ผู้เขียน: admin

          ว่าที่เจ้าสาวลองชุด รับไม่ได้ดูน่าเกลียด ฮึดลดเกือบ 20 กก. ใน 3 เดือน ผลสุดว้าว สวมชุดโปรดได้สุดเป๊ะ แถมความมั่นใจมาเต็ม

ภาพจาก sohu

         
สำหรับเจ้าสาวที่กำลังจะเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์
การได้โชว์ด้านที่งดงามและสมบูรณ์แบบที่สุดของตัวเองในวันสำคัญนั้น
นับเป็นความปรารถนาสูงสุดของเจ้าสาวหลายราย
รวมถึงว่าที่เจ้าสาวชาวจีนรายหนึ่ง
ที่รู้สึกไม่ปลื้มกับภาพของตัวเองตอนลองชุดเจ้าสาวจนเป็นแรงผลักดันให้เธอฮึบลดน้ำหนักครั้งใหญ่
จนสามารถลดไปได้เกือบ 20 กิโลกรัม ภายในเวลา 3 เดือน

          โดยวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์ Sinchew รายงานว่า เดิมที
เฉิน หญิงสาวจากมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน มีน้ำหนักอยู่ที่ 68 กิโลกรัม
แต่ตอนที่ไปลองชุดเจ้าสาวเมื่อหลายเดือนก่อน เธอพบว่าตัวเองดูน่าเกลียดมาก
ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้ตัวเองดูสวยเพอร์เฟกต์ที่สุดในวันแต่งงาน
เธอจึงตัดสินใจลดน้ำหนัก กระทั่งสามารถลดเหลือ 49 กิโลกรัมได้ ในเวลาเพียง 3
เดือน

ภาพจาก sohu

         
ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ไม่เพียงแค่เธอสามารถสวมชุดเจ้าสาวที่ชื่นชอบได้เท่านั้น
แต่ยังเพิ่มความมั่นใจ ซึ่งยิ่งทำให้เธอดูเปล่งประกายสวยงามยิ่งขึ้น

          เมื่อพูดถึงการลดน้ำหนัก เฉินยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย การลดน้ำหนักเกือบ 20 กิโลกรัม ภายใน 3 เดือน ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขบนตาชั่งที่เปลี่ยนไป แต่มันคือบททดสอบอันยิ่งใหญ่ของความตั้งใจและความมุ่งมั่น เธอจำเป็นต้องควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด และออกกำลังกายเพื่อที่จะลดน้ำหนัก แม้บางครั้งจะเหนื่อยจนอยากเลิก แต่ทุกครั้งที่นึกถึงช่วงเวลาที่ได้สวมชุดแต่งงาน เธอก็มีแรงใจจะกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง

ภาพจาก sohu

          เพื่อให้น้ำหนักลด เฉินเลิกกินอาหารแคลอรี่สูงเกือบทั้งหมด หันมากินผักและผลไม้เป็นหลัก รวมถึงเนื้อที่ไม่ติดมัน เธอยังวางแผนการออกำลังกายเป็นอย่างดี มีการผสมผสานทั้งแอโรบิก และแอนแอโรบิก ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ร่างกายไม่ใช้ออกซิเจน แน่นอนว่าระหว่างเส้นทางนี้เฉินเผชิญความลำบากและความท้าทายมากมาย ทั้งความหิว การหมดแรงหลังออกกำลังกาย แต่เธอก็ก้าวข้ามมาได้ทีละขั้น

          กระทั่งในที่สุด เธอก็สามารถสวมชุดเจ้าสาวในลุคสวยได้สมใจ และเรื่องราวของเธอก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก

ภาพจาก sohu

ภาพจาก sohu

ภาพจาก sohu

ขอบคุณข้อมูลจาก Sinchew

         หมอฉุกเฉินไปธนาคาร เห็นหน้า พนง. แวบแรกต้องรีบทัก สุดท้ายเจอเป็นโรคมะเร็ง สุดขอบคุณหมอที่สังเกตเห็น ระยะนี้ยังรักษาได้

         วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต TVBS รายงานว่า ดร.เว่ยจือเหว่ย แพทย์ฉุกเฉินในไต้หวัน ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการสังเกตสีหน้า ที่ช่วยบ่งบอกถึงความผิดปกติของร่างกายได้ ผ่านรายการโทรทัศน์ 不太對勁 เมื่อไม่นานมานี้ โดยเล่าว่าตอนที่เขาไปทำธุระที่ธนาคาร เขาสังเกตเห็นสีหน้าของพนักงานธนาคารดูไม่ค่อยโอเคนัก และตาขาวยังมีสีเหลืองเล็กน้อย จึงเริ่มสอบถามเกี่ยวกับสุขภาพของเธอ รวมถึงถามว่าปวดท้องหรือไม่ ก่อนจะแนะนำให้เธอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล จนกระทั่งต่อมาเขาถึงได้ทราบ ว่าพนักงานรายดังกล่าวได้ไปตรวจร่างกายตามคำแนะนำของเขาจริง ๆ และได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งตับอ่อน

         ดร.เว่ยจือเหว่ย กล่าวว่า การอ่านสีหน้านั้นค่อนข้างเป็นสิ่งแม่นยำ ครั้งหนึ่งเขาเคยสบตากับพนักงานธนาคารหญิง พบว่าตาของเธอเป็นสีเหลือง จึงสอบถามเธอว่า ช่วงนี้ปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือไม่ เพราะเขาสงสัยว่าเธออาจเป็นดีซ่าน

         ดร.เว่ยจือเหว่ย อธิบายต่อว่า ส่วนที่สังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดของโรคดีซ่าน คือตาและปัสสาวะ หากเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอย่างผิดปกติ ก็ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

         เขายังสอบถามพนักงานธนาคารต่อไปว่า เธอมีอาการปวดท้องหรืออาการผิดปกติอื่น ๆ หรือไม่ ซึ่งเธอตอบมาว่าไม่มีอาการอะไร แค่รู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติเล็กน้อย

         อย่างไรก็ตาม ดร.เว่ยจือเหว่ย วิเคราะห์ว่า
หากอาการเหลืองเกิดขึ้นจากภาวะอุดตันหรือนิ่ว มักจะทำให้เกิดอาการปวด
มันยังเป็นอาการไม่ร้ายแรงที่สามารถรักษาได้ แต่หากไม่รู้สึกปวด
อาจเป็นอาการที่ร้ายแรงกว่านั้น
ดังนั้นเขาจึงแนะนำให้พนักงานธนาคารรายนี้ไปพบแพทย์ทันที

        
ในเวลาต่อมา ดร.เว่ยจือเหว่ย กลับไปที่ธนาคารแห่งเดิมอีกครั้ง
และทราบว่าพนักงานหญิงรายดังกล่าวลาออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม
เพื่อนร่วมงานคนอื่นบอกเขาว่า พนักงานหญิงคนนั้นรู้สึกขอบคุณ
ดร.เว่ยจือเหว่ย มาก ที่เตือนเธอในตอนนั้น
เพราะหลังไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทันทีตามที่เขาแนะนำ
ก็พบว่าเธอเป็นโรคมะเร็งตับอ่อน ในระยะเริ่มต้น

        
ดร.เว่ยจือเหว่ย เผยว่า เนื่องจากเนื้องอกของเธอที่ตับอ่อน
ไปกดทับท่อน้ำดีและปิดกั้นการหลั่งของน้ำดี
จึงทำให้เธอเกิดอาการเหลืองขึ้นมา

         ทั้งนี้
การตรวจพบโรคมะเร็งในระยะแรก
นับเป็นเรื่องดีที่ยังมีโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้
แต่หากพบในระยะแพร่กระจาย อาจไม่สามารถรักษาให้หายขาด
โดยเกี่ยวกับอาการของโรคมะเร็งตับอ่อนนั้น ดร.เฉียนเจิ้งผิง
รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล Beitou Health Management Hospital
เคยเตือนว่ายังไม่มีการคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ สำหรับอาการในระยะแรกนี้

        
อย่างไรก็ตาม หากสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เพิ่งเป็นเบาหวาน
ทั้งที่ประวัติครอบครัวไม่มีคนอายุเกิน 40 ปี ป่วยโรคเบาหวาน
มีอาการปวดช่องท้องส่วนบนหรือปวดหลัง ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ
จากการตรวจทางเดินอาหารส่วนบน น้ำหนักลดอย่างมีนัยสำคัญ
มีอาการเหลืองแบบดีซ่าน ท่อน้ำดีอุดตัน ปัสสาวะเป็นสีชา
อุจจาระเป็นสีเทา-ขาว ในอุจจาระมีไขมัน ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก TVBS , ETtoday

          วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 หนุ่ม กรรชัย เผยในรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางช่อง 3 ถึงกรณีไม่ได้ไปกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในคดีแตงโม โดยระบุว่า เนื่องจาก DSI ออกหนังสือเรียก ในหนังสือเขียนว่าขอความร่วมมือ ไม่ได้เรียกตัวให้ไปพบ ตนต้องทำงานจึงไม่ได้ไป และให้ทนายความประสานไป 2-3 วันแล้วว่าไม่ว่า เพราะต้องอ่านข่าว จึงขอเลื่อนไปก่อน และหากตนจะไปวันไหน หรือทาง DSI จะมาพบ ตนก็ยินดีให้ความร่วมมืออยู่แล้ว

          ที่มีข่าวออกไปว่า กรรชัยเลื่อน ยืนยันว่าตนไม่ได้เลื่อนตามที่มีการนำเสนอ ตนบอกไป 3 วันแล้ว เรียน DSI ชี้แจงให้ถูกต้อง มันคล้ายว่าตนโดนเรียกแล้วจำเป็นต้องไป แต่จริง ๆ ต้องบอกว่าเขาขอความร่วมมือ ตนให้ทนายความติดต่อไปแล้ว ขอให้ท่านเวลาให้ข่าวก็ให้ข่าวว่าท่านขอความร่วมมือจากผม ไม่ใช่ว่าเรียกตัวผมไปพบ เหมือนเป็นพยานอะไร ซึ่งผมไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

          อีกอย่างนึงคือ ตนไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมีการโปรโมต หรือมีหมายเชิญนักข่าวไป ว่ากรรชัยจะไปนะ มีหมายเชิญมา “ท่านเป็น DSI นะครับ ไม่ใช่กรมประชาสัมพันธ์ ต้องเข้าใจผมด้วยนะครับ ผมก็ต้องทำงาน กราบขออภัยนะครับ ไว้ถ้าผมว่างแล้วผมจะไป หรือท่านอาจจะต้องมาคุยกับผมนะครับ”

          ส่วนกรณีที่ไม่ได้นำเสนอข่าวแตงโม ก็เนื่องจากตนเป็นพยานบอกเล่าให้กับตำรวจ ในมุมของตน ตนทำไม่ได้ ตนเป็นพยานบอกเล่าในชั้นสอบสวนไปก่อนหน้านี้แล้ว ตนอาจจะไปละเมิดอำนาจศาลได้ ทาง DSI ก็ออกหนังสือ โดยเขียนว่าขอความร่วมมือ ไม่ได้เรียกตนให้ไปพบ

          แล้วตนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้ความร่วมมือ ตนให้ได้ แต่ต้องดูว่าตนว่างหรือเปล่า มีเหตุผลด้วยนะครับ ไม่ใช่ไม่มีเหตุผลกับตน

          โดยล่าสุดเมื่อเวลา 15.47 น. หนุ่ม กรรชัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “กรณีของดีเอสไอขอความร่วมมือผมในคดีแตงโม ในวันนี้ผมได้ให้ทีมกฎหมายเข้าไปพบดีเอสไอ และได้มอบเทปรายการโหนกระแส เกี่ยวกับการสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องของคดีน้องแตงโม ทั้งหมด 27 เทป ให้กับดีเอสไอเป็นการเรียบร้อย และในส่วนของตัวผม จะมีการนัดหมายกับดีเอสไอในครั้งต่อไปในเร็ว ๆ นี้

          และขอยืนยันอีกครั้งนะครับว่า การที่ดีเอสไอเชิญผมในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการออกหมายเรียก แต่เป็นการขอความร่วมมือ และผมยินดีให้ความร่วมมือเป็นอย่างยิ่ง และขอความกรุณาอย่านำเสนอข่าวว่าเป็นการออกหมายเรียกนะครับ เพื่อเป็นการป้องกันคนเข้าใจผิด ขอบคุณมากครับ”

ขอบคุณข้อมูลจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์

         ลูกค้าให้ช่างติดแอร์ ยึดหลัก 25 องศา ผลงานออกมาตามบรีฟเป๊ะ เล่นเอาหัวแทบปวด ก่อนเจ้าตัวเฉลยพีค

         เรียกว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้ สำหรับเครื่องปรับอากาศ แต่สิ่งที่หลายคนคิดจะ ติดแอร์ ต่างกังวลคือเรื่องของ ค่าไฟที่แพง จนอาจมาซึ่งการแก้ปัญหาที่อาจผิดพลาดได้

         จากภาพเผยให้เห็นภาพของแอร์ที่ถูกติดตั้งแบบเอียง ๆ ผิดปกติ 25 องศา ซึ่งไม่ใช่อุณหภูมิแต่เป็นมุม โดยพบว่ามีการติดแบบนี้ตั้งแต่แผ่นเหล็กติดผนัง เรียกว่าทำตามบรีฟลูกค้าเป๊ะ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก พรสวรรค์ นาเสงี่ยม

         เจ้าของโพสต์ระบุว่า ลูกค้าสั่งแอร์มาติดเอง ยึดหลักติด 25 องศา เขาบอกว่าประหยัดไฟ ยิงปุ๊กยึดไปแล้วโทร. เรียกช่าง ว่าผมรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่ ช่างมาแก้หน่อย เครื่องมือผมก็ไม่ครบด้วยทำต่อไม่ได้ งานเข้าสิครับ 25 องศาจริงด้วย ไม่ใช่แบบนี้คุณพี่ สั่งระดับน้ำดิจิทัลในแอปฯ อีกต่างหาก อยากประหยัดแต่เสียประโยชน์ หัวจะปวด 

ภาพจาก เฟซบุ๊ก พรสวรรค์ นาเสงี่ยม

         ภาพนี้กลายเป็นไวรัลที่ถูกแชร์ไปกว่า 1 พันครั้ง
ทำเอาชาวเน็ตต่างตกใจที่มีช่างติดตั้งแอร์แบบนี้
เรียกว่ายากว่าติดแบบปกติสุด ๆ
จนทำเอาสงสัยว่ามันคือเรื่องจริงหรือคอนเทนต์กันแน่

        
ต่อมาเจ้าของโพสต์เฉลยว่า มันเป็นคอนเทนต์ แอร์ถูกติดแบบนี้จริง ๆ
แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังคือ แอร์เครื่องนี้ไม่ได้ถูกติดตั้งเอียง
แต่ห้องนี้หลังคาเป็นแนวเอียง ไม่ใช่เป็นแนวตรง
เมื่อถ่ายภาพให้ฝ้าเป็นแนวตรง จึงกลายเป็นแอร์นั้นดูเอียงแทนนั่นเอง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก พรสวรรค์ นาเสงี่ยม

         เครื่องบินส่วนตัวนักร้อง เสียหลักออกนอกรันเวย์ ชนเครื่องบินอีกลำ มีคนเจ็บ-ตาย ทางวงยืนยัน วินซ์ นีล เจ้าของเครื่องบิน ไม่ได้อยู่บนนั้น

ภาพประกอบไม่เกี่ยงข้องกับข้อมูล

         วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์ FOX 10 รายงานว่า เกิดเหตุเครื่องบินส่วนตัวของ วินซ์ นีล (Vince Neil) ร็อกเกอร์รุ่นใหญ่ชาวอเมริกัน แห่งวงมอตลีย์ครู (Mötley Crüe) เสียหลักออกนอกรันเวย์ขณะลงจอดที่สนามบินสกอตส์เดล ในรัฐแอริโซนา สหรัฐฯ และชนกับเครื่องบินอีกลำที่จอดอยู่ ซึ่งข้อมูลจากหน่วยดับเพลิงสกอตส์เดล พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย

         สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ในเวลาประมาณ 14.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยพบว่าเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของนักร้อง เป็นรุ่น Learjet 35A ส่วนเครื่องบินที่ถูกชนคือรุ่น Gulfstream 200 ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่าพบผู้เสียชีวิตบนเครื่องบิน Learjet 1 คน ได้รับบาดเจ็บ 3 คน ในจำนวนนี้มี 2 คนอาการวิกฤต
 
         รายงานระบุว่า ล้อหลักด้านซ้ายของเครื่องบิน Learjet เกิดเหตุขัดข้องระหว่างลงจอด อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของวงมอตลีย์ครู ไม่ได้ระบุรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับต้นเหตุของการชนครั้งนี้

         ในแถลงการณ์ฉบับแรกของวงที่ถูกลบไปแล้ว มีการแสดงความเสียใจต่อนักบินที่เสียชีวิต รวมถึงผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ โดยระบุว่านักบินได้เสียชีวิตอย่างน่าเศร้า ขณะที่ผู้ช่วยนักบินกับผู้โดยสารอีก 1 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แฟนสาวของนีลก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ร้ายแรงถึงชีวิต  
 

          วัน อยู่บำรุง เปิดแชตทั้งหมดที่คุยกับ แตงโม นิดา หลังโดนกล่าวหา ด้าน ได๋ ไดอาน่า ชี้แจงเบื้องลึกเกิดอะไรขึ้น

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

          จากกรณี วัน อยู่บำรุง อดีต สส. ออกมาชี้แจงหลังถูกกล่าวหาว่าเคยแชตไปหา แตงโม นิดา อดีตนักแสดงดัง ซึ่งเสียชีวิต ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการขอภาพโป๊เปลือยของแตงโมตามที่ถูกกล่าวหา โดยเปิดหลักฐานเป็นแชตที่เคยคุยกับแตงโมทั้งหมด โดยไม่มีการลบและหรือปิดบังเนื้อหาใด ๆ

          วัน อยู่บำรุง ระบุว่า นี่คือแชตทั้งหมดที่น้องแตงโมคุยกับผม โดยไม่มีการลบและเซ็นเซอร์ รูปหมดอายุแล้ว ถ้าพวกคุณกู้ภาพได้เอามาเปิดเผยเลยครับ ป.ล. หากอยากรู้ว่าน้องแตงโมปรึกษาผมเรื่องอะไรถามทนายแมนได้เลย เพราะแมนทำคดีนี้

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

          พบว่าจากแชต ช่วงพฤษภาคม 2564 แตงโม นิดา
มีการติดต่อมาที่ วัน อยู่บำรุง คล้ายจะปรึกษาบางอย่าง โดย วัน อยู่บำรุง
ได้ โทร. ไปพูดคุย ก่อนจะให้คอนแท็กต์ไลน์ทนายความกับแตงโม ซึ่งต่อมา แตงโม
ส่งรูปหลักฐานบางอย่างมาให้ พร้อมกับระบุว่า “ตอนนี้พี่ ได๋ ไดอาน่า โดนอยู่ค่ะ”

         
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ได๋ ไดอาน่า พิธีกรชื่อดัง
แชร์โพสต์ของ วันอยู่บำรุง
ซึ่งมีแชตที่แตงโมเคยกล่าวว่าตัวเองว่ากำลังโดนอยู่ โดยระบุว่า “ถูกพาดพิง…
ถ้าใครตามข่าวแล้วอยากรู้ว่าเรื่องอะไร ตอนนั้น ปี 2021 รวมตัวกันกับโม
จะจับโรคจิตที่มาขอซื้อ Hairy + ชุดชั้นในค่ะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ
นะคะ”

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Diana Chung

          ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก
Drama-addict  ระบุว่า จากกรณีข่าวคุณวันกับแตงโมที่กำลังลือกัน
ล่าสุดผู้เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงกันหมดแล้ว
โดยทางคุณวันเอาแชตออกมาเปิดให้ดู รายละเอียดในแชต เป็นการคุยกับแตงโม ปี
2021 (ก่อนเสียชีวิต 1ปี) ในแชตจะเป็นการพูดถึง การกระทำของคน ๆ หนึ่ง
และแตงโมบอกว่า คุณได๋ ไดอาน่า ก็โดนเช่นกัน

         
ซึ่งทางคุณวันบอกว่าแตงโมทักมาขอความช่วยเหลือเขา ไม่มีอะไรเลย ทางคุณได๋
ก็แชร์โพสต์แล้วอธิบายว่า ตอนนั้นปี 2021 มีคนโรคจิต
ทักไปหาดารานักแสดงหลายคน บอกอยากติดต่อขอซื้อชุดชั้นใน
แตงโมกับคุณได๋ก็ตกเป็นเหยื่อด้วย จึงรวมมือกันหาทางจับคนร้าย
ซึ่งทางแตงโมขอความช่วยเหลือไปทางคุณวัน

         
และในเวลาต่อมา ตำรวจกองบังคับการการปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี
ก็จับคนร้ายได้ในที่สุด โดยนอกจากแตงโมและคุณได๋
คนร้ายยังคุกคามเหยื่ออีกหลายคน เช่น ภรรยาของคุณปอทฤษฎี
มันก็ทักแชตไปคุกคามเขาเป็นปี ๆ  กล่าวคือประเด็นนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ
กับการเสียชีวิตของแตงโมเลย จบข่าว

ภาพจาก Drama-addict

ภาพจาก Drama-addict

ภาพจาก Drama-addict

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัน อยู่บำรุง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Diana Chung

           คลิปนี้กลายเป็นไวรัลชวนฮือฮาจนมียอดเข้าชมกว่า 3.7 ล้านครั้ง โดยชาวเน็ตได้เห็นต่างก็ชื่นชมในสกิลทำอาหารของเด็กเจนนี้ ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อนที่เข้าค่ายแต่ละทีแทบไม่ได้กินอาหารที่น่ากินเท่าไหร่ บ้างถึงกับแซวว่าเป็นการเข้าค่ายลูกเสือที่ดูหรูหราไม่เบา เป็นต้น