีกครั้ง โดยร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดเจ้าหน้าที่จะส่งไปยังนิติเวชสถาบันรามาจักรีนฤบดินทร์ สมุทรปราการ ส่งผู้บาดเจ็บ 2 คน เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 สรุปมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่โดยสารมากับรถยนต์รวม 10 คน

ถัดไปด้านหลังรถ พบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เป็นรถบรรทุกยางมะตอย สภาพช่วงหน้าพังยับเยินจากการพุ่งชนท้ายรถยนต์ ภายในหัวรถพบนายเสน่ห์ อายุ 60 ปี คนขับถูกอัดติดอยู่กับพวงมาลัยได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำตัวออกมา เร่งนำส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 เช่นกัน ส่วนด้านหน้ารถยนต์ มีรถบรรทุกสิบล้อ เป็นรถบรรทุกน้ำมันพืช สภาพได้รับความเสียหายท้ายรถจากการถูกพุ่งชน
สอบถาม นายกวางแก้ว อายุ 51 ปี คนขับรถบรรทุกน้ำมันพืช กล่าวว่า ตนจอดพักรถอยู่ประมาณ 5-10 นาที จู่ ๆ ได้ยินเสียงดังสนั่นที่ท้ายรถ จึงรีบลงมาดูพบมีรถบรรทุกพ่วง ชนท้ายรถยนต์แล้วดันมาอัดติดก๊อบปี้อยู่ท้ายรถของตน และมีคนเจ็บเป็นเด็กหญิง 2 คน เล่าให้ฟังว่า ขณะกำลังลงมาจากรถ เพื่อจะหยิบแพมเพิร์สเปลี่ยนให้เด็ก จู่ ๆ มีรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ พุ่งเข้ามาชนท้ายรถไปอัดท้ายรถบรรทุกน้ำมันพืช เป็นเหตุให้คนที่อยู่ในรถเสียชีวิตทั้งหมด

คาดคนขับรถบรรทุกหลับใน เหตุพุ่งข้ามเลนมาชนแทบไม่มีรอยเบรก
ด้าน พ.ต.อ. กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.ทล 1 กล่าวว่า เบื้องต้นในรถมีผู้เสียชีวิตทั้งชาย-หญิง-เด็กเล็ก รวมจำนวน 8 คน และมีผู้บาดเจ็บ 2 คน ที่โดยสารมากับรถ ส่วนขับรถพ่วงที่พุ่งชนท้ายรถ ยังอยู่ในอาการตกใจ ไม่สามารถให้การได้ เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุ และต้องรอสอบปากคำคนบาดเจ็บทั้ง 3 คนก่อน
ส่วนรถทราบว่าทั้งหมดเป็นญาติกัน เดินทางมาจาก จ.อุดรธานี แล้วแวะรับญาติที่สุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปหาพ่อของน้องผู้หญิงที่โดยสาร ในรถซึ่งทำงานอยู่ที่ จ.ระยอง โดยปู่นั้นเป็นคนขับรถพาไป ซึ่งรถที่เกิดอุบัติเหตุทั้ง 3 คันมีประกันภัยทั้งหมด ส่วนรถบรรทุกคันสุดท้าย ทราบว่า มีประกัน ชั้น 3 พ.ร.บ.ผู้ประสบภัย คุ้มครองสำหรับผู้เสียชีวิตฉบับละ 500,000 บาท รวม 2 ฉบับเป็นเงิน 1 ล้านบาทต่อคน

เบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนขับอาจจะหลับใน เนื่องจากดูลักษณะของรถ และระยะเบรกแทบไม่มีเลย โดยตำรวจมีการแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุที่ผู้อื่นถึงแก่ความตายและรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง
จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุอีกครั้ง ด้วยการใช้โดรนขึ้นบินเหนือจุดเกิดเหตุเพื่อจะดูสภาพช่องทางการจอดรถฉุกเฉิน ซึ่งก็มีความกว้างจากไหล่ทางซ้ายสุดประมาณ 10 เมตร ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทางหลวงนำแบริเออร์มาปิดช่องทางจอดรถฉุกเฉินตรงนี้เอาไว้ชั่วคราวเพื่อรอการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ที่น่าสลดใจคือในจุดเกิดเหตุยังมีเศษชิ้นส่วนของผู้เสียชีวิตตกอยู่ที่พื้นถนน รวมทั้งมีผ้าขนหนู ขวดนมของเด็กและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ

ขณะที่ พ.ต.ท. โสภณ โกมลสุทธิ รอง ผกก.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. เปิดเผยว่า รถ SUV คันนี้ โดยสารกันมาทั้งหมด 10 คน มาจาก จ.อุดรธานี ไปรับ น.ส.จารุวัณ ซึ่งเดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แล้วก็กำลังมุ่งหน้าไปหาพ่อแม่ของน้องปันปันซึ่งเป็นเด็กผู้รอดชีวิต ที่ จ.ระยอง เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุรถพ่วงบรรทุกน้ำมันจอดอยู่ด้านหน้าในช่องทางฉุกเฉินหรือจุดพักรถชั่วคราว แล้วหลังจากนั้นคือ SUV คันไปจอดต่อท้าย เพื่อให้คนในรถก็คือ น้องหมวย กับ น้องปันปันลงจากรถไปเปลี่ยนแพมเพิร์สให้กับเด็กบนรถแล้วก็หยิบของ
ต่อมา หลังจากจอดอยู่ตรงนั้นไม่ถึง 15 นาที มีรถบรรทุกอีกคันวิ่งเข้ามาในช่องทางฉุกเฉินแล้วเบี่ยงซ้าย พุ่งชนท้ายรถ SUV อย่างรุนแรงจนทำให้มีคนเสียชีวิต 8 คน โดยในนั้นมีเด็ก 4 ขวบ และ 1 ขวบด้วย

แนะรถเล็กไปจอดหน้ารถใหญ่ เลี่ยงถูกรถอื่นวิ่งมาชนท้ายอัดคันหน้า
พ.ต.อ. กึกก้อง กล่าวเสริมด้วยว่า จุดที่เกิดเหตุมีช่องทางจอดรถฉุกเฉินเพิ่มอีก 1 ช่องทางซ้ายมือ ซึ่งสามารถจอดได้ แล้วก็จากภาพในสถานที่เกิดเหตุ แสงสว่างมันก็ค่อนข้างชัด ก็เลยทำให้สันนิษฐานได้ว่า คนขับรถบรรทุกน่าจะหลับใน โดยอยากฝากเตือนว่า รถเล็กเวลาไปจอดในทางฉุกเฉินหรือช่องทางจอดอื่น ๆ การไปจอดติดกับรถบรรทุก แล้วเวลามีรถมาชนด้านหลังมันทำให้เหมือนไปชนกับกำแพง โดนอัดก๊อบปี้ ดังนั้นลักษณะการจอดรถเล็กควรจะไปจอดทางด้านหน้ามากกว่า เผื่อมีเหตุรถมาชนซ้ำแรงปะทะจะได้ลดน้อยลง ไม่เกิดลักษณะอย่างอุบัติเหตุครั้งนี้



ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ขอบคุณข้อมูลจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์