พ่อ อี๊ด สบู่สับปะรด CEO สบู่ เศร้าเพิ่งบริจาคโลงให้วัด ไม่คิดว่าคนแรกที่ใช้คือลูก

           เผยสาเหตุ อี๊ด สบู่สับปะรด CEO สบู่ เสียชีวิต พ่อสุดเศร้า เผยเพิ่งปลอบลูกก่อนวันเกิดเหตุ ใจสลายเพิ่งบริจาคโลงเย็นให้วัด ไม่คิดว่าลูกสาวเป็นคนแรกที่ได้ใช้



อี๊ด สบู่สับปะรด เสียชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก คุณ จันทร์ทิมา


            จากกรณีการเสียชีวิตของ อี๊ด สบู่สับปะรด CEO สาวเจ้าของแบรนด์สบู่ดังใน TikTok ซึ่งเป็นการจากไปอย่างกะทันหัน ที่สร้างความตกใจแก่ชาวเน็ตจำนวนมาก รวมถึงสามีที่โพสต์ข้อความเศร้า ไม่รู้จักตอบคำถามลูกยังไง เมื่อถามว่าแม่ไปไหนนั้น

อ่านข่าว : สามี อี๊ด สบู่สับปะรด CEO แบรนด์ดัง โพสต์บีบหัวใจ ลูกถามแม่ไปไหน… ตอบไม่ได้เลย

อ่านข่าว : ช็อก CEO สาว แบรนด์สบู่ใน TikTok ดับกะทันหัน พบเพิ่งโพสต์ขายของไม่กี่ ชม.

อี๊ด สบู่สับปะรด เสียชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก คุณ จันทร์ทิมา


           
ต่อมาวานนี้ (4 มกราคม 2568) เดลินิวส์ รายงานว่า พ.ต.ท. รุ่งเกียรติ นาทัย สว.(สอบสวน) สภ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี เผยว่า น.ส.จันทร์ทิมา ทรวดทรง อายุ 29 ปี หรือ อี๊ด สบู่สับปะรด ได้ใช้อาวุธปืนทำร้ายตัวเอง เมื่อเวลา 13.40 น. และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลท่าช้าง จ.สิงห์บุรี แพทย์พยายามช่วยเหลือปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถช่วยไว้ได้
 
            เบื้องต้นสอบถาม นายประเสริฐ ทรวดทรง อายุ 60 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต เล่าว่า น.ส.จันทร์ทิมา ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า รักษาตัวที่คลินิกใน จ.สระบุรี วันที่ 3 มกราคม เพิ่งคุยกับลูกสาว ลูกสาวบอกว่าอยากตาย ตนยังบอกว่าอย่าทำอย่างนั้น แล้วพ่อจะอยู่ยังไง ไหนจะลูก หลาน และน้อง ๆ อย่าทำอย่างนั้นนะ จนตอนเกิดเหตุตนได้ยินเสียงปืน จึงรีบวิ่งไปหาลูกในห้อง พบมีปืนวางอยู่บนพรมสีชมพู จากนั้นก็อุ้มลูกสาวไปส่งโรงพยาบาลทันที แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตลูกสาวได้

อี๊ด สบู่สับปะรด ยิงตัวตาย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก คุณ จันทร์ทิมา

            ย้อนกลับไปประมาณ 3 เดือนที่แล้ว ได้ซื้อโลงเย็น เพื่อถวายแก่วัดวิหารขาว และเพิ่งไปมอบเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ตนไม่คิดเลยว่าผู้ที่จะใช้โลงเย็นที่ถวายเป็นคนแรก จะกลายเป็นลูกสาวตนเอง

            ขณะที่ นางจำลอง ไชยชน
ป้าของผู้เสียชีวิต เล่าว่า
ตนคอยดูแลทำกับข้าวและทำความสะอาดบ้านให้หลานมานาน ปกติหลานเป็นคนร่าเริง
แต่ประมาณอาทิตย์ที่แล้วมีอาการซึมเศร้า ไม่ได้ออกไปไหน
บ่นว่าหนูเหนื่อยแล้ว หนูท้อแล้ว ตนก็ให้กำลังใจ พอวันนี้ตนไปเข้าเวร อปพร.
ได้ยินเสียงวิทยุว่ามีคนใช้อาวุธปืนทำร้ายตัวเอง
ตนรู้เลยว่าต้องเป็นหลานสาวตนแน่ ๆ จึงรีบกลับมาทันที 

อี๊ด สบู่สับปะรด ฆ่าตัวตาย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก คุณ จันทร์ทิมา

           
ทั้งนี้ น.ส.จันทร์ทิมา เป็นเจ้าของโรงงานทำสบู่
ที่เพิ่งก่อตั้งโรงงานในพื้นที่บ้านเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน
และยังทำรีสอร์ตด้วย รวมถึงเคยโพสต์ตัดพ้อชีวิตบน TikTok
และในช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุยังไลฟ์ภาพรอบโรงงาน
จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปในบ้านและเกิดเหตุดังกล่าว
โดยสาเหตุคาดว่าผู้เสียชีวิตเกิดอาการเครียดเรื่องหนี้สิน
รายจ่ายมากกว่ารายรับ ประกอบกับมีอาการซึมเศร้า

อี๊ด สบู่สับปะรด เสียชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก คุณ จันทร์ทิมา

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์

สามี อี๊ด สบู่สับปะรด CEO แบรนด์ดัง โพสต์บีบหัวใจ ลูกถามแม่ไปไหน ตอบไม่ได้เลย

 
            สามี อี๊ด สบู่สับปะรด CEO แบรนด์สบู่ดังใน TikTok โพสต์เศร้าหลังภรรยาเสียชีวิตกะทันหัน รูปตอนกอดลูก ทำบุญด้วยกัน กับคำถามจากลูก… ไม่รู้จะตอบยังไง



อี๊ด สบู่สัปปะรด เสียชีวิต

ภาพจาก เฟซบุ๊ก คุณ จันทร์ทิมา

             เป็นข่าวเศร้าที่ทำเอาหลายคนใจหายกันไม่น้อย
สำหรับการจากไปอย่างกะทันหันของ อี๊ด สบู่สับปะรด หรือ คุณ จันทร์ทิมา CEO
สาว เจ้าของแบรนด์สบู่ดังใน TikTok ทั้งที่ในวันเดียวกัน
เจ้าตัวเพิ่งโพสต์แชร์ทริปช่วยเหลือค่าอาหารกลางวันเด็ก ๆ
และยังเพิ่งลงคลิปโปรโมตสบู่แบรนด์ของตัวเองใน TikTok ไปไม่นาน

             อ่านข่าว : ช็อก CEO สาว แบรนด์สบู่ใน TikTok ดับกะทันหัน พบเพิ่งโพสต์ขายของไม่กี่ ชม.

             ล่าสุด
(4 มกราคม 2568) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก บิ๊ก บอส สามีของ อี๊ด สบู่สับปะรด
ได้โพสต์ภาพครอบครัวตอนที่ไปทำบุญด้วยกัน กับคุณอี๊ดและลูก พร้อมข้อความว่า “พ่อคับแม่เป็นอะไร แม่ไปไหน จะหาแม่ กูจะตอบลูกยังใง กูตอบลูกไม่ได้เลย
ไหนบอกจะช่วยกันเลี้ยงลูก ให้เขาได้มีชีวิตที่ดีที่สุด ดีกว่าที่เรา 2
คนเคยผ่านมา แล้วทำไมผิดคำพูด #หลับให้สบายนะคุณแม่
#สัญญาจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดเลย”

อี๊ด สบู่สัปปะรด เสียชีวิต

             นอกจากนี้ในสตอรี่ของบิ๊ก บอส
ยังได้โพสต์ภาพคู่กับ CEO อี๊ด พร้อมข้อความว่า “เดินทางไกล
ปลอดภัยตลอดเส้นทางนะ ผญ. ที่เก่งที่สุดของผม”
ขณะในโพสต์ของเจ้าตัว
ก็มีคนเข้ามาร่วมแสดงความเสียใจ
และอาลัยกับการจากไปของคุณอี๊ดกันเป็นจำนวนมาก

อี๊ด สบู่สัปปะรด เสียชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก บิ๊ก บอส

อี๊ด สบู่สัปปะรด เสียชีวิต

ภาพจาก เฟซบุ๊ก คุณ จันทร์ทิมา

อี๊ด สบู่สัปปะรด เสียชีวิต

ภาพจาก เฟซบุ๊ก คุณ จันทร์ทิมา

อี๊ด สบู่สัปปะรด เสียชีวิต

ภาพจาก เฟซบุ๊ก คุณ จันทร์ทิมา

บาร์ย่านบางใหญ่ เจอสั่งปิด 5 วัน หลังโดนแฉถ่ายบัตร ปชช. นักเที่ยว – ขุดวีรกรรม

         บาร์ดังฉาวไม่หยุด ถูกแฉปมทำร้ายลูกค้า ขายข้อมูลกลุ่มเทา ปกครองบุกตรวจแล้ว แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ฝ่ายลูกค้าเข้าแจ้งความ-ชี้ถูกร้านถ่ายรูปบัตรประชาชนทุกครั้งที่ไป ล่าสุดโดนสั่งปิด 5 วัน



บาร์ดังเจอชุดปกครองบุก หลังถูกขุดปมฉาว ลูกค้าชี้ถูกถ่ายบัตร ปชช.
ลูกค้าชี้ถูกถ่ายบัตร ปชช.

          จากประเด็นร้อนบนโลกโซเชียล เกี่ยวกับลูกค้าสาวคนหนึ่งที่ไปตามหาโทรศัพท์หายในบาร์ดังย่านบางใหญ่ แต่กลับถูกเด็กเสิร์ฟพูดจาไม่ดี ซ้ำโดนการ์ดทำร้าย ก่อนถูกแอดมินเพจของร้านลากมาแขวน จนถูกหลาย ๆ เพจบนโซเชียลขุดวีรกรรม ทั้งเรื่องจำหน่ายสุราเกินเวลา รวมถึงแฉเรื่องการถ่ายบัตรประชาชนลูกค้าที่มาใช้บริการ แล้วนำข้อมูลไปขายต่อให้กับกลุ่มมิจฉาชีพนั้น

          วันที่ 4 มกราคม 2568 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า ในเวลา 23.30 น. วานนี้ (3 มกราคม) นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี สั่งการให้ น.ส.ญาณิพัชญ์ ศรีโคตร นายอำเภอบางใหญ่ นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอบางใหญ่ นำโดย นายกษิดินทร ธนาภัคธรณ์ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอบางใหญ่ นายภูมิพนัติ วงศ์วิริยะกุล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมกำลังพลสมาชิก อส. สังกัด ร้อย.อส.อ.บางใหญ่ ที่ 6 ร่วมกับนายสมพล สุระสัจจะ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดนนทบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ เข้าตรวจสอบสถานบันเทิงย่านบางใหญ่ ตามที่ตกเป็นข่าว

บาร์ดังเจอชุดปกครองบุก หลังถูกขุดปมฉาว ลูกค้าชี้ถูกถ่ายบัตร ปชช.
ลูกค้าชี้ถูกถ่ายบัตร ปชช.

          โดยพบว่าในร้านยังมีลูกค้าเข้ามากินดื่มกันตามปกติ ประมาณ 100 กว่าคน จากการตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ ในร้าน เจ้าหน้าที่จึงกำชับให้ร้านปฏิบัติตามระเบียบที่กฎหมายกำหนด

          ทั้งนี้ มีรายงานว่าสถานบันเทิงย่านบางใหญ่แห่งนี้ ปรากฏเป็นข่าวตามเพจใหญ่ ๆ หลังมีลูกค้าสาวมาใช้บริการ แล้วโทรศัพท์มือถือหาย 2 เครื่อง แต่เมื่อไปสอบถามกับพนักงานร้านกลับเกิดการโต้เถียงกัน ก่อนถูกการ์ดของร้านจับบีบแขนจนช้ำและท้าทายให้ไปแจ้งความ ซ้ำยังโดนแอดมินเพจของทางร้านนำข้อมูลเฟซบุ๊กของลูกค้ามาโพสต์ประจาน พร้อมคอมเมนต์ท้าทาย ก่อนถูกทัวร์ลงจนทำให้ถูกขุดวีรกรรมที่ผ่านมา

บาร์ดังเจอชุดปกครองบุก หลังถูกขุดปมฉาว ลูกค้าชี้ถูกถ่ายบัตร ปชช.
ลูกค้าชี้ถูกถ่ายบัตร ปชช.

          โดยวีรกรรมที่ถูกขุดนั้น มีทั้งเรื่องการเปิดร้านจำหน่ายสุราเกินเวลา การมั่วสุมยาเสพติดในห้องน้ำ ข่มขู่ลูกค้าที่มีใช้บริการ การหักเงินค่าจ้างพนักงานโดยไม่เป็นธรรม ซ้ำยังถูกแฉเรื่องการนำบัตรประชาชนของลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยจะถ่ายรูปบัตรประชาชนของลูกค้า ไปขายข้อมูลแก่กลุ่มคนรับซื้อเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางผิดกฎหมาย

บาร์ดังเจอชุดปกครองบุก หลังถูกขุดปมฉาว ลูกค้าชี้ถูกถ่ายบัตร ปชช.
ลูกค้าชี้ถูกถ่ายบัตร ปชช.

          ขณะที่ ข่าวช่องวัน รายงานว่า ทางตำรวจ สภ.บางใหญ่
ได้ตั้งโต๊ะรับแจ้งความแล้วกรณีผับดัง
ถูกแฉเรื่องขายข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า
ซึ่งได้มีผู้เดินทางเข้ามาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว 5 ราย

         
ทั้งนี้ ฝ่ายหญิงผู้เสียหายที่ถูกการ์ดทำร้าย
เปิดเผยถึงเรื่องบัตรประชาชนว่าเพื่อนทั้ง 2 คนต่างก็โดนถ่ายรูปทุกคน
ซึ่งทุกครั้งที่ตนไปเขาก็ทำแบบนี้ทุกครั้ง เลยนึกว่าคงเป็นกฎของทางร้าน
จนเริ่มมีกระแสข่าวเรื่องการขายข้อมูลขึ้นมา
จึงเดินทางเข้ามาแจ้งความแล้วเรื่องบัตรประชาชน

          ส่วนที่บาดเจ็บคือโทรศัพท์เราหาย
เลยเดินไปกระซิบกับพนักงานขอให้ช่วยประกาศตามหาให้ แต่เขาไม่พอใจ
เขาเลยเดินไปเรียกการ์ดที่หน้าร้าน เราก็เดินเข้าไปอธิบายให้เขาฟังอีก
แต่เขานึกว่าเราจะไปง้างมือตบพนักงาน การ์ดเลยเข้ามาห้ามและผลักเราออก
ทำให้เราได้บาดแผลตามที่เห็น ทั้งนี้
ตนขอยืนยันว่าไม่ได้จะง้างมือตบพนักงานแน่นอน

          ด้านเพจ อีซ้อขยี้แหลก เผยข้อมูลว่า ลูกค้าที่เคยไปเที่ยวบาร์ดังกล่าวได้แห่แจ้งความแล้ว
หลังกลับจากร้านแล้วพบอีกวันมีข้อความเด้งช่วนเล่นพนัน ไปกัน 8 คน
เด้งกันเกินครึ่ง หวั่นถูกถ่ายรูปบัตรไปใช้

          ทั้งนี้ ล่าสุด (5 มกราคม) พบว่าทางนายอำเภอบางใหญ่ ได้สั่งปิดสถานบริการดังกล่าวแล้ว เป็นเวลา 5 วัน

ดราม่า สาวเวียดนามใส่เสื้อทีมไทย โดนทัวร์ลงจนโซเชียลปลิว

           ดราม่า สาวเวียดนามเจอทัวร์ลงจากเพื่อนร่วมชาติ ปมแต่งชุดทีมไทยเข้าไปเชียร์ฝั่ง ช้างศึก เกมบุกพ่ายนัดแรก โดนรุมถล่มจนโซเชียลปลิว



สาวเวียดนาม เชียร์ทีมชาติไทย โดนทัวร์ลง

           ควันหลงหลังจบเกมที่ ฟุตบอลทีมชาติไทย บุกพ่าย ทีมชาติเวียดนาม ด้วยสกอร์ 1-2 ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน คัพ 2024 รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ที่เวียดจี่ สเตเดียม ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2568

           ภายหลังจบเกมนัดแรกที่เวียดนาม โลกออนไลน์ของเวียดนามเกิดกระแสดราม่า หลังมีหลายเพจเผยภาพแฟนบอลสาวคนหนึ่ง สวมเสื้อทีมชาติไทย และนั่งอยู่กับทางกองเชียร์ไทย แต่ความจริงแล้วเธอคือคนเวียดนาม ซึ่งมีความชื่้นชอบทีมฟุตบอลไทย โดยตามไปเชียร์ถึงสนามในโซนกองเชียร์ชาวไทย

สาวเวียดนาม เชียร์ทีมชาติไทย โดนทัวร์ลง

           ปรากฏว่า เพจดังกล่าวนำภาพที่กล้องถ่ายทอดสดจับใบหน้าเซ็งของแฟนบอลหญิงรายนี้ หลังเวียดนาม ออกนำ 2-0 มาโพสต์พร้อมระบุแคปชั่นว่า “คงเป็นคนเวียดนามคนเดียวที่ไม่มีความสุข หลังจากทีมชาติเวียดนามเอาชนะไทย”

           ประเด็นนี้กลายเป็นที่วิจารณ์สนั่นของชาวเน็ตเวียดนาม
โดยหลายคนได้ไปค้นจะเจอโปรไฟล์โซเชียลของหญิงสาว
พบว่าเธอนั้นเป็นคนเวียดนามจริง ๆ แต่เธอเป็นแฟนคลับตัวยงของทีมชาติไทย
ติดตามเชียร์มากว่า 10 ปี สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอลบางส่วนของเวียดนาม
ที่ทั้งรุมคอมเมนต์แซะ
รวมทั้งแห่รีพอร์ตบัญชีโซเชียลของเธอจนปลิวไปเป็นที่เรียบร้อย

สาวเวียดนาม เชียร์ทีมชาติไทย โดนทัวร์ลง

           สำหรับ
ฟุตบอลทีมชาติไทย เตรียมลงสนามพบกับ ทีมชาติเวียดนาม
ในศึกฟุตบอลอาเซียนคัพ 2024 (ASEAN Mitsubishi Electric Cup 2024)
รอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ในเวลา 20.00 น.

อ่านข่าว
: ไทย ดวล เวียดนาม นัดชิง อาเซียนคัพ นัดสอง ส่องเงื่อนไขเข้ารอบ –
เช็กช่องทางชมสด

สาวเซ็กซี่ นอนหมดสภาพที่สถานี เมาหนักปีใหม่ ลุกขึ้นนั่งแต่ออกอาการ

          สาวเซ็กซี่ นอนหมดสภาพที่สถานีรถไฟฟ้า คาดเมาหนักฉลองปีใหม่ คนเข้าไปถาม คุณโอเคไหม ? เจ้าตัวพยายามลุกมานั่ง ก่อนออกอาการเต็ม ๆ



สาวเซ็กซี่ นอนหมดสภาพที่สถานี คาดดื่มหนักรับปีใหม่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 車cam L(香港群組)

          วันที่ 4 มกราคม 2568 เว็บไซต์ HK01 รายงานว่า ในโลกออนไลน์กำลังมีไวรัลชวนพีค เป็นควันหลงต้อนรับวันฉลองปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมา เมื่อคนใช้รถไฟฟ้าบังเอิญเจอสาวเมาหลับ เป็นสาวเซ็กซี่นอนหมดสภาพนอนอยู่ที่ชานชาลา งานนี้พอได้เห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ

          คลิปนี้ถูกเผยแพร่ลงในโลกโซเชียลของฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา เผยให้เห็นภาพของหญิงสาวใส่ชุดเดรสชวนเซ็กซี่ เว้าลึกตรงหน้าอก และเปิดแผ่นหลัง นอนหมดสภาพอยู่ด้านล่างสถานีรถไฟฟ้าจิมซาจุ่ย คาดว่าเธอคงเมานัก โดยสังเกตว่าใกล้กันนั้นมีกระเป๋าแบรนด์เนมวางอยู่ 1 ใบอีกด้วย

สาวเซ็กซี่ นอนหมดสภาพที่สถานี คาดดื่มหนักรับปีใหม่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 車cam L(香港群組)

 
          จังหวะนั้นมีผู้หญิงอีกรายเห็นภาพของสาวสวยแล้วก็รู้สึกเป็นห่วง โดยพยายามเข้าไปถามซ้ำ ๆ ว่า “คุณโอเคแน่ใช่ไหม ๆ” โดยสาวสวยก็พยายามยกมือทำท่า โอเค ๆ ก่อนจะดันตัวเองลุกขึ้นมานั่ง แต่ก็ไม่วายทำท่าจะอาเจียนทันที ก่อนที่คลิปดังกล่าวจะตัดไป

 สาวเซ็กซี่ นอนหมดสภาพที่สถานี คาดดื่มหนักรับปีใหม่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 車cam L(香港群組)

สาวเซ็กซี่ นอนหมดสภาพที่สถานี คาดดื่มหนักรับปีใหม่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 車cam L(香港群組)

สาวเซ็กซี่ นอนหมดสภาพที่สถานี คาดดื่มหนักรับปีใหม่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 車cam L(香港群組)


            หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป
ปรากฏว่าโลกโซเชียลต่างแสดงความเห็นกันหลากหลาย
บางส่วนมองว่าถ้าจะดื่มหนักก็ควรจะรู้ลิมิตของตัวเองด้วยว่าไหวไหม
ไม่งั้นก็อาจจะเมาหนักไม่ได้สติในสภาพนี้

            อย่างไรก็ดี
บางส่วนกลับมองว่า คลิปนี้น่าจะเป็นการทำคอนเทนต์
เพราะทั้งท่าทางการนอนและมุมกล้องดูจะเป๊ะเกินไปสำหรับคนเมา นอกจากนี้
ยังมีการแชร์ภาพสาวสวยในชุดคล้ายกันไปนอนเมาหมดสติอยู่บนกองขยะ
ซึ่งมีหญิงสาวผมทองอีกรายนอนอยู่ด้วย ซึ่งหลังจากถ่ายเสร็จ
หญิงสาวก็ลุกเดินได้ปกติดี จึงอาจไม่น่าใช่คนเมาหนักอย่างที่คิด

ขอบคุณข้อมูลจาก HK 01  

 

มอบมือถือใหม่ให้แม่บ้าน หลังเห็นจอแตก ซึ้งนั่งคุกเข่าร้องไห้ขอบคุณ

           นัดแม่บ้านมาทำความสะอาด เห็นทำมือถือจอแตก ใจดีมอบเครื่องเก่ายกให้ใช้ ซึ้งภาพชวนตื้นตันใจ คุกเข่าร้องไห้ ไหว้ขอบคุณน้ำใจ



เรื่องราวดี ๆ สาวให้มือถือ แม่บ้านทำจอแตก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก วิภาวี สระศรีสม

           วันที่ 5 มกราคม 2568 โลกออนไลน์แชร์เรื่องราวชวนตื้นตันใจ กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก วิภาวี สระศรีสม แชร์เรื่องราวที่นัดแม่บ้านให้เข้ามาทำความสะอาด ซึ่งแม้ป้าแม่บ้านจะเจออุปสรรคไม่คาดคิด อย่างมือถือจอแตกกะทันหัน แต่ก็ยังพยายามหาวิธีติดต่อมาแจ้งกับเธอ และทำทุกอย่างให้มาทำงานตรงเวลา จนเธอนั้นเลือกที่จะมอบน้ำใจตอบแทนความตั้งใจต้อนรับปีใหม่

           โพสต์ดังกล่าว ระบุข้อความว่า นัดแม่บ้าน มาทำความสะอาดแต่โทรศัพท์แกดันตกจอแตกก่อน หาเบอร์ไม่ได้ เปิด GPS ไม่ได้ หาบ้านเราไม่เจอ ไปขอพี่วินโทร. บอกบริษัทให้แจ้งเรา กลัวเราว่า กลัวมาสาย แล้วทำทุกวิถีทางให้มาทำงานทันเวลา พอมาถึงยิ้มแย้ม ไม่มีบ่นไม่มีตัดพ้อสักคำตั้งใจทำงานสุด ๆ

           จากคลิปเผยให้เห็นโมเมนต์ประทับใจหลังจากแม่บ้านคนนี้ทำงานเสร็จ เจ้าของห้องก็มอบน้ำใจซื้ออาหารมอบให้แม่บ้านกลับไปกินกับครอบครัว โดยแม่บ้านก็ยกมือไหว้ขอบคุณ นอกจากนี้ พอได้รู้เรื่องที่แม่บ้านมือถือจอแตก เจ้าของห้องจึงเซอร์ไพรส์ด้วยการยกโทรศัพท์เครื่องที่ไม่ได้ใช้มอบให้ ทำเอาแม่บ้านถึงกับซึ้งใจ ลงไปนั่งไหว้ ร้องไห้ดีใจ พร้อมกับอวยพรขอให้เจริญ ๆ โดยป้าแม่บ้านยอมรับว่ารู้สึกตื้นตันใจจนพูดไม่ออกจริง ๆ 


           คลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัลชวนซึ้งใจจนมียอดเข้าชมกว่า
3 แสนครั้ง โดยเจ้าของเรื่องราว ขอบคุณสำหรับทุกคำอวยพร และกำลังใจดี ๆ
ที่ส่งกลับมาให้เธอกับแม่บ้านด้วย จริง ๆ แล้วคลิปไม่ได้ตั้งใจจะทำคอนเทนต์
ปกติเวลาใช้บริการอะไรจะเป็นคนชอบให้ทิปเสมอ แต่ไม่เคยออกสื่อหรือถ่ายอะไร
แล้วพอดีมีโทรศัพท์เก่า ๆ หลายเครื่อง เลยอยากจะเอาให้แกเฉย ๆ แค่นั้นเลย

เรื่องราวดี ๆ สาวให้มือถือ แม่บ้านทำจอแตก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก วิภาวี สระศรีสม

           โดยคลิปนี้เกิดขึ้นเพราะ
คุณป้าลากลับแล้ว จึงรีบไปหยิบมือถือที่เตรียมชาร์จไว้ให้
รีบตั้งกล้องเพราะกะจะส่งให้แฟนดู ไม่คิดว่าคุณป้าจะดีใจขนาดนี้
เห็นแกร้องให้ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ขอบคุณพี่ ๆ
ทุกคนมากที่เอ็นดูเราทั้ง 2 คน บริษัทแม่บ้านที่ใช้บริการคือ BeNeat :
แม่บ้านออนไลน์
ต้องขอบคุณทางบริษัทด้วยที่ช่วยประสานงานแจ้งปัญหาให้ทราบล่วงหน้า
และช่วยประสานให้คุณป้าหาบ้านจนเจอ 

กลุ่มคนจีนรุมทึ้ง ปีนแย่งของขวัญกลางห้าง รปภ. ห้ามไม่ฟัง สุดท้ายทำไมโยนทิ้ง

         กลุ่มคนจีนรุมทึ้ง ปีนแย่งของขวัญกันกลางห้าง รปภ. ห้ามก็ไม่ฟัง วุ่นวายจนเหลือเพียงซากความเสียหาย แต่สุดท้ายทำไมโยนทิ้งเกลื่อน



กลุ่มคนจีนรุมทึ้ง ปีนแย่งของขวัญกลางห้าง รปภ. ห้ามไม่ฟัง สุดท้ายโยนทิ้ง
ภาพจาก Xiaohongshu

          วันที่ 4 มกราคม 2568 เว็บไซต์ MS News มีรายงานภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกลางห้างสรรพสินค้า อู่เยว่ พลาซ่า ในเมืองไทหยวน มณฑลส่านซี ประเทศจีน เมื่อกลุ่มผู้มาจับจ่ายใช้สอยที่ห้าง พากันแห่เข้ามารุมทึ้ง เพื่อแย่งกล่องของขวัญจากต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้าง โดยไม่ฟังเสียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่พยายามห้ามปราม เป็นความวุ่นวายที่ใครก็หยุดไม่อยู่ เป็นผลให้ทางห้างจำต้องเข้ามารื้อถอนต้นคริสต์มาสที่ได้รับความเสียหาย

          ภาพเหตุการณ์ความวุ่นวายนี้ถูกแชร์ต่อไปทั่วโซเชียลมีเดียของจีน โดยพบว่าเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ในขณะที่ทางห้างกำลังจัดกิจกรรมแจกของขวัญตรงโถงกลางห้าง ซึ่งมีต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ตั้งอยู่ จู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนพากันปีนข้ามเครื่องกั้น ตรงเข้าไปคว้า “กล่องของขวัญ” จากต้นคริสต์มาสด้วยตัวเอง

กลุ่มคนจีนรุมทึ้ง ปีนแย่งของขวัญกลางห้าง รปภ. ห้ามไม่ฟัง สุดท้ายโยนทิ้ง
ภาพจาก Xiaohongshu

          แม้ว่ากล่องของขวัญดังกล่าวจะเป็นเพียงของตกแต่ง แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดฝูงชนที่กรูเข้ามาทำตามได้ ในตอนแรกทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็พยายามตะโกนห้าม เพราะเสี่ยงที่ลูกค้าจะถูกไฟชอต แต่เพราะมีคนเข้ามารุมทึ้งต้นคริสต์มาสนี้มากเกินไป สุดท้ายก็ไม่อาจห้ามปรามได้

          ฝูงชนที่พากันยื้อแย่งกล่องของขวัญราวหิวกระหาย
ไม่ได้ดึงเอาไปเพียงกล่องที่อยู่ด้านล่าง
บางคนถึงขั้นปีนขึ้นไปบนต้นคริสต์มาสเพื่อแกะกล่องของขวัญออกมา
โดยคนที่เข้ามารุมแย่งกันมีตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่
จนถึงจุดหนึ่งต้นคริสต์มาสก็เอนอย่างน่ากลัว ของประดับอื่น ๆ เริ่มหลุดร่วง

กลุ่มคนจีนรุมทึ้ง ปีนแย่งของขวัญกลางห้าง รปภ. ห้ามไม่ฟัง สุดท้ายโยนทิ้ง
ภาพจาก Weibo

          อย่างไรก็ตาม
คนกลุ่มนี้ต้องพบกับความผิดหวังอย่างรวดเร็ว
เมื่อพบว่ากล่องของขวัญที่คว้ามาได้นั้นว่างเปล่า
เพราะมันเป็นเพียงของตกแต่งเท่านั้น
และพวกเขาก็โยนมันทิ้งลงพื้นโดยไม่สนใจอะไรอีก

กลุ่มคนจีนรุมทึ้ง ปีนแย่งของขวัญกลางห้าง รปภ. ห้ามไม่ฟัง สุดท้ายโยนทิ้ง
ภาพจาก Weibo

         
เมื่อเหตุการณ์สงบลง ต้นคริสต์มาสที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
ก็อยู่ในสภาพเสียหายหนัก กล่องของขวัญที่อยู่ด้านล่างถูกดึงไปจนหมด
แม้แต่ผ้าที่พันอยู่รอบต้นก็ถูกฉีกกระชาก
สุดท้ายแล้วทางห้างก็ต้องเข้ามารื้อถอนต้นคริสต์มาสดังกล่าวออกไปในวันต่อมา
ซึ่งก็คือวันคริสต์มาส

ขอบคุณข้อมูลจาก MS News 

อดีตประธานธนาคารใหญ่ฉาว ยุให้ลูกชายเลิกคู่หมั้น หวังแย่งมาเป็นเมีย คนที่ 4

 
             อดีตประธานธนาคารใหญ่ ฉาวหนัก ยุให้ลูกชายเลิกคู่หมั้น หวังแย่งมาเป็นเมียคนที่ 4 ลูกชายช็อกจนซึมเศร้า หลังตกหลุมพราง สังคมเมาท์สนั่น



แย่งแฟนลูก
              วันที่ 2 มกราคม 2568 เว็บไซต์อ็อดดิตี้เซ็นทรัล รายงานเรื่องราวอื้อฉาวของ
หลิวเหลียงเกอ อดีตประธานธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China)
ซึ่งถูกศาลในมณฑลซานตง ตัดสินโทษประหารชีวิตโดยให้เลื่อนการลงโทษออกไป 2 ปี
ฐานรับสินบนกว่า 121 ล้านหยวน (ราว 570 ล้านบาท)
และปล่อยเงินกู้ผิดกฎหมายกว่า 3.32 พันล้านหยวน (ราว 1.56 หมื่นล้านบาท)
โดยในขณะที่พฤติกรรมละเมิดกฎหมายของเขากลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศจีน
แต่เรื่องที่ถูกพูดถึงในวงสังคมยิ่งกว่า 
ก็คือเรื่องที่เขาโน้มน้าวให้ลูกชายเลิกกับคู่หมั้น
เพื่อจะแย่งหญิงสาวมาเป็นของตัวเอง

              รายงานเผยว่า หลิวเหลียงเกอ
เกิดเมื่อปี 2504 ในมณฑลจี๋หลิน เขาถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่มีการศึกษาดี
เขาจบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์การเงินจากมหาวิทยาลัยจี๋หลิน
ก่อนจะทำอาชีพนายธนาคารในธนาคารใหญ่หลาย ๆ แห่ง
กระทั่งไต่เต้าขึ้นเป็นประธานธนาคารแห่งประเทศจีน ในปี 2562
รวมถึงยังมีตำแหน่งเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย

              อย่างไรก็ตาม
สังคมยังมีข้อสงสัยว่าความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเขา
เป็นผลจากภรรยาคนแรกที่เป็นลูกสาวของข้าราชการระดับสูงหรือไม่
โดยพบว่าหลังประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
เขาหย่าร้างกับเธอไปแต่งงานกับชู้รักที่สาวกว่า
และยังมีการแต่งงานใหม่อีกเรื่อย ๆ รวมแล้วเขามีภรรยาด้วยกัน 4 คน
โดยภรรยาแต่ละคนนั้นอายุน้อยลงและสวยขึ้นเรื่อย ๆ

              ชีวิตส่วนตัวของหลิวเหลียงเกอตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
จากการแต่งงานหลายครั้งและมีเรื่องชู้สาวมากมาย
แถมยังพบว่าระหว่างดำรงตำแหน่งใหญ่
เขามักเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาหญิงมาที่ห้อง เพื่อ “พูดคุยแบบเปิดใจ”
ช่วงกลางดึก

              แต่เรื่องที่อื้อฉาวสุด ๆ คือภรรยาคนที่ 4 ของเขา
ซึ่งเป็นอดีตคู่หมั้นของลูกชาย
กลายเป็นว่าเขาจงใจโน้มน้าวให้ลูกชายเลิกกับคู่หมั้นสาว
เพื่อที่ตัวเองจะได้ไล่ตื้อและคว้าผู้หญิงคนนี้มาครอบครอง
ซึ่งแม้ว่าหลิวเหลียงเกอจะมีข่าวซุบซิบเรื่องผู้หญิงอยู่เรื่อย ๆ
แต่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะไปไกลถึงขั้นแย่งผู้หญิงของลูกตัวเอง

แย่งแฟนลูก

              โดยพบว่าในวันหนึ่งเมื่อลูกชายพาแฟนสาวมาแนะนำที่บ้าน
และบอกว่ากำลังจะแต่งงานกับเธอ
หลิวเหลียงเกอก็เริ่มหลงใหลในความงามของสาวคนนี้
และเริ่มวางแผนแย่งหญิงสาวมาจากลูกชาย
ไม่กี่วันต่อมาเขาเริ่มกดดันให้ลูกชายเลิกกับแฟน อ้างว่าเธอไม่เหมาะสม
เพราะมีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ดี
อ้างว่าเธอตั้งใจมากอบโกยผลประโยชน์จากความรวยและอิทธิพลของพวกเขา
แม้ลูกชายจะยืนกรานว่าพ่อคิดผิด แต่หลิวเหลียงเกอก็ไม่ยอมแพ้
จนสุดท้ายลูกชายก็พ่ายพ่อแรงกดดัน ยอมเลิกรากับคู่หมั้นในที่สุด

              เพื่อให้มั่นใจว่าลูกชายจะไม่เข้ามาขวางทาง
หลิวเหลียงเกอยังหาผู้หญิงคนใหม่ที่เหมาะสมกว่าให้
เป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า
จากนั้นเขาก็ใช้เส้นสายที่มีตามหาตัวอดีตคู่หมั้นของลูกชาย
และเริ่มเปย์ของขวัญให้เธออย่างเต็มที่ ทั้งเครื่องประดับราคาแพง
และสิ่งของหรูหรา จนท้ายที่สุดเธอก็ตกอยู่ในอุ้งมือของเขา  

 
              กระทั่ง
6 เดือนหลังจากที่ลูกชายเลิกกับอดีตคู่หมั้น
เขากลับต้องช็อกเมื่อทราบว่าอดีตคู่หมั้น กำลังจะกล่ายมาเป็นแม่เลี้ยงคนที่
3 ทำให้เขาโศกเศร้าอย่างมากกระทั่งซึมเศร้าหนัก
ในจุดหนึ่งอาการยังแย่ลงจนต้องเข้าโรงพยาบาล
 
              อย่างไรก็ตาม
หลิวเหลียงเกอมีความสุขกับภรรยาคนที่ 4 ได้ไม่นาน
ก็มีคนรายงานเรื่องของเขาต่อคณะกรรมการตรวจสอบทางวินัย
จนในที่สุดเขาต้องลาออกจากตำแหน่งประธานธนาคารใหญ่ และในเดือนตุลาคม 2567
ก็ถูกขับออกจากพรรคคอมมิวนิสต์ และถูกตัดสินโทษประหารในปลายเดือนพฤศจิกายน
จากเหตุทุจริตที่ก่อไว้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Odditycentral, SCMP
 

ครูท้า วางตะปู 14 ตัวบนตะปูตัวเดียว ถ้านักเรียนแก้ได้ให้ 500 บาท

          ครูวิทยาศาสตร์ ท้านักเรียนวางตะปู 14 ตัว บนตะปูตัวเดียว ใครแก้ปัญหาได้ ให้เงิน 500 บาท พีคเจอเด็กหัวไว ทำได้ตามโจทย์เป๊ะ



ครูท้านักเรียน วางตะปู 14 ตัวบนตะปูตัวเดียว ลั่นแก้ได้ให้ 500
ภาพจาก เฟซบุ๊ก SuraBale -สุรเบล-

          วันที่ 4 มกราคม 2568 โลกออนไลน์แชร์คลิปการทดลองชวนว้าว จากเพจเฟซบุ๊ก SuraBale -สุรเบล – หรือ ครูเบล ครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ โรงเรียนชุมชนบ้านแม่ป้าก อ.วังชิ้น จ.แพร่ ทำชาเลนจ์ ทดลองวิทยาศาสตร์ กับเหล่านักเรียน โจทย์คือ “นำตะปู 14 ตัว วางไว้บนตะปูตัวเดียว ห้ามเหลี่ยม ใครทำได้รับไป 500 บาท” มีเวลาให้ 10 นาที

          จากคลิปเป็นการทดลองด้วยอุปกรณ์ง่าย ๆ คือ ตะปูยาว 1 ตัว ถูกตอกไว้ติดกับแผ่นไม้ ซึ่งนักเรียนต้องนำตะปูแบบเดียวกัน 14 ตัว วางไว้ให้ทรงตัวได้บนปลายตะปูตัวเดียว งานนี้ ครูเบล มั่นใจมากว่าคงไม่มีใครทำได้แน่นอน พร้อมท้าเด็ก ๆ ว่าให้ไปเรียกมาทดลองได้ทั้งโรงเรียนเลย

ครูท้านักเรียน วางตะปู 14 ตัวบนตะปูตัวเดียว ลั่นแก้ได้ให้ 500
ภาพจาก เฟซบุ๊ก SuraBale -สุรเบล-

          ระหว่างนั้น ครูเบล ก็คอยดูเด็ก ๆ หาวิธีการวางตะปู พร้อมสอบถามว่าทำกันได้ไหม เด็ก ๆ ถึงกับยอมรับว่า อันนี้ยาก ทำไม่ได้ ส่วนครูเบล ก็ใบ้เพิ่มว่า “ถ้าใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ ทำได้หมดแหละ”

            ปรากฏว่า ผ่านไปไม่นานได้มี ด.ช.พีรภัทร เข้ามาร่วมทดลอง เริ่มนำตะปูที่เหลือมาวางเป็นโครงสร้าง วางสลับกันไปคล้ายรูปทรงสามหลังคาบ้านจนครบ 14 ตัว แล้วก็นำแผงตะปูนั้นไปวางไว้บนตะปู 1 ตัวได้สำเร็จ จนเด็ก ๆ ที่มาร่วมเชียร์ต่างตะโกนดีใจยกใหญ่

ครูท้านักเรียน วางตะปู 14 ตัวบนตะปูตัวเดียว ลั่นแก้ได้ให้ 500
ภาพจาก เฟซบุ๊ก SuraBale -สุรเบล-

ครูท้านักเรียน วางตะปู 14 ตัวบนตะปูตัวเดียว ลั่นแก้ได้ให้ 500
ภาพจาก เฟซบุ๊ก SuraBale -สุรเบล-

ครูท้านักเรียน วางตะปู 14 ตัวบนตะปูตัวเดียว ลั่นแก้ได้ให้ 500
ภาพจาก เฟซบุ๊ก SuraBale -สุรเบล-

          ครูเบล อธิบายว่า หลักการณ์นี้เรียกว่าศูนย์ถ่วง
ที่ตะปูไม่ร่วง เพราะน้ำหนักโดยรวมของมัน อยู่ในฐานที่ตั้งเอาไว้
มันจึงไม่ล้ม แต่เมื่อไหร่ที่ศูนย์ถ่วงมันเสียไป
ไม่สามารถรักษาสมดุลไว้ได้มันก็จะล้มลง ก่อนจะมอบเงิน 500
บาทให้กับนักเรียนที่แก้ปัญหานี้ได้สำเร็จ


          คลิปนี้กลายเป็นไวรัลจนมียอดเข้าชมกว่า 2.4 ล้านครั้ง
โดยหลายคนต่างชื่นชอบแนวทางการสอนของครู ที่ทำวิชาที่ดูน่าเบื่อ
กลายเป็นน่าเรียน เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้ทดลองสนุก ๆ อยู่เสมอ
พร้อมแซวครูว่าเสียเงินตั้งแต่ต้นปี และถ้าถ้าทำคลิปบ่อย ๆ
อาจจะหมดเยอะกว่านี้ เป็นต้น

ครูท้านักเรียน วางตะปู 14 ตัวบนตะปูตัวเดียว ลั่นแก้ได้ให้ 500

ครูท้านักเรียน วางตะปู 14 ตัวบนตะปูตัวเดียว ลั่นแก้ได้ให้ 500

ครูท้านักเรียน วางตะปู 14 ตัวบนตะปูตัวเดียว ลั่นแก้ได้ให้ 500

ครูท้านักเรียน วางตะปู 14 ตัวบนตะปูตัวเดียว ลั่นแก้ได้ให้ 500

ครูท้านักเรียน วางตะปู 14 ตัวบนตะปูตัวเดียว ลั่นแก้ได้ให้ 500

ครูท้านักเรียน วางตะปู 14 ตัวบนตะปูตัวเดียว ลั่นแก้ได้ให้ 500