ผู้เขียน: admin

ภาพจาก X @RedSkullxxx

          วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 เฟซบุ๊ก เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand รายงานว่า เมื่อเวลา 23.45 น. วานนี้ (10 กุมภาพันธ์) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บุคคโล รับแจ้งเหตุมีรถประจำทาง สาย 167 เสียหลักปีนสลิงสายกราวด์ยึดเสาไฟฟ้าแรงสูง บริเวณแยกมไหสวรรย์ ทิศทางมุ่งหน้าถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ติดห้อยอยู่เช่นนั้น ไม่สามารถลงมาได้ จึงประสานอาสาสมัครกู้ภัย พร้อมเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

          ในที่เกิดเหตุ พบรถประจำทางปรับอากาศ สาย 167 สีส้ม ทะเบียน 16-8442 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ 4-26 (17) เส้นทาง เคหะพระรามที่ 2 – สวนลุมพินี อยู่ในลักษณะยกตัวล้อพ้นจากพื้นทั้ง 4 ล้อ โดยมีขากระจกมองข้างด้านซ้ายเกี่ยวอยู่บนสลิงสายกราวด์ยึดเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาดใหญ่ ไม่สามารถเคลื่อนตัวไปไหนได้ ติดคาห้อยตัวอยู่แบบนั้น แต่เคราะห์ดีไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และไม่ส่งผลกระทบการจราจร เนื่องจากเป็นช่วงกลางดึกที่มีผู้ใช้รถใช้ถนนน้อย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand

          ด้าน นางสาวอภินญา อายุ 34 ปี พนักงานขับรถเมล์ เผยว่า ตนขับลงมาจากสะพานกรุงเทพแล้วจะเลี้ยวโค้งมาเพื่อเข้าถนนจอมทอง แต่ในจุดนี้มีน้ำมันอยู่บนพื้น ทำให้ล้อรถลื่น จนควบคุมรถไม่อยู่ เสียหลักปีนกับสลิงดังกล่าว โดยตอนเกิดเหตุมีผู้โดยสารอยู่บนรถ 3 คน เนื่องจากเป็นรถเที่ยวสุดท้าย ก่อนเข้าอู่ ผู้โดยสารทุกคนไม่ได้รับบาดเจ็บ

          ทั้งนี้ ต่อมาเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง เข้าดำเนินการเคลื่อนย้ายรถเมล์คันดังกล่าว และจากการตรวจสอบบริเวณเสาไฟ ไม่พบความเสียหาย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand

ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand

          หนุ่ม กรรชัย ชี้ ถ้าหากลูกตัวเองโดนเตะ จะทำยังไง ขณะอ่านข่าวเด็กหญิงถูกผู้ใหญ่เตะในร้านอาหาร แล้วพ่อแม่เด็กใจดีมาก

ภาพจาก รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์

          จากกรณีที่มีเด็กหญิงคนหนึ่งไปเดินชนเด็กอีกคนจนล้ม แต่กลับถูกผู้ปกครองของเด็กคู่กรณีเตะ จนกลายเป็นไวรัล ชาวเน็ตต่างไม่พอใจ และทางร้านก็ประกาศแบนไม่ต้อนรับลูกค้าคนนี้อีก

อ่านข่าว : ร้านแฉคลิป ผัวเมียเตะตีเด็กหญิง ฉุนวิ่งมาชนลูกล้ม จวกนิสัยแย่มาก ลั่นไม่ขอต้อนรับอีก

ภาพจาก รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์

          วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 หนุ่ม กรรชัย
ก็มีการอ่านข่าวดังกล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์
พร้อมกับแสดงความคิดเห็นว่า บางครั้งก็ต้องทำใจ พาลูกไปเที่ยว ไปเล่นแบบนี้
มันก็อาจจะมีกระทบกระทั่งอะไรบ้าง แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจ

         
พ่อแม่ของเด็กผู้หญิงเขาก็ใจดีนะ เขาบอกไม่เป็นไร จบ ๆ กันไป
ถ้าเป็นพ่อแม่คนอื่นคงไม่เป็นแบบนี้ ถ้าเป็นผมผมแจ้งความ
ไม่ได้แจ้งเพราะเตะลูกนะ แต่แจ้งเพราะดูพฤติกรรมมันแปลก ๆ
ก็ไม่รู้ว่าจะทำแบบนี้กับใครอีกหรือเปล่า มันต้องมีบทเรียน

ภาพจาก รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์

         
เขารู้หรือเปล่าว่ามีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น เขาอาจจะไม่ได้ดูด้วย
แต่ว่ามันไม่ถูกต้องแหละเนอะ
ถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ก็ต้องเลี้ยงลูกไว้ที่บ้าน ไม่ต้องเจอคน

           สำหรับการปรับเงินเดือนของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ใช้บังคับวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 และ 1 พฤษภาคม 2568 โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

           กลุ่มที่ 1 :  การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุทุกคุณวุฒิ โดยทยอยปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุเพิ่มปีละ 10% ในปี 2567 และ 2568 และโดยในปี 2568 ผู้ที่บรรจุด้วยคุณวุฒิปริญญาตรีจะได้เงินเดือนไม่น้อยกว่า 18,000 บาท และปรับคุณวุฒิอื่น ๆ ให้สอดคล้องกัน

           ปรับเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ ในปีงบประมาณ 2568 โดยได้รับเงิน 18,000 บาทต่อเดือน แยกเป็นรายกลุ่มตามวุฒิการศึกษา ดังนี้

วุฒิการศึกษา ปวช.

           – ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 10,340-11,380 บาท
           – ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 11,380-12,520 บาท

วุฒิการศึกษา ปวส.

           – ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 12,650-13,920 บาท
           – ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 13,920-15,320 บาท

วุฒิการศึกษาปริญญาตรี

           – ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 16,500-18,150 บาท
           – ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 18,150-19,970 บาท

วุฒิการศึกษาปริญญาโท

           – ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 19,250-21,180 บาท
           – ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 21,180-23,300 บาท

วุฒิการศึกษาปริญญาเอก

           – ปีงบประมาณ 2567 อัตรา 23,100-25,410 บาท
           – ปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเป็น 25,410-27,960 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ

          เพื่อนให้ทองมา 10 กว่าปีก่อน นึกว่าทองปลอม หวังขายได้สัก 5,000 บาท ช่างทองเฉลยความจริงถึงกับอึ้ง ขายได้เป็นแสน ตอนนี้ขอบคุณเพื่อนมาก

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

          วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 โลกออนไลน์มีการเผยคลิปจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0 ของช่างทองรายหนึ่ง ซึ่งบันทึกภาพขณะมีลูกค้ามาขายทองที่ร้าน พร้อมระบุข้อความว่า “ทองปลอมขาย 5,000 ได้หรือเปล่า เพื่อนให้มา”

          จากการพูดคุย ทราบว่าสร้อยและต่างหูทองที่ทางลูกค้านำมาขาย เธอได้รับมาจากเพื่อนที่บังคลาเทศ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน โดยตัวเธอมั่นใจว่าเป็นทองปลอม คิดว่าขายได้สัก 5,000 บาท ก็ดีแล้ว พร้อมกันนั้นยังนำเข็มขัดนาคของคุณยายมาขายด้วย

          โดยก่อนจะมาที่ร้านนี้ เธอได้ถามราคามาก่อนจะ 2 ร้าน
ร้านแรกให้ราคาเข็มขัดนาคเพียง 70,000 บาท ส่วนอีกร้านให้ราคาที่ 150,000
บาท

          จากนั้นช่างทองก็ให้ความรู้ว่า
นาคแท้จะมีตราเยอะมาก โดยมี 4-5 ตราที่เข็มขัด มีทั้งตราร้านต่าง ๆ
ตรารับประกัน ซึ่งเมื่อตรวจสอบดูแล้ว พบว่าเข็มขัดนาคชิ้นนี้เป็นนาคแท้
ที่มีเปอร์เซ็นต์ต่ำหน่อย โดยเขาประเมินเบื้องต้นก่อนหลอมว่าน่าจะสัก 10
บาท ราคาเบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ 150,000 บาท

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

         
ส่วนชุดสร้อยและต่างหูนั้น เมื่อทางช่างทองหยิบมาดู
ก็พบว่าสร้อยและต่างหูทองชุดนี้มีความสวยงามและทำขึ้นอย่างประณีตมาก
และส่วนตัวสัมผัสแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นทอง ซึ่งหลังจากการตรวจสอบดู
ก็พบว่าทั้งสร้อยคอและต่างหูนี้ เป็นทองจริง ๆ 94%
ทำให้คนที่นำมาขายถึงกับอึ้ง ไม่รู้ว่าสร้อยที่เพื่อนให้มาจะเป็นทองจริง

         
ทั้งนี้ เธอยอมรับว่าไม่รู้ราคาที่แท้จริงว่าพื่อนซื้อมาเท่าไหร่
เพราะเพื่อนฝากคนอื่นมาให้อีกที และไม่ได้ติดต่อกันแล้ว
ตอนนี้รู้สึกทั้งขอโทษและขอบคุณเพื่อนมาก ๆ

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

          จากที่คิดว่าขายได้
5,000 บาทก็ดีแล้ว สุดท้ายช่างทองตีราคาให้ที่ 102,960 บาท
โดยบอกว่าตนคงไม่กล้าหลอมเครื่องประดับชุดนี้ เพราะมีคุณค่าทางจิตใจ
และสวยงามมาก หากลูกค้าถูกลอตเตอรี่ตามที่ตั้งใจ
ตนก็ยินดีขายคืนให้ในราคาเดิม ถ้าเธอต้องการซื้อคืน

         
ทั้งนี้ ทางช่างทองยังเปิดเผยว่า
สาเหตุที่ลูกค้าตัดสินใจนำเครื่องประดับมาขาย
ก็เพราะความจำเป็นที่ต้องนำเงินไปรักษาคุณแม่
ที่กำลังป่วยมะเร็งอยู่นั่นเอง
ซึ่งก็มีคนเข้ามาร่วมส่งกำลังใจให้ทางลูกค้ารายนี้ไม่น้อย

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

ภาพจาก TikTok @namobanchangtongdaengso0

          ผวา สิงโตคำรามลั่นทั้งคืน ไม่ได้หลับได้นอน พบบ้านนี้เคยมีดราม่าพาสิงโตขึ้นรถเปิดประทุน ล่าสุดเจ้าของอ้าง มีชาวบ้านมากวน เอาของปาใส่สิงโตก่อน

ภาพจาก Pattaya news live

          วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ข่าวช่อง 3 รายงานกรณีชาวบ้านในซอยพระตำหนัก ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ว่าได้ยินเสียงสิงโตคำรามดังตลอดทั้งคืน จนสร้างความหวาดผวาและไม่ได้หลับได้นอน ซึ่งจากการนำกำลังสายตรวจตำรวจท่องเที่ยว ลงพื้นที่ตรวจสอบหมู่บ้าน ซอย 5-6 พระตำหนัก ม.12 ต.หนองปรือ พบว่าเจ้าของบ้านคือ Mr.Vaikunda สัญชาติรัสเซีย อายุ 54 ปี โดยได้นำเอกสารเกี่ยวกับการครอบครองและการขออนุญาตเลี้ยงสิงโตมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ พบว่าถูกต้องตามกฎหมาย

ภาพจาก Pattaya news live

          สอบถามเจ้าของบ้าน ทราบว่า สิงโตเพศผู้ วัย 2 ปี ส่งเสียงคำรามเนื่องจากมีชาวบ้านขว้างปาสิ่งของเข้ามารบกวน จนสิงโตเกิดความเครียด ส่งเสียงดังเป็นระยะ ทางตำรวจจึงว่ากล่าวตักเตือน พร้อมกำชับให้ควบคุมเสียงของสัตว์ไม่ให้รบกวนชุมชน รวมถึงให้เพิ่มมาตรการดูแลป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุอีก

          อนึ่ง พบว่าบ้านหลังดังกล่าว
เคยปรากฏเป็นข่าวโด่งดังจากการที่มีชายต่างชาติ
นำสิงโตนั่งรถสปอร์ตเปิดประทุนกลางเมืองพัทยา จนทางตำรวจและอุทยานฯ
ต้องเข้าตรวจสอบมาแล้ว

ภาพจาก Pattaya news live

ภาพจาก Pattaya news live

ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3

          เปิดภาพ แพร อดีตมิสทรานส์เพชรบุรี กับเหตุผลที่โดนปลด คาดโยงปม รังสิต ล่าสุดเจ้าตัวโพสต์แจง เกิดอะไรขึ้น ขอโทษสังคม ลั่นตอนนั้นช่วยน้องไม่ได้จริง ๆ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Miss Teen Trans Thailand

          วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 กองประกวดมิสทีนทรานส์ไทยแลนด์ (Miss Teen Trans Thailand) โพสต์ประกาศอย่างเป็นทางการผ่าน เฟซบุ๊กเพจ Miss Teen Trans Thailand เรื่องการปลด แพร รักศักดิ์ วัย 20 ปี มิสทีนทรานส์เพชรบุรี 2025 โดยระบุว่า ทางกองประกวดเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องขอปลด มิสทีนทรานส์เพชรบุรี 2025 ออกจากการประกวดในปีนี้ เนื่องจากมีคุณสมบัติไม่ตรงตามสโลแกนของกองประกวด และมีคุณสมบัติที่ขัดต่อสังคม เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อเด็กและเยาวชน

          โดยเวทีมิสทีนทรานส์ไทยแลนด์ เป็นเวทีต้นแบบ สำหรับเด็กเยาวชนหลากหลายทางเพศ ที่มีจิตอาสาและจิตสาธารณะเวทีแรกของประเทศไทย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Peary Sakijai

          ทั้งนี้ทั้งนั้น
ทางกองได้รับฟีดแบคและเห็นด้วยกับฟีดแบคทั้งหมด จึงปลดมิสทีนทรานส์เพชรบุรี
2025 ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป และทางกองจะขอจัดกิจกรรมเพื่อแต่งตั้ง
มิสทีนทรานส์เพชรบุรี 2025 คนใหม่ ให้รอติดตามหลังจากนี้
 
         
กระแสข่าวปลด มิสทีนทรานส์เพชรบุรี 2025 ดังกล่าว
ทำให้บนโลกออนไลน์มีการคาดเดาถึงสาเหตุที่แท้จริง
ว่าอาจเชื่อมโยงกับเหตุการณ์รังสิต
ซึ่งกำลังเป็นประเด็นเดือดในสังคมขณะนี้หรือไม่

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Peary Sakijai 

         
โดยล่าสุด แพร อดีตมิสทีนทรานส์เพชรบุรี 2025 ที่ถูกปลด ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก
เพื่อขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเพื่อน ๆ
และคนรอบข้างที่ต้องเดือดร้อนเพราะตน
พร้อมชี้แจงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการราดน้ำร้อนใส่รุ่นน้อง
ซึ่งมีข้อความดังนี้

         
“สวัสดีค่ะ หนูขอออกมาขอโทษทุกคนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะคะ
ตอนนี้ทุกคนอาจจะเข้าใจหนูไปอีกทางแล้ว หนูห้ามความคิดใครไม่ได้ค่ะ
อยากขอโทษเพื่อนตัวเอง คนรอบข้าง ที่ทำให้เดือดร้อนเพราะหนู
หนูมีช่องทางนี้เพื่อมาบอกทุกคนในสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Peary Sakijai 

         
คือวันที่เกิดเหตุหนูไปงานเกษตรแฟร์กับเพื่อน 3 คน รวมหนูเองด้วย แล้วน้อง
Xคนที่โดนขู่ ก็ตามไปที่งาน น้องกลับมาด้วยกันบนรถ 4 คน
จากนั้นคนที่ก่อเหตุโทรหาน้อง X ถามว่าคนที่มีปัญหากับคนก่อเหตุอยู่ไหน
ละขู่บอกว่าถ้าไม่บอกจะถอดจมูก X ซึ่งน้อง X ก็กลัว
แล้วบอกให้ทุกคนในรถไปที่จุดเกิดเหตุ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Peary Sakijai 

         
หนูยอมรับตรง ๆ ว่าหนูไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ราดน้ำร้อนหรือตัดผม
แล้วก็ให้ถอนวิชาเรียนแบบข่าวที่ออกไปเลยค่ะ หนูเองถ้าฟังจากในคลิปจริง ๆ
มีเสียงหนูบอกว่าพี่ P อย่า พอเหอะ ไม่เอา ร้องว้าย ๆ
ซึ่งเพื่อนหนูทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจ เหตุการณ์ที่ตัดผมพี่ O
เขาก็โดนบอกว่า O มาช่วยหน่อย ประมาณนี้ค่ะ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Peary Sakijai 

         
แต่อยากออกมาขอโทษทุกคนกับมารยาทที่ไม่ดีค่ะ ที่หนูพูดออกไปว่าอย่าวุ่นวาย
หนูไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ค่ะหนูกลัวมาก
เมื่อวานหนูเลยยอมให้สัมภาษณ์กับเพจพี่ กัน จอมพลัง ค่ะ
เพราะหนูทักหาเขาเองค่ะว่าอยากออกมาขอโทษกับสิ่งที่หนูทำไปจริง ๆ ค่ะ
หนูอยากขอโทษเพื่อน ๆ หนูด้วยทำที่ให้เดือดร้อน รวมถึงคนที่โดนน้ำร้อนสาด
ว่าหนูช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะไม่มีใครห้ามพี่เขาได้
หนูเองยอมรับว่าอยู่ในเหตุการณ์ค่ะ

         
หนูเองไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้หนูก็กลัวค่ะ โลกโซเชียลแรงค่ะหนูยอมรับ
(สัญญาค่ะว่าจะช่วยให้พี่เขาออกไปยอมรับให้ค่ะ)
ส่วนเรื่องอะไรที่หนูผิดหนูยอมรับผิดค่ะ ขอโทษจริง ๆ กับทุกคนในเหตุการณ์
และเพื่อนหนูที่หนูทำให้เดือดร้อน หนูจะเป็นคนที่ดีขึ้นค่ะ”

 

 
             ดราม่า พ่อค้าเค้กบูลลี่ลูกค้า ลั่นกินแล้วอย่าลืมออกกำลังกาย คนซัดเดือด เจตนาชัดเจน แถยังไงก็ไม่ขึ้น ยิ่งชี้แจงยิ่งโดนจวก แนะเลิกขายไปเลย ถ้าห่วงลูกค้าจริง

             หลายคนชี้ว่า
โพสต์ของพ่อค้าบ่งบอกเจตนาชัดเจน ว่าต้องการวิจารณ์รูปร่างของลูกค้า
จะอ้างว่าเป็นห่วงก็ไม่ใช่ เพราะหากเป็นห่วงสุขภาพของลูกค้าจริง ๆ
ก็อย่าขายขนมเค้กเลย ไปขายอาหารคลีน หรือเลิกขายขนมไปเลยจะดีกว่า
พฤติกรรมแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
เพราะถ้าหญิงในภาพมาเห็นเข้าก็คงรู้สึกไม่ดี
และสามารถเอาผิดคนโพสต์ได้อีกด้วย

พ่อค้าเค้กแจง แค่ห่วงลูกค้า กลับเจอทัวร์ลงซ้ำ

             ทั้งนี้
หลังถูกกระแสโจมตีหนัก ต่อมาเจ้าของร้านได้โพสต์ชี้แจงว่า “เนื่องจากเค้ก
ช็อกโกแลต ลูกค้าส่วนมากชอบทาน และร้านได้ขายไปแล้วเหลือในลังชิ้นสุดท้าย
ซึ่งขนมหวาน มีส่วนผสมของครีม นม เนย น้ำตาล
ทางร้านจะไม่ใช้เป็นวัตถุดิบการทำเบเกอรี่ก็ไม่ได้
และทางร้านก็โพสต์ห่วงใยลูกค้า ทานแล้ว อย่าลืมออกกำลังกายครับ
ส่วนบางท่านเห็นการโพสต์ก็ตีความทั้งดี ไม่ดี ทางผมก็ไม่ได้พูดลบหลู่ลูกค้า
ว่าร้ายลูกค้า ไม่ได้มุ่งถึงใคร นอกจากสื่อถึงเค้กที่เหลือ 2 ชิ้น
และการดูแลสุขภาพออกกำลังกาย หากเป็นความเข้าใจผิดต้องขออภัยทุกท่านครับ”

             แต่กลายเป็นว่าคำแก้ตัวจากทางร้าน
ทำให้ชาวเน็ตเดือดหนักยิ่งกว่าเดิม บอกเลยว่าไม่มีการเข้าใจผิดทั้งนั้น
เจตนาของโพสต์นั้นชัดเจน ว่าจะบูลลี่คนอื่น แต่ทัวร์ลงเลยอ้างว่าเป็นห่วง
หากห่วงสุขภาพลูกค้าขนาดนี้ก็อย่าขายเลยขนมหวาน
ลูกค้าที่มาซื้อย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าเค้กทำจากอะไร ก็แค่อยากจะกิน

             โดยบางคนยังถามย้ำว่า แค่คำขอโทษมันยากนักหรือไง

          ปิดตำนาน 33 ปี ทีมพากย์พันธมิตร เผยแล้วหนังเรื่องสุดท้ายคืออะไร รับวางแผนมา 4-5 ปี ยันไม่หวิว ภาคภูมิใจที่จบสวยขนาดนี้

ภาพจาก Instagram 9entertain

          นับเป็นข่าวที่สร้างความใจหายแก่แฟนภาพยนตร์ และยังถือเป็นการล้างมือในอ่างทองคำ เมื่อ โต๊ะ ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ ผู้ก่อตั้งทีมพากย์พันธมิตร ซึ่งมีภาพจำกับเสียงพากย์ของ โจว ซิงฉือ, เจ็ต ลี และ เฉินหลง ได้แถลงข่าวปิดตำนาน 33 ปี ทีมพากย์พันธมิตร หลังมอบความสุขแก่แฟน ๆ มามากกว่า 3,000 เรื่อง โดยมี อาเกรียง เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง เจ้าของเสียงพากย์ตัวละคร อู๋ ม่งต๊ะ, โจโฉ ในสามก๊ก ตลอดจนทีมนักพากย์เกือบ 20 ชีวิต ร่วมแถลงข่าวครั้งนี้

          โดย โต๊ะ ปริภัณฑ์ เปิดใจว่า การปิดตำนานพันธมิตรในครั้งนี้ ไม่มีความเศร้า ไม่มีคำว่าใจหาย ไม่ได้หวิว ตนถือเป็นความภาคภูมิใจที่จบได้สวยขนาดนี้ เราเดินทางกันมาไกลมาก เรามาถึงจุดอิ่มตัวของพันธมิตร แต่นักพากย์ทุกคนก็ยังมีงานทำของเขาไปตามสไตล์ปกติ แต่สไตล์ของพันธมิตร จะจบแค่วันนี้ 

ภาพจาก Instagram 9entertain

          สำหรับการวางแผนปิด ทีมพากย์พันธมิตร
เกิดขึ้นตั้งแต่ 3-4 ปีที่ผ่านมา เพราะเกรงใจที่ต้องเรียกเพื่อน ๆ สมาชิก
มาพากย์หนัง ซึ่งต้องใช้เวลาในการพากย์มากกว่าที่อื่น ๆ อย่างน้อย ๆ
ก็เรื่องละ 4-5 ชั่วโมง เพื่อความสมบูรณ์ที่สุด
ในขณะที่หากเป็นการพากย์หนังข้างนอก ใช้เวลาเพียงเรื่องละ 2
ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว

          ตลอดระยะเวลา 33 ปี
ของพันธมิตร ได้บ่มเพาะและถ่ายทอดความรู้ของการพากย์เสียงจาก โต๊ะ ปริภัณฑ์
ผ่านการสอนที่มาจากการให้โอกาสเรียนรู้จากการพากย์หนังจริง
ซึ่งนักพากย์จากพันธมิตร ก็ได้ใช้อาชีพนี้ในการเลี้ยงดูครอบครัว
บางคนยังเป็นที่รู้จักและถูกใช้เสียงในการพากย์ภาพยนตร์ที่ต่างประเทศ
นับเป็นความภาคภูมิใจของ โต๊ะ ปริภัณฑ์ ในฐานะผู้สร้างพันธมิตร

ภาพจาก Instagram 9entertain

         
ด้าน อาเกรียง เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า
รู้สึกภูมิใจในฐานเป็นคนที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของพันธมิตร
มีหลากหลายเรื่องราวที่จำได้
เมื่อครั้งที่ผู้ชมสามารถจำเสียงของตนได้ตอนไปเดินตลาด หรือไปร้านขาย DVD
ในยุคก่อน

          แม้พันธมิตรจะปิดตัวลง
แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่พากย์เสียงกันแล้ว เรายังทำงานที่รักแต่ไป
เพียงแค่ชื่อพันธมิตรไม่มีแล้ว และไม่อยากใช้คำว่าเราคือทีม
เป็นไม้บรรทัดวัดความสุดยอดของนักพากย์
เพราะทุกคนย่อมเก่งในแบบของตัวเองทั้งนั้น

ภาพจาก Instagram 9entertain

         
สำหรับผลงานเรื่องสุดท้าย ที่จะมีการพากย์เสียงภายใต้ชื่อพันธมิตร
คือเรื่อง มังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่
ซึ่งจะเข้าฉายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นี่เป็นเรื่องที่ โต๊ะ ปริภัณฑ์
ตั้งใจรอยมานานมาก เนื่องจากหนังเรื่องนี้มีตัวละครมาก
เหมาะกับการรวมตัวทีมพันธมิตรให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้
ตัวละครในหนังจะเอื้อให้ทุก ๆ คนได้มีส่วนพากย์ในหนังเรื่องนี้
เพื่อให้ปิดตำนานพันธมิตรได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด

          โต๊ะ ปริภัณฑ์ ยังชี้ว่า นี่คือการพากย์หนังที่มีการรวมนักพากย์มากที่สุด เท่าที่มีการพากย์ไทยมาใน 1 เรื่อง เลยทีเดียว

ขอบคุณข้อมูลจาก NineEntertain, Instagram 9entertain