KUBET – ผัวเมียวิปริตทำคลิปเซ็กส์กับลูก 10 ขวบ ขายกลุ่มลับ ผัวยังอ้างแค่ถ่ายไว้ดูเล่น

           ผัวเมียวิปริต ทำคลิปเซ็กส์กับลูก 10 ขวบ ขายกลุ่มลับ ผัวยังอ้างแค่ถ่ายไว้ดูเล่น ไม่ได้ขาย อึ้งเจอทำคลิปลามกกับลูกแท้ ๆ กว่า 220 คลิป



จับพ่อแม่ทำคลิปเซ็กส์กับลูก 10 ขวบ
ภาพจาก อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ

           วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุม 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา คือ น.ส.วันนิภา อายุ 35 ปี และ นายอุเทน อายุ 43 ปี ในความผิดฐาน ร่วมกันกระทำอนาจาร แก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, ร่วมกันบันทึกภาพหรือเสียงการกระทำชำเราหรือการกระทำอนาจารนั้นไว้เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
 

           นอกจากนี้ยังจับกุม นายธรรมศร อายุ 32 ปี และ นายทศพร อายุ 27 ปี ในความผิดฐาน เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้าเพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก

           สำหรับพฤการณ์ของคนร้าย ทางตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งเบาะแสจากสายลับว่ามีการเผยแพร่สื่อลามกเด็กทางเว็บไซต์และกลุ่มไลน์ลับ โดยโฆษณาว่าเป็นคลิปแนวครอบครัว คือพ่อแม่มีเพศสัมพันธ์กับลูก โดยให้โอนเงินค่าเข้ากลุ่มไปที่บัญชีของ นายประยูร ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าเจ้าของกลุ่มไลน์ลับ น่าจะเป็น นายธรรมศร อายุ 32 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

           ต่อมา กก.2 บก.ปคม. นำหมายเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายธรรมศร พบโทรศัพท์มือถือซึ่งมีสื่อลามกเด็กในครอบครัว และเป็นเจ้าของกลุ่มไลน์ลับจริง จึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวไว้ดำเนินคดี
 
           สอบสวนต่อมาทราบว่า นายธรรมศรได้ซื้อคลิปมาจาก นายทศพร ในราคา 1,000 บาท จึงมาตั้งกลุ่ม แอบอ้างว่าเป็นผู้หญิงตามคลิป โฆษณาชักชวนให้คนมาสมัครเป็นสมาชิกในกลุ่มไลน์เพื่อดูคลิป โดยเปิดกลุ่มได้ประมาณ 2 สัปดาห์ มีคนสมัครเข้ากลุ่มกว่า 1,000 คน ได้เงินค่าสมาชิกประมาณ 300,000 บาท
 

           ต่อมาจึงนำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพัก นายทศพร ที่ จ.ระยอง พบมีสื่อลามกเด็กในครอบครอง จึงจับกุมตัวได้ดำเนินคดี ก่อนสืบทราบว่าเมื่อประมาณปี 2566 ได้สมัครเป็นสมาชิกกลุ่มลับของ น.ส.วันนิภา หรือ แม่แอน เพื่อดูสื่อลามกของกลุ่มมาแล้ว โดยโอนเงินค่าสมัครสมาชิก 500 บาท เข้าบัญชีของแม่แอน ก่อนจะเซฟคลิปมาขายต่อให้บุคคลอื่น

จับพ่อแม่ทำคลิปเซ็กส์กับลูก 10 ขวบ
ภาพจาก ช่อง 3

          สำหรับบุคคลในคลิป สืบทราบว่าคือ น.ส.วันนิภา
ผู้ต้องหารายที่ 1 และ นายอุเทน ผู้ต้องหารายที่ 2 ซึ่งเป็นคู่แต่งงานกัน
มีบุตรร่วมกันคือ เด็กชายอายุ 10 ขวบ ที่คาดว่าเป็นผู้เสียหายในคลิป
จึงออกหมายค้นไปตรวจสอบบ้านของคู่สามีภรรยา พร้อมช่วยเหลือเด็กส่งให้ พม.
จ.เพชรบูรณ์ คุ้มครองดูแลตามกฎหมาย

           โดยได้ร่วมกับทีมสหวิชาชีพทำการสอบสวนปากคำเด็กผู้เสียหาย
ให้การยอมรับว่าเด็กในคลิปเป็นตนจริง
และบุคคลที่ร่วมทำกิจกรรมในคลิปลามกต่าง ๆ ที่ตำรวจตรวจพบกว่า 220 คลิป
ก็คือแม่กับพ่อของเด็กเอง จึงได้รวบรวมหลักฐานขอหมายจับ
พ่อและแม่ของเด็กผู้เสียหาย

           ทั้งนี้
ตำรวจขยายผลพบข้อมูลเส้นทางการเงินของ น.ส.วันนิภา มียอดเงินโอนเข้าบัญชี
ครั้งละ 500 บาท จำนวนมากจากหลายบุคคล มีเงินหมุนเวียนหลายหมื่นบาทต่อเดือน
นำมาสู่การแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.วันนิภา และนายอุเทน เพิ่มเติมคือ
สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามกเด็ก
โดยได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกิน 15 ปีฯ, ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด
หน่วงเหนี่ยวกักขังจัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก
ถ้าการกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการ
แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามกเด็ก
โดยได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกิน 15 ปีฯ

           ในชั้นการสอบสวน
น.ส.วันนิภา ให้การรับสารภาพ ส่วยนายอุเทน ยังให้การปฏิเสธ
โดยอ้างว่าถ่ายไว้ดูเล่น เนื่องจากเป็นความชอบส่วนตน
ไม่เคยนำคลิปไปแสวงหาประโยชน์แต่อย่างใด

ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3

KUBET – แม่คลอดลูกแฝด กำลังเย็บแผลได้ครึ่งทาง อยู่ ๆ ร้องเดี๋ยวก่อน หมอรู้เหตุช็อกทั้งทีม

            แม่คลอดลูกแฝดสำเร็จ กำลังอยู่ระหว่างการเย็บแผลได้ครึ่งทาง อยู่ ๆ ร้องลั่นออกมาว่า “เดี๋ยวก่อน” รู้ต้นเหตุช็อกกันทั้งทีมแพทย์



คลอดลูกแฝด 3
ภาพจาก Weibo

           ท้องแฝดมีโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงและปัญหาต่าง ๆ มากกว่าท้องปกติ ซึ่งสามารถส่งผลได้ทั้งต่อตัวทารกและแม่ได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มตั้งครรภ์ จำเป็นต้องพบแพทย์เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอเพื่อคอยติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด แม้กระทั่งวันคลอดก็ยังมีเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้

            วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์ Sin Chew เผยเรื่องราวน่าตกตะลึงของคุณแม่ลูกแฝดรายหนึ่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อเร็ว ๆ นี้ เธอได้ให้กำเนิดลูกแฝดหญิงและชายโดยวิธีการผ่าคลอด ซึ่งสำเร็จผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทั้งแม่และลูกแฝดของเธอปลอดภัย ทว่าในระหว่างที่หมอกำลังเย็บแผลผ่าตัดไปได้ครึ่งทาง อยู่ ๆ ผู้เป็นแม่ก็ร้องออกมาเสียงดังว่า “เดี๋ยวก่อน !” ทำเอาทีมแพทย์ต่างพากันประหลาดใจไปตาม ๆ กัน

            ดร.ลี่ ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดทำคลอดเคสนี้เผยว่า หลังจากได้ยินเสียงนั้น เขาก็หยุดดำเนินการ แล้วถามแม่เด็กว่า “เกิดอะไรขึ้น ?” เธอหายใจหอบ พูดด้วยท่าทางอ่อนแรงแต่น้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งห้องผ่าตัดก็เงียบลงในทันที และสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ช่องท้องของเธอ

            ดร.ลี่และทีมแพทย์เข้าไปสำรวจดูใกล้ ๆ จากนั้น พยาบาลรายหนึ่งก็อุทานออกมาด้วยความตกใจว่า “โอ้พระเจ้า มีการเคลื่อนไหวในครรภ์จริง ๆ” ดร.หลี่รีบปรับแผนทันที พร้อมดำเนินการตรวจเพิ่มเติม ก่อนที่จะพบความจริงสุดช็อก ปรากฏว่ามีทารกคนที่ 3 ที่ยังไม่มีใครค้นพบอยู่ในมดลูกของหญิงตั้งครรภ์ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความตกตะลึงให้กับทีมแพทย์ทั้งหมด

            แพทย์หนุ่มรายหนึ่งในทีมกล่าวซ้ำ ๆ ว่า “เป็นไปไม่ได้” เนื่องจากผลอัลตราซาวนด์ก่อนหน้านี้พบเพียงทารกแฝด 2 คน ไม่เคยพบว่ามีทารกคนที่ 3 ดร.หลี่พยายามหาสาเหตุอย่างรวดเร็ว และสรุปว่า “มีความเป็นไปได้ที่ทารกในครรภ์คนนี้อาจจะอยู่ในตำแหน่งพิเศษและถูกปิดกั้น”

            ดร.หลี่
กล่าวว่า ทีมแพทย์ได้เตรียมการผ่าตัดเพิ่มเติม
เมื่อเวลาผ่านไปบรรยากาศในห้องผ่าตัดก็ตึงเครียดมากขึ้น
แต่ด้วยความพยายามของทีมแพทย์ ในที่สุดชีวิตน้อย ๆ ของทารกคนที่ 3
ก็ถือกำเนิดออกมาได้อย่างปลอดภัย ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

            หลังจากเย็บแผลครั้งสุดท้ายสร็จสิ้นเรียบร้อย ทางดร.ลี่ได้แจ้งข่าวกับทางครอบครัวของหญิงตั้งครรภ์ โดยกล่าวว่า “การมีลูกสามคน ถือเป็นปาฏิหาริย์จริง ๆ แต่ก็เป็นความท้าทายเช่นกัน” ทางครอบครัวของเธอมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจและกังวล
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ได้ทราบข่าวที่ไม่คาดฝันนี้
พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นตั้งตารอที่จะต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัว

ขอบคุณข้อมูลจาก Sin Chew

KUBET – เปอร์ สุวิกรม ทำเซอร์ไพรส์ ขอแต่งงาน ยิหวา ปรียากานต์ แต่ใครนะที่คุกเข่า

KUBET – เปิดคำสารภาพ มือฆ่าพ่อแม่ลูก พบไม่สลด เนียนส่งข้อมูลนักข่าว ดอดไปดูจุดเกิดเหตุ

           เปิดคำสารภาพ มือฆ่า 3 ศพ พ่อแม่ลูก เหี้ยมไม่สลด ยังตีเนียนไปดูที่เกิดเหตุวันเจอศพ แถมส่งเบาะแสลวงให้นักข่าว สุดท้ายไม่รอด รวบคนร่วมลงมือด้วย



จับมือฆ่า 3 พ่อแม่ลูก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

           จากคดีสะเทือนขวัญ ฆ่ายกครัว 3 ศพ พ่อ-แม่-ลูก หมกศพในรถกระบะ นำไปจอดหน้าบ้านร้างและคลุมผ้าปิดรถไว้อย่างมิดชิด ในพื้นที่ ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งญาติได้แจ้งความคนหายไว้กว่า 1 เดือนก่อนเจอศพ ซึ่งจากพยานหลักฐานตำรวจคาดเดาว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ตัว โดยพบว่ามีคนแกล้งทำเป็นหญิงผู้ตาย ส่งข้อความมาให้น้องชาย กระทั่งในที่สุด ก็พบผู้ต้องสงสัย 3 รายที่ร่วมกันฆ่า 3 ศพ

           ล่าสุด (15 กุมภาพันธ์ 2568) เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับสืบสวนหาพยานหลัฏฐาน กระทั่งสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุและผู้ร่วมก่อเหตุได้แล้ว โดยผู้ก่อเหตุคือ นายศิวกร หรือ โน๊ต เพื่อนของน้องชาย น.ส.นันทกานต์ ผู้ตาย ซึ่งอ้างว่าแค้นที่นำปืนมาจำนำกับ นายวงศกร ผู้ตาย แต่นายวงศกรไม่ยอมให้เงิน จึงลงมือฆ่ายกครัว ไม่เว้นลูกวัย 7 ขวบ

เส้นทางคลี่คลายคดี

           โดยย้อนเส้นทางการคลี่คลายคดี หลังพบศพวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ตำรวจเรียกพยานเข้ามาให้ปากคำ รวมถึงนายศิริชัย น้องชายของ น.ส.นันทกานต์ ที่ให้ข้อมูลว่า มี SMS ที่อ้างว่าเป็นพี่สาวส่งมา แต่เบอร์นั้นไม่ใช่ของพี่สาว อีกทั้งเนื้อความยังมีจุดผิดสังเกต เช่นเรียกลูกชายว่า ไอ้อ้วน เรียกสามีว่า มัน ซึ่งแม้ตนจำข้อความทั้งหมดไม่ได้เพราะถูกลบไปแล้ว แต่เชื่อว่าเป็นข้อความที่คนร้ายส่งมา โดยหลอกว่าเป็นพี่สาว

           กระทั่งวานนี้ (14 กุมภาพันธ์) ตำรวจตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนายศิริชัย พบเบอร์โทรศัพท์ ที่ส่งข้อความ SMS มาหานายศิริชัย ในเวลา 22.25 น. ภายหลังครอบครัวไปแจ้งคนหาย ระบุว่า

           “พี่แจงนะ ไปแจ้งความทำไม เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่โต พี่มาทำธุระกับพี่ใหม่ มันมารอเอาเงินอยู่ตีนเขา พรุ่งนี้ตอนค่ำ ๆ ก็กลับแล้ว ดูบ้านด้วยนะ ตื่นเปิดร้านด้วย บอกพ่อด้วยไม่ต้องห่วงทางนี้ เค้าไม่ให้ใช้โทรศัพท์ เลยต้องพิมพ์ฝากข้อความนี้ให้คนอื่นออกไปส่ง ไม่ต้องให้ใครรู้นะว่าพี่มาทำอะไรกัน ไปถอนแจ้งความเลย เดี๋ยวพี่ใหม่จะโดนตรวจสอบการเงินเอา ลาครูให้ไอ้อ้วนด้วย ใครมาฝากเงินก็จดไว้ให้หน่อย เดี๋ยวพี่กลับไปเคลียร์เอง อ่านแล้วก็ลบด้วย ไม่ต้องติดต่อกลับมานะ พรุ่งนี้ได้โทรศัพท์คืน เดี๋ยวโทรไปเอง”

           ขณะเดียวกัน ทางตำรวจไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุอีกครั้งเพื่อค้นหาพยานหลักฐานต่าง ๆ โดยมีการดูดน้ำออกจากบ่อลึก 8 เมตร ที่อยู่ใกล้จุดจอดรถ รวมถึงตรวจสอบบ้านร้างทั้ง 2 หลัง และยังใช้กำลังตำรวจเดินเรียงแถวหน้ากระดาน เพื่อหาพยานหลักฐานอย่างละเอียด จนในช่วงบ่ายมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือค้นหาโทรศัพท์ระยะไกล หรือเครื่องด๊อง มาใช้สะกดรอยเส้นทางการใช้โทรศัพท์ของผู้ตายและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

จับมือฆ่า 3 พ่อแม่ลูก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

           ส่วนผลการชันสูตรศพ ชัดเจนว่าทั้ง 3 ศพ ถูกยิงที่ศีรษะ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าถูกยิงคนละกี่นัด ต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียด

           พล.ต.ต. อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 แถลงว่า เจ้าหน้าที่เชิญน้องชายผู้ตายมาสอบปากคำเพิ่มเติม ในประเด็น SMS และนำตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ โดยผู้ต้องสงสัยรายนี้ ให้การว่านำปืนมาจำนำกับผู้ตาย ซึ่งตำรวจเชื่อว่าเป็นปืนกระบอกเดียวกับที่ใช้ยิงผู้ตาย และผู้ต้องสงสัยรายนี้ มีความสนิทสนมกับน้องชายของผู้ตายด้วย

           โดยปืนที่คาดว่าใช้ก่อเหตุ คือปืนบีบีกันดัดแปลง ซึ่งเป็นปืนที่ผู้ตายครอบครองอยู่ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่พบปืนกระบอกดังกล่าว   

           ส่วนเรื่องเบอร์โทรศัพท์ปริศนา เป็นเบอร์ที่ลงทะเบียนซิมโดยแรงงานชาวเมียนมา โดยคนไทยที่ยังเป็นปริศนา ซื้อซิมมาใช้ ส่งข้อความหาน้องชายผู้ตาย และยังมีเบาะแสเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่น ๆ ด้วย

จับมือฆ่า 3 พ่อแม่ลูก
ภาพจาก โหนกระแส

สอบเข้มเพื่อนน้องผู้ตาย จนยอมรับสารภาพ

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา ทางตำรวจเรียกตัว นายศิวกร อ่อนเกตุ หรือ โน๊ต เพื่อนของน้องชายของผู้ตาย มาสอบปากคำนานกว่า 6 ชั่วโมง เพราะมีข้อมูลว่า เป็นคนที่นำปืนมาให้ผู้ตาย โดยอ้างว่านำปืนมาจำนำกับผู้ตาย

           กระทั่งเวลา 17.00 น. ตำรวจจึงคุมตัวนาย นายศิวกร มาเก็บดีเอ็นเอ และตรวจสอบร่างกายเพื่อหาตำหนิต่าง ๆ ซึ่งระหว่างที่ถูกคุมตัวออกจากห้องเก็บหลักฐาน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายศิวกรในหลายประเด็น แต่เจ้าตัวอ้างว่ายังไม่ใช่ผู้ต้องหา แค่มาให้ปากคำเท่านั้น และเมื่อถามเรื่องได้โทร. หรือรับสายเบอร์ปริศนาของชาวเมียนมาหรือไม่ นายศิวกรเผลอตอบว่า ตนโทร. เป็นปกติทุกวันอยู่แล้ว จนเมื่อผู้สื่อข่าวย้ำเรื่องนี้ นายศิวกรเหมือนได้สติ มีอาการเอะอะและไม่ตอบคำถามอะไรอีก อ้างว่าตัวเองเพิ่งรู้พร้อมนักข่าว

           กระทั่งเวลา 19.20 น. มีรายงานว่า นายศิวกร ผู้ต้องสงสัย ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนสังหาร 3 คน พ่อแม่ลูก โดยอ้างว่านำปืนไปจำนำกับผู้ตาย แต่ผู้ตายไม่ให้เงิน จึงโกรธและลงมือฆ่า และยืนยันว่าทำคนเดียว แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ

           นายศิวกร ยังสารภาพว่า ไม่พอใจที่นายวงศกร บอกว่าจะให้ยืมเงิน 1 แสนบาท ไปลงทุนทำธุรกิจทางเกษตร แต่เมื่อลงทุนแล้ว ผู้ตายทำเฉยไม่ให้เงิน วันเกิดเหตุตนมีการทวงถามเงินอีก และเกิดทะเลาะวิวาทกัน ก่อนคว้าปืนที่จำนำไว้กับผู้ตายมายิงนายวงศกร ก่อนจะยิงภรรยากับลูกของผู้ตาย เพื่อฆ่าปิดปาก
 
           จากนั้นก็โทร. ไปหา นายเข้ ให้มาช่วยยกศพขึ้นรถ แล้วพากันออกไปจากจุดเกิดเหตุ เพื่อเอาทองผู้ตายไปขาย โดยเจ้าของร้านโอนเงิน 1 แสนบาท เข้าบัญชีนายศิวกร

จับมือฆ่า 3 พ่อแม่ลูก
ภาพจาก โหนกระแส

สุดแสบ มือฆ่าเนียนตีสนิทนักข่าว แฝงตัวไปจุดเกิดเหตุ

           ทั้งนี้มี
รายงานว่า นายศิวกรไม่เพียงรู้จักครอบครัวผู้ตายเป็นอย่างดี
ในช่วงที่มีการพบศพผู้ตาย
นายศิวกรยังแชร์ข่าวและคลิปจากกล้องวงจรปิดสุดท้ายของครอบครัวผู้ตาย
ทำราวกับเป็นห่วงเป็นใย
 
           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
นอกจากนายศิวกร จะรู้จักกับครอบครัวผู้ตายเป็นอย่างดี
เพราะเป็นเพื่อนสนิทของน้องชายผู้ตายแล้ว ช่วงที่มีข่าวพบศพผู้ตาย นายศิวกร
ยังแชร์ข่าวและแชร์คลิปกล้องวงจรปิดภาพสุดท้ายของครอบครัวผู้ตาย 
ทำราวกับว่า ตนเองเป็นห่วงเป็นใยครอบครัวผู้ตาย

           อีกทั้งในวันที่
14 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 01.00 น. นายศิวกร ยังส่งไลน์มาหาผู้สื่อข่าว
ทำทีมาให้ข้อมูลเบาะแส
พยายามชี้นำว่าน้องชายผู้ตายเป็นคนนำสร้อยของผู้ตายไปจำนำ
แต่เมื่อผู้สื่อข่าวเปิดเผยข้อมูลกับตำรวจ นายศิวกรก็พูดบ่ายเบี่ยงว่า
หากมีอะไรจะมาแจ้งเพิ่ม

           และในเวลา 11.00 น.
ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวติดตามทำข่าวในจุดเกิดเหตุ
นายศิวกรยังทำทีมาพูดคุยกับผู้สื่อข่าว แถมตำหนิฆาตกรมว่า “โหดเหี้ยม
ทำได้อย่างไร” ทั้งพยายามเดินวนเวียนในจุดเกิดเหตุ

คุมตัวผู้เกี่ยวข้อง

           อนึ่ง
หลังนายศิวกรยอมรับสารภาพและซักทอดไปถึงผู้ที่ให้การช่วยเหลือ
ช่วงค่ำวานนี้ (14 กุมภาพันธ์) ทางตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องสงสัยอีกรายคือ
นายนิรุธ หรือ นายยศ ซึ่งเป็นคนที่ซื้อซิมโทรศัพท์จากชาวเมียนมา
และเป็นคนส่ง SMS ไปหาน้องชายผู้ตาย

           ส่วน นายเข้ ที่ถูกซัดทอดว่าเป็นคนช่วยยกศพผู้ตายขึ้นรถ และเป็นคนขับพานายศิวกรไปขายทองนั้น ทางตำรวจกำลังนำตัวมาสอบปากคำ
 
           นอกจากนี้
ตำรวจยังคุมตัว น.ส.ปาลิตา และ นายชัยณรงค์ สองแม่ลูกที่พบว่า
โทรเข้า-ออกไปยังเบอร์โทร.ปริศนา มาสอบปากคำ
เนื่องจากยังมีข้อพิรุธหลายส่วน รวมทั้งหลังจากที่พบศพผู้ตายแล้ว
นายศิวกรหนีไปกบดานที่บ้านนายชัยณรงค์ เพราะรู้จักกัน

           ทั้งนี้
ตำรวจเผยผลสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้งหมด พบว่ารับสารภาพแล้ว 1 ราย
และอยู่ระหว่างการขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนน้องชายผู้ตาย กับ
นายชัยณรงค์ ไม่เกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งรายละเอียดทั้งหมด ทาง พล.ต.ท.
อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. จะไปแถลงข่าวที่ สภ. คลองขลุง ในวันนี้
(15 กุมภาพันธ์)

           ส่วนศพของทั้ง 3 คน พ่อแม่ลูก
เจ้าหน้าที่กู้ภัยเคลื่อนร่างมายังวัดศรีภิรมย์แล้ว ท่ามกลางญาติ ๆ
ที่มารอรับและร้องไห้ด้วยความเสียใจ
จากนั้นจึงนำศพใส่โลงเย็นเพื่อเตรียมสวดอภิธรรมคืนแรก โดยจะสวด 3 คืน
และจะมีพิธีฌาปนกิจพร้อมกัน ในวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว  

KUBET – เซ็นทรัล เวสต์เกต เมื่อ 22 – 70 ปีก่อนเป็นอย่างไร เห็นแล้วรู้สึกมาไกลมาก

          เปิดภาพเซ็นทรัล เวสต์เกตเมื่อ 70 ปีก่อน พื้นที่ตรงนั้นเป็นอย่างไร แถมยังมีภาพ 22 ปีก่อน แทบต่างจากปัจจุบันเยอะเลย



เซ็นทรัล เวสต์เกต
ภาพจาก Setthawuth / Shutterstock.com

          นับเป็นห้างที่มีคนเข้าเยอะ เพราะอยู่ในทำเลทองย่านบางใหญ่ รถไฟฟ้าผ่าน นั่นคือ เซ็นทรัล เวสต์เกต

          วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 คุณ สมาชิกหมายเลข 7512917 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีการตั้งกระทู้ถามว่า ถ้า 300 ปีที่แล้ว เราเดินทางไปที่ตั้ง เซ็นทรัล เวสต์เกต (ในปัจจุบัน) จะพบเจอสภาพพื้นที่ตรงนั้นเป็นอย่างไร ?

          หลายคนวิเคราะห์ว่า สมัยนั้นพื้นที่ดังกล่าวน่าจะเป็นป่ารกทึบ หรืออาจมีทางเดินที่ตัดเอาไว้สำหรับสัญจรไป-มาเท่านั้น พร้อมกันนั้น ยังมีการโพสต์รูปจาก Google EARTH ในปี 2545 หรือ 22 ปีก่อน พื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างไร

เซ็นทรัล เวสต์เกต 22 ปีก่อน
ภาพจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 7512917 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          จากภาพจะเห็นได้ว่า ตรงพื้นที่ห้างสรรพสินค้า ยังเป็นป่าเขียว แต่พื้นที่รอบ ๆ เป็นชุมชนคนอาศัย มีถนนตัดกันไป-มาไม่ต่างจากปัจจุบัน

เปิดภาพเซ็นทรัล เวสต์เกต 70 ปีก่อน

          นอกจากนี้
ยังมีการลงภาพถ่ายทางอากาศ กรมแผนที่ทหาร โครงการ WWS ฟิล์มม้วนที่ 6
ภาพที่ 119 ถ่ายเมื่อ 27 ธ.ค. 2495 หรือ 70 ปีก่อน พบว่า
พื้นที่ดังกล่าวมีแต่ทุ่งนากับสวนผลไม้

เซ็นทรัล เวสต์เกต 70 ปีก่อน
ภาพจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 7512917 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

KUBET – แม่ละสายตาไม่ถึงนาที ช็อกลูก 3 ขวบร่วงตกจากชั้น 7 โคม่า พบหน้าต่างไม่มีกระจก


           แม่ละสายตาไม่ถึงนาที ช็อกลูก 3 ขวบร่วงตกจากชั้น 7 ชี้ห้องยังสร้างไม่เสร็จ หน้าต่างไม่ได้ติดกระจก ทำเด็กตกลงไป อาการโคม่า



แม่ละสายตาไม่ถึงนาที ช็อกลูก 3 ขวบร่วงตกจากชั้น 7 โคม่า
ภาพจาก 都市报道

           วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์ Sinchew รายงานเหตุอุทาหรณ์สุดช็อก แม่รายหนึ่งในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน พาลูกสาววัย 3 ขวบ มาหาบ้านใหม่ด้วยกัน แต่ระหว่างที่ขึ้นไปดูห้องพักบนอพาร์ตเมนต์ชั้น 7 เธอละสายตาจากลูกสาวไม่ถึง 1 นาที แต่เด็กหญิงกลับตกลงมาจากหน้าต่าง ร่วงกระแทกนอกชานบริเวณชั้น 3 จนได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการโคม่า

           ผู้เป็นแม่เล่าว่า เธอหันไปจากลูกเพียงไม่ถึง 1 นาที ลูกสาวก็หายไปแล้ว หลังจากที่ตามหาลูกไปทุก ๆ ที่ เธอก็มองเห็นจากหน้าต่างว่าลูกสาวร่วงลงไปอยู่บนนอกชานบริเวณชั้นล่าง มีเลือดไหลนองเต็มพื้น ทำให้รู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมาทันที

แม่ละสายตาไม่ถึงนาที ช็อกลูก 3 ขวบร่วงตกจากชั้น 7 โคม่า
ภาพจาก 都市报道

           ปรากฏว่าจุดที่เด็กหญิงพลัดตกลงมา คือหน้าต่างที่ยังไม่ได้ใส่กระจก เมื่อเด็กเข้าไปใกล้จึงทำให้พลัดตกลงมาจากหน้าต่างนั้น โดยหลังเกิดเหตุเด็กหญิงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่จำเป็นต้องส่งต่อไปโรงพยาบาลอื่นถึง 2 ครั้ง กระทั่งได้เข้ารับการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะที่โรงพยาบาลเด็กเหอหนาน แต่ตอนนี้อาการยังวิกฤติ

           ด้านพ่อของเด็กหญิงกล่าวทั้งน้ำตา บอกว่าเขาเป็นเพียงช่างตกแต่งภายในที่มีรายได้ไม่มากนัก ตอนนี้ได้ใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มีไปกับการรักษาลูกสาวแล้ว และต้องเป็นหนี้สิน แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูก

แม่ละสายตาไม่ถึงนาที ช็อกลูก 3 ขวบร่วงตกจากชั้น 7 โคม่า
ภาพจาก 都市报道
แม่ละสายตาไม่ถึงนาที ช็อกลูก 3 ขวบร่วงตกจากชั้น 7 โคม่า
ภาพจาก 都市报道

แม่ละสายตาไม่ถึงนาที ช็อกลูก 3 ขวบร่วงตกจากชั้น 7 โคม่า
ภาพจาก 都市报道

ขอบคุณข้อมูลจาก Sinchew

KUBET – ดีเจแมน พูดถึงวันที่ตกต่ำสุดในชีวิต-ญาติยังเมิน แต่มีคนที่ไม่หันหลังให้ ซึ้งใจจริง ๆ

KUBET – ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นแล้ว ส่องภาพหวานใจตัวจริง

         จำได้ไหม ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นสาวแล้ว เจ้าของหัวใจตัวจริง พร้อมอุทิศชีวิตดูแลเธอ พร้อมเปิดภาพหวานรับปีใหม่



 ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Paing Takhon

         เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งหนุ่มขวัญใจสาว ๆ สำหรับ ไป๊ ทาคน (Paing Takhon) นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ซึ่งเคยตกเป็นข่าวออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหารเมียนมาเมื่อหลายปีก่อน โดยขณะนี้เจ้าตัวได้หวนกลับมาทำอาชีพนายแบบอีกครั้ง และเพิ่งมีภาพคุกเข่าขอแต่งงานแฟนสาวไปเมื่อช่วงปลายปี 2567

         ขณะที่ล่าสุด มีรายงานว่า ไป๊ ทาคน กับ ลินเมียะผิ่ว แฟนสาว ซึ่งเป็นลูกสาวนักธุรกิจที่มั่งคั่งของเมียนมา ได้ทำพิธีหมั้นกันอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมเปิดคลิปแสนหวานให้ผู้ติดตามได้ชมกัน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 เรียกว่าต้อนรับปีใหม่ด้วยข่าวดี กับอีกก้าวหนึ่งของชีวิตอย่างแท้จริง

 ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Paing Takhon

         โดยจากคลิป นายแบบหนุ่มกล่าวว่า “เมื่อปี 4 ก่อน ผมเคยสัญญากับคุณไว้ ว่าผมจะแต่งงานกับคุณตอนที่ผมอายุ 28 ปี ตอนนี้เวลานั้นมาถึงแล้ว ผมพร้อมที่จะอุทิศชีวิตของผมในการดูแลคุณ”

 ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Paing Takhon

 ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Paing Takhon

         ไป๊ ทาคน ยังเปิดใจว่า
เขาฝันถึงการได้มีเธอเป็นภรรยามาโดยตลอด และมักจะนึกภาพตอนตื่นขึ้นมาทุก ๆ
เช้า เห็นหน้าเธออยู่เคียงข้างเขา มีเธอคอยดูแลลูก
และรอเข้าเลิกงานกลับบ้าน นั่นคือภาพแห่งความสุขของเขา
และตอนนี้ความฝันนั้นก็ได้กลายเป็นจริงแล้ว
 
         “ผมขอสัญญาว่าชีวิตคุณกับผมจะมีแต่ความสงบสุข ได้รับการเติมเต็ม
และมีความสุข เหมือนกับชีวิตของคุณตอนอยู่กับครอบครัว
นั่นสิ่งที่ผมขอสาบานต่อคุณ”

 ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Paing Takhon

 
         ทั้งนี้ ไป๊ ทาคน ยังระบุว่า
เขาเกิดปี 1996 ส่วนแฟนสาวเกิดปี 1995 หมายความว่าฝ่ายหญิงอายุมากกว่าเขา 1
ปี ส่วนพิธีการที่เห็นแสนโรแมนติกนี้คือพิธีหมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการ
ซึ่งเขาได้ถามแฟนสาวด้วยว่า ตอนนี้พิธีหมั้นเสร็จสิ้นแล้ว
เธอวาดภาพงานแต่งงานในฝันไว้อย่างไร แต่คำตอบที่ได้คิด “ยังคิด ๆ อยู่เลย”

 ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Paing Takhon

 ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Paing Takhon

 ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Paing Takhon

 ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Paing Takhon

 ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Paing Takhon

 ไป๊ ทาคน นายแบบเมียนมาสุดหล่อ ตอนนี้หมั้นแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Paing Takhon 

KUBET – หนุ่มนัดเดตสาวออนไลน์ เจอตัวจริงไม่ตรงปก ต้องรีบชิ่งทันที


            หนุ่มหาคู่ออนไลน์เจอสาวในฝัน แต่นัดเจอตัวจริงถึงกับพูดไม่ออก ไม่ตรงปกหนักมาก แถมทำตัวชวนอึดอัดจนสุดทน



หนุ่มหาคู่ออนไลน์เจอสาวในฝัน เจอตัวจริงถึงกับพูดไม่ออก ไม่ตรงปกหนักมาก
ภาพจาก SAOstar
            ทุกวันนี้การหาคู่ออนไลน์นั้นกลายเป็นตัวเลือกที่นิยมของหลาย ๆ คน เพราะเป็นช่องทางในการได้รู้จักผู้คนแปลกหน้าได้จากทุกที่ในโลก อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเจอกับประสบการณ์ที่ประทับใจเช่นกัน

            วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์ SAOstar รายงานว่า หนุ่มชาวจีนวัย 25 ปี บังเอิญเจอสาวที่ถูกใจผ่านโซเชียล โดยหญิงสาวนั้นมีโปรไฟล์ที่สวยสะดุดตา ทำให้ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะทักทายไปทำความรู้จักเธอทันที

            ทั้งสองคนเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว ผ่านการส่งข้อความหวาน ๆ หรือโทรศัพท์คุยกันยาวนาน ซึ่งยิ่งได้รู้จักกันก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มประทับใจมากขึ้นทุกวัน เขามองว่าหญิงสาวคือตัวแทนของคำว่าเพอร์เฟกต์ จนแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้นัดหมายเจอหน้าฝ่ายหญิง

            อย่างไรก็ดี เมื่อถึงวันที่นัดพบกัน ชายหนุ่มถึงกับประหลาดใจและผิดหวังมาก เพราะเพิ่งรู้ว่าหญิงสาวที่ได้เจอนั้นไม่ตรงกับภาพอันสวยงามในโปรไฟล์ของเธอเลย หญิงสาวนั้นดูมีบุคลิกธรรมดาอย่างสิ้นเชิง เธอมาพบเขาในสภาพหน้าสด ไม่มีผิวเรียบเนียนแบบในรูป รอยยิ้มมากเสน่ห์ยิ่งไม่ปรากฏ ไม่เพียงเท่านั้น การแต่งตัวและท่าทางของเธอก็ทำให้เขารู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่จะไปต่อ

หนุ่มหาคู่ออนไลน์เจอสาวในฝัน เจอตัวจริงถึงกับพูดไม่ออก ไม่ตรงปกหนักมาก
ภาพจาก SAOstar

            กลับกันนั้น หญิงสาวกกลับประทับใจผู้ชายคนนี้มาก เธอไม่ลังเลที่จะแสดงความรักของเธอ ถึงกับเอ่ยถึงการแต่งงาน อย่างไรก็ดี นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มสับสนและอ้ำอึ้งมากขึ้น หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก เขาตัดสินใจยุติความสัมพันธ์เพราะรู้สึกว่ามันไปต่อกันไม่ได้จริง ๆ

            เมื่อเรื่องราวนี้ถูกโพสต์ในโลกออนไลน์ ปรากฏว่า ชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นกันหลากหลายมุมมอง ส่วนหนึ่งวิจารณ์หญิงสาวว่าไม่รู้จักเตรียมตัวสำหรับการออกเดตครั้งแรก มองว่าการไม่แต่งหน้าและไม่ใส่ใจรูปลักษณ์ของตนเองเป็นการไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย ขณะที่บางส่วนแสดงความเห็นใจฝ่ายหญิง มองว่าฝ่ายชายนั้นไม่แฟร์ที่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก

            นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายคอมเมนต์ต่างแชร์มุมมองว่าในยุคนี้ไม่ควรเชื่อสิ่งที่เห็นในโลกออนไลน์มากเกินไป เพราะมีโอกาสสูงที่จะ ไม่ตรงปก ดังนั้นการหาคู่ออนไลน์ แม้จะสะดวกแต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจจะไม่ตรงกับความจริงเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก SAOstar
 

KUBET – ออกหมายจับ 2 ฆาตกร อ้างไม่ได้ตั้งใจฆ่าเด็ก แต่ปืนลั่นโดนหัว ก่อนยิงแม่เด็กตาม

          ออกหมายจับ 2 ฆาตกร ฆ่าอำพราง 3 ศพ พ่อแม่ลูก อ้างที่ต้องฆ่าหมด เพราะผู้หญิงแย่งปืนจนลั่นโดนหัวเด็ก จึงต้องยิงผู้หญิงทิ้งด้วยอีกศพ



 ฆ่ายกครัว 3 พ่อแม่ลูก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้


        
จากคดีฆ่าอำพราง 3 ศพ พ่อแม่ลูก คือ นายวงศกร อายุ 37 ปี น.ส.นันทกานต์ อายุ 35 ปี และเด็กชายอายุ 7 ขวบ หมกรถกระบะก่อนนำไปจอดทิ้งบริเวณบ้านร้าง พื้นที่ จ.กำแพงเพชร ซึ่งพบว่าคนร้ายเป็นคนใกล้ตัว นั่นคือ นายศิวกร หรือ โน๊ต เพื่อนของน้องชายผู้ตาย โดยเจ้าตัวยอมรับสารภาพแล้ว พร้อมให้การซักทอดถึงคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนปมแค้นเกิดจากผู้ตายรับปากว่าจะให้ยืมเงิน 1 แสนบาท แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่ให้ยืม จึงใช้ปืนที่จำนำไว้มาก่อเหตุ

          ต่อมา (15 กุมภาพันธ์ 2568) เพจ ดาวแปดแฉก โพสต์ข้อความ เผยคำอ้างของผู้ก่อเหตุถึงช่วงเวลาหลังจากลงมือยิงเหยื่อรายแรก โดยระบุว่า

          “ผู้หญิงตะโกนถาม “ยิงเขาทำไม” ลูกชายตะโกนเรียก “พ่อ” ระหว่างที่ยิงผู้ชายเสียชีวิต..จากนั้นผู้หญิงพยายามแย่งปืน ปืนลั่นโดนศีรษะเด็ก จึงต้องยิงศีรษะผู้หญิงภายในรถ #คำอ้างฆาตกรโหดฆ่าอำพรางยกครัว”

ฆ่ายกครัว 3 พ่อแม่ลูก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

          ทางเพจยังโพสต์ข้อมูลเพิ่มเติมว่า คดีฆาตกรรมอำพรางยกครัว 3 ศพ หลังเกิดเหตุพบว่าตลอดทั้งวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ชุดสืบสวนเชิญตัวผู้ใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิตมาซักถามจำนวนหลายคน ซึ่งผู้ใกล้ชิดให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ยกเว้น นายศิวกร เพื่อนของน้องชายผู้ตาย มีท่าทีพิรุธ ระหว่างซักถามประเด็นนำปืนบีบีกันจำนำไว้กับนายพงศกร  
 
          นอกจากนี้ชุดสืบสวนมีพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ของข้อความปริศนาส่งมาหาน้องชายของ น.ส.นันทกานต์ มีความเชื่อมโยงกับบุคคล 2 คนใกล้ตัวนายศิวกร รวมถึงชุดสืบสวนได้พยานบุคคลบางคน และแฟนสาวของนายศิวกร ได้ร้องไห้บอกให้พูดความจริง ทำให้นายศิวกร รับว่าเป็นผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญคดีนี้

          คำรับสารภาพรวมถึงพยานหลักฐานต่าง ๆ พนักงานสอบสวนได้รวบรวมยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดกำแพงเพชร โดยศาลพิจารณาออกหมายจับที่ 61/2568 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ให้จับ นายศิวกร หรือโน๊ต ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันรอบฝัง ซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกัน พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาตไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนอันสมควรแก่พฤติการณ์

 ฆ่ายกครัว 3 พ่อแม่ลูก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

          และออกหมายจับที่
62/2568 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ให้จับ นายนิรุตย์ หรือเข้
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันรอบฝัง
ซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย,
ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน,
ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
และร่วมกัน
พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาตไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนอันสมควรแก่พฤติการณ์

          ต่อมาหลังศาลพิจารณาออกหมายจับ ชุดสืบสวนได้ร่วมกันจับนายศิวกรและนายนิรุตย์ ควบคุมตัวไปขยายผลเพิ่มเติม

ฆ่ายกครัว 3 พ่อแม่ลูก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

          รายงานข่าวแจ้งว่ามูลเหตุจูงใจในการก่อคดีสะเทือนขวัญคดีนี้
เกิดจากนายศิวกร อ้างว่า ต้องการขอยืมเงิน 100,000 บาท จากนายวงศกร
ซึ่งรับปากว่าจะให้ยืมเงิน แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่ให้ยืม จึงมีปากเสียงกัน
ประกอบกับเคยนำปืนบีบีกันจำนำไว้กับนายวงศกร
ซึ่งในวันเกิดเหตุเหลือบเห็นปืนในรถยนต์กระบะ จึงแย่งปืนมายิงนายวงศกร

          หลังจากยิงนายวงศกรเสียชีวิต
ผู้ก่อเหตุบังคับให้ภรรยา ช่วยยกร่างสามีขึ้นแคปที่นั่งตอนหลัง
แต่ภรรยาไม่ทำตาม จึงโทรศัพท์ตามนายนิรุตย์มาช่วยกันยก
จากนั้นนายนิรุตย์แยกตัวกลับไป โดยให้ น.ส.นันทกานต์
และลูกชายนั่งเบาะหน้าคนขับ รถหว่างทางไว้วางปืนไว้ที่เกียร์รถกระบะ แต่
น.ส.นันทกานต์ พยายามแย้งปืน จึงยื้อแย่งกันจนกระสุนลั่นโดนศีรษะของเด็ก 7
ขวบ กระสุนทะลุกกระจกซ้าย จากนั้นก็ยิง น.ส.นันทกานต์ เสียชีวิต
ก่อนนำรถกระบะไปจอดไว้ที่บ้านร้าง อำพรางคดี
จากนั้นยังทำตัวปกติอีกร่วมเดือน จึงมีคนมาเจอศพ นำมาสู่การรับสารภาพ
 
 ขอบคุณข้อมูลจาก ดาวแปดแฉก