KUBET – ปรับเงินเดือนครู 2568 ครูใหม่ และตำแหน่งสูงขึ้น ได้เพิ่มเท่าไหร่

           ปรับฐานเงินเดือนข้าราชการครู 2568 หลังเพิ่มฐานให้ครูแรกบรรจุ ฐานตำแหน่งสูงขึ้นได้เพิ่มเท่าไหร่ ตรวจสอบได้ที่นี่



ปรับฐาน เงินเดือนครู 2568

           วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า จากมติเห็นชอบตามมติ ครม. เรื่องการปรับเงินเดือนของข้าราชการครูและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และ การปรับเงินเพิ่มเพื่อการครองชีพชั่วคราว บังคับใช้เมื่อวันที่ 1พฤษภาคม 2567 และ 1 พฤษภาคม 2568 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่มที่ 1

             คือการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุทุกคุณวุฒิ โดยทยอยปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุเพิ่มปีละ 10% ในปี 2567 และ 2568 และโดยในปี 2568 ผู้ที่บรรจุด้วยคุณวุฒิปริญญาตรีจะได้เงินเดือนไม่น้อยกว่า 18,000 บาท และปรับคุณวุฒิอื่น ๆ ให้สอดคล้องกัน

กลุ่มที่ 2 

             คือการปรับเงินชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ การปรับเงินชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ พร้อมกับการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุอัตราเงินเดือนข้าราชการครูในปัจจุบัน

             ปรับเงินเดือนครู 2568 แบ่งตามระดับตำแหน่ง ประกอบด้วย

ครูผู้ช่วย

             – ฐานเงินเดือนปัจจุบัน เริ่มต้นที่ 15,050 – 24,750 บาท

             – หากมีการปรับฐานเงินเดือน สำหรับข้าราชการครูบรรจุใหม่ในตำแหน่ง ครูผู้ช่วย ภายใน 2 ปี ฐานเงินเดือนจะเป็น 18,000 บาท

ครูวิทยฐานะชํานาญการ (คศ.1)

             – ฐานเงินเดือนปัจจุบัน เริ่มต้นที่ 15,440 – 34,310 บาท

ครูวิทยฐานะชํานาญการพิเศษ (คศ.2)

             – ฐานเงินเดือนปัจจุบัน เริ่มต้นที่ 16,190 – 41,120 บาท

             – สามารถยื่นขอวิทยฐานะครูชำนาญการ หากผ่านความเห็นชอบจาก ก.ค.ศ. จะได้รับเงินวิทยฐานะครู
ชำนาญการเพิ่มเติมอีก 3,500 บาทต่อเดือน

ปรับฐาน เงินเดือนครู 2568

ครูวิทยฐานะเชี่ยวชาญ (คศ.3)

             – ฐานเงินเดือนครูเริ่มต้นที่ 19,860 – 58,390 บาท

            
– สามารถยื่นขอวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ หากผ่านความเห็นชอบจาก ก.ค.ศ.
จะได้รับเงินวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษเพิ่มเติมอีก 5,600 บาทต่อเดือน

ครูวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ (คศ.4)

             – ฐานเงินเดือนครูปัจจุบัน เริ่มต้นที่ 24,400 – 69,040 บาท

            
– สามารถยื่นขอวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ หากผ่านความเห็นชอบจาก ก.ค.ศ.
จะได้รับเงินวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญเพิ่มเติมอีก 9,900 บาทต่อเดือน

ครูวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญพิเศษ (คศ.5) โดยแต่งตั้งจากครู คศ. 4 ที่มีผลงานวิชาการผ่านเกณฑ์

             – ฐานเงินเดือนครูปัจจุบัน เริ่มต้นที่ 29,980 – 76,800 บาท

            
– สามารถยื่นขอวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญพิเศษ หากผ่านความเห็นชอบจาก ก.ค.ศ.
จะได้รับเงินวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญพิเศษเพิ่มเติมอีก 13,000 – 15,600
บาทต่อเดือน

ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ

KUBET – นารา เครปกะเทย ก่อนศาลตัดสินคุก 28 ปี 7 เดือน ทิ้งท้ายเศร้า ก่อนได้ประกันตัว

KUBET – ซื้อเครป มากินจนหมด เห็นกระดาษใช้ห่อแล้วสยอง เพราะเป็นกาวดักหนู

        สั่งเครปมากิน พอกินหมดเห็นกล่องกระดาษที่ใช้ห่อ อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกโดยแท้ ก่อนร้านมาชี้แจง อ่านแล้วสบายใจ



ซื้อเครป มากินจนหมด เห็นกระดาษใช้ห่อแล้วสยอง

         วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เฟซบุ๊ก Purida Praw มีการโพสต์เล่าเรื่องการซื้อเครปร้านหนึ่งมากิน พอกัดไปได้หมดคำถึงเพิ่งสังเกตซองกระดาษที่ใส่เครป เป็นแพ็กเกจของ “กาวดักหนู” แบบนี้อันตรายไหม แถมกินไปหมดแล้วด้วย อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้า คายไม่ออกโดยแท้

         ด้านชาวเน็ตเห็นแล้วอึ้ง กระดาษใส่เครปมีเยอะแยะ กลับเอาของกาวดักหนูมาใส่ ทำเอาคนกินผวา กลัวจะเป็นอะไร กลัวมีสารปนเปื้อนอันตรายติดร่างกาย

ซื้อเครป มากินจนหมด เห็นกระดาษใช้ห่อแล้วสยอง

ร้านเข้ามาชี้แจง สบายใจขึ้นเยอะ

         ต่อมา มีคนระบุว่าเป็นเจ้าของร้าน เข้ามาโพสต์รับทราบเรื่องว่า ขออนุญาตชี้แจงค่ะ

         พอดีว่าเป็นร้านในโพสต์เองค่ะ กระดาษที่ใช้เป็นกระดาษพิมพ์เสีย ยังไม่ผ่านการใช้งานนะคะ ขออภัยที่ทำให้ลูกค้าไม่สบายใจนะคะ

          ทางร้านจะเปลี่ยนซองใหม่ทั้งหมดค่ะ

ซื้อเครป มากินจนหมด เห็นกระดาษใช้ห่อแล้วสยอง

KUBET – ส่องก๋วยเตี๋ยวเมนูไหนเค็มที่สุด โซเดียมสูงก่าที่คิด กินบ่อยเสี่ยงไตวาย

          หมอเผยก๋วยเตี๋ยวเมนูไหนเค็มที่สุด พบค่าโซเดียมพุ่งหนักกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ชี้กินบ่อย ๆ ระวังโรคไตถามหา



ก๋วยเตี๋ยวเมนูไหนเค็มที่สุด

          วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 นพ.โฆษิต เอี้ยวฉาย หรือ หมอเบนซ์ แพทย์ผู้ชำนาญการศัลยกรรมจมูก จากโรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ ลงคลิปผ่านช่อง TikTok @dr.benz_masterpiece ให้ความรู้เกี่ยวกับความเค็มในก๋วยเตี๋ยวที่ต้องระวัง เพราะโซเดียมนั้นไม่ได้สูงแค่ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น

          หมอเบนซ์ ระบุว่า สภาผู้บริโภค
ที่สำรวจร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดัง 10 ร้าน พบว่า
ทุกชามมีโซเดียมสูงเกินมาตรฐาน บางร้านกินแค่ 1 ชาม
เท่ากับปริมาณโซเดียมที่เหมาะสมต่อร่างกายถึง 3 วัน
โดยพบว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้นมีโซเดียมประมาณ 1,600 แต่เมนูอย่าง
มี่หมูน้ำตก มีปริมาณโซเดียมถึง 2,000-3,820 เลยทีเดียว

          ตามหลักโภชนาการ
วันหนึ่งเราต้องได้โซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม
แปลว่าก๋วยเตี๋ยวนอกบ้าน ซดน้ำด้วยกินได้วันละ 1 ชามเท่านั้น และจำไว้ว่า
หมี่หมูน้ำตก เค็มกว่า บะหมี่หมูแดง แต่ที่โซเดียมเยอะที่สุดต้องยกให้
เย็นตาโฟ

          ส่วนใครที่ชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแต่ไม่อยากตัวบวม ให้เลือกชนิดที่มีโซเดียมน้อยพอให้หายอยากได้

เมนูก๋วยเตี๋ยวที่เค็มที่สุด

ภาพจาก TikTok @dr.benz_masterpiece

KUBET – แอร์โฮสเตสเผยเทคนิคฉลาด เช็กว่าห้องโรงแรมปลอดภัยไหม ชี้ 4 จุดลับเสี่ยงมีที่ให้แอบ

         รวมเทคนิคฉลาดจากกลุ่มแอร์โฮสเตส วิธีการตรวจสอบว่าห้องพักโรงแรมปลอดภัยหรือไม่ เผย 4 จุดลับเสี่ยงที่ใช้แอบซ่อนตัวได้



เทคนิคฉลาดจากกลุ่มแอร์โฮสเตส  เช็กว่าห้องโรงแรมปลอดภัยไหม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา

          หากต้องเดินทางเพียงลำพังโดยเฉพาะผู้หญิง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัย ไม่เพียงแต่สถานที่ภายนอก แม้กระทั่งห้องพักภายในโรงแรมก็อาจจะมีภัยอันตรายแอบแฝงอยู่ได้ โดยแอร์โฮสเตสซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทาง ได้ออกมาแชร์เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ควรทำเสมอเมื่อเข้าไปห้องพัก เพื่อจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัย

          วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยว่า เอสเธอร์ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของเคแอลเอ็ม (KLM) สายการบินของประเทศเนเธอร์แลนด์ มักจะแชร์คลิปวิดีโอถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการเดินทางของเธอให้ผู้อื่นทราบอยู่เสมอ เธอจะมีคำเตือนต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว รวมไปถึงเคล็ดลับที่ควรปฏิบัติตามเมื่อเช็กอินเข้าพักโรงแรม

          โดยเทคนิคที่เอสเธอร์แนะนำอยู่เสมอคือ การกลิ้งขวดน้ำเข้าไปใต้เตียงทุกครั้งเมื่อเข้าไปในห้องพัก เพื่อตรวจสอบว่ามีสิ่งใดหรือใครซ่อนอยู่ใต้เตียงหรือไม่ หากขวดน้ำไม่กลิ้งผ่านออกไปยังอีกฝั่ง นั่นหมายความว่ามี “บางอย่าง” ที่อาจจะเป็นวัตถุแปลกปลอมหรือบุคคลต้องสงสัยอยู่ใต้เตียง ควรรีบส่งสัญญาณไปยังเจ้าหน้าที่ของโรงแรมหรือคนที่มาด้วยกัน ให้เข้ามาช่วยตรวจสอบโดยทันที  

เทคนิคฉลาดจากกลุ่มแอร์โฮสเตส  เช็กว่าห้องโรงแรมปลอดภัยไหม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา

          ทั้งนี้ เดมี โบนิตา
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินอีกรายจากประเทศสเปน
ยังได้เผยเคล็ดลับอันชาญฉลาดของเธออีกวิธีหนึ่งในการตรวจจับว่า “มีใครเข้ามาในห้องของเราหรือไม่ขณะที่เราไม่อยู่” โดยเธอแนะนำว่า
ใส่เสียบป้ายห้ามรบกวนเอาไว้ตรงช่องด้านข้างระหว่างประตูกับผนัง
หากกลับมาแล้วป้ายยังอยู่ที่เดิมแสดงว่าปกติดี
แต่หากไม่ใช่หมายความว่าอาจจะมีใครเข้ามาให้ห้องตอนที่เราไม่อยู่

         
ในขณะเดียวกัน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินอีกรายได้เผยเทคนิคว่า มี 4
จุดสำคัญในห้องที่จำเป็นต้องตรวจสอบทุกครั้งที่เข้าพักในโรงแรม
ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เราไม่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ทั้งหมดโดยตรง ได้แก่
หลังประตู หลังม่าน ในตู้ขนาดใหญ่ และใต้เตียง  

          นอกจากคนหรือสิ่งของแล้ว
ยังมีอีกหนึ่งปัญหาความไม่ปลอดภัยของแขกที่เข้าพักโรงแรมนั่นคือ “สัตว์”
การถูกตัวเรือด หรือแมลงบนที่นอนกัด
ซึ่งพวกมันจะหลบซ่อนอยู่ตามที่นอนหรือเครื่องนอนต่าง ๆ

         
ฮาลี ผู้คลุกคลีในธุรกิจบริการมากว่า 15 ปี
ได้เผยเคล็ดลับในการตรวจสอบห้องพักว่ามีแมลงบนที่นอนหรือไม่
โดยการปิดไฟในห้อง แล้วใช้ไฟฉายในโทรศัพท์ส่องดูที่เตียง
ตามขอบเตียงและใต้เตียง โดยเฉพาะตรงมุมและรอยยับ
เนื่องจากพวกมันจะชอบเป็นพิเศษ

          “เหตุผลที่คุณควรตรวจสอบเตียงโดยปิดไฟก็เพราะว่า
ตัวเรือดเป็นสัตว์หากินเวลากลางคืน
ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะมันจะออกมามากกว่าตอนที่ปิดไฟมืด”
ฮาลี กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก CTWANT, Mirror

KUBET – ไก่ย่าง วางขายในตู้ คนโพสต์บอก ตาดีได้ ตาร้ายเสีย เพ่งดูอีกครั้งรู้ความจริง

          ไก่ย่างน่ากิน แขวนขายอยู่ในตู้ แต่คนโพสต์เขียนกับดักว่า ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ทำเอางง พอเพ่งดูอีกที เข้าใจเลยทำไมบอกงี้



ไก่ย่าง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Thaksin Yodsamoot

          หนึ่งในเมนูอาหารพื้น ๆ ยอดฮิตที่กินง่าย หลายคนมักชอบสั่งกัน หนึ่งในนั้นต้องมีไก่ย่างแน่นอน แค่มีไก่เพียงตัวเดียว มื้อนี้ก็อิ่มแล้ว

          วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 เฟซบุ๊ก Thaksin Yodsamoot มีการโพสต์ภาพไก่ย่างในตู้อบตัวหนึ่งที่มีรูปลักษณ์น่ากิน มีความเกรียมของหนัง ชวนน้ำลายสอ พร้อมข้อความว่า “ตาดีได้ ตาร้ายเสีย”
ไก่ย่าง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Thaksin Yodsamoot

          เจอข้อความแบบนี้ไปชาวเน็ตเริ่มใจไม่ดี
ไม่รู้ว่าไก่ตัวนี้มีปัญหาตรงไหน เพราะมองเผิน ๆ ดูน่ากินมาก ดูไม่ออกจริง ๆ
จนสุดท้ายมีคนมาเฉลยว่า มีไข่แมลงวันอยู่ตรงกลาง สีขาว ๆ
ทุกคนจึงเข้าใจในทันที

ไก่ย่าง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Thaksin Yodsamoot

KUBET – เปิดภาพจับโรงงาน ผงชูรสปลอม กาแฟปลอม เบื้องหลังตักจ้วง ๆ ชวนอ้วกที่สุด


          เปิดภาพจับโรงงานผลิตผงชูรส กาแฟปลอม เห็นเบื้องหลังแล้วตักจ้วง ๆ ชวนอ้วกมาก ตักจากกะละมัง เครื่องจักรก็สนิมขึ้นอีก



เปิดภาพจับโรงงานผลิตผงชูรส กาแฟปลอม เบื้องหลังตักจ้วง ๆ ชวนอ้วก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
          วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง มีการลงคลิปการเข้าจับกุมโรงงานและร้านค้าปลีกที่ลักลอบผลิตผงชูรสปลอม และกาแฟปลอม ติดตรา ติดลังยี่ห้อดังเอาไว้ เพื่อหลอกผู้บริโภค

          การค้นหาโรงงานแรกพบคนงานกำลังตักผงชูรสปลอมจากกระสอบ กะละมัง ตวงตราชั่งเองกับมือ ส่วนอีกโรงงาน ใช้เครื่องจักรบรรจุกาแฟปลอมใส่ซอง โดยเครื่องจักรค่อนข้างสกปรก มีคราบสนิม บรรยากาศเห็นแล้วชวนอ้วกมาก ตัก ๆ ตวง ๆ อร่อยชัวร์ นัวทุกซอง

เปิดภาพจับโรงงานผลิตผงชูรส กาแฟปลอม เบื้องหลังตักจ้วง ๆ ชวนอ้วก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
เปิดภาพจับโรงงานผลิตผงชูรส กาแฟปลอม เบื้องหลังตักจ้วง ๆ ชวนอ้วก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
เปิดภาพจับโรงงานผลิตผงชูรส กาแฟปลอม เบื้องหลังตักจ้วง ๆ ชวนอ้วก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
เปิดภาพจับโรงงานผลิตผงชูรส กาแฟปลอม เบื้องหลังตักจ้วง ๆ ชวนอ้วก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
เปิดภาพจับโรงงานผลิตผงชูรส กาแฟปลอม เบื้องหลังตักจ้วง ๆ ชวนอ้วก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง

KUBET – อุทาหรณ์งานวันเกิด ลูกโป่งอัดแก๊สโดนเทียนระเบิดไฟลุก เพลิงท่วมร่าง สาวหน้าไหม้

 
            อุทาหรณ์ งานฉลองวันเกิดกลายเป็นความสยองขวัญ ลูกโป่งโดนเทียนระเบิดไฟลุกเพลิงท่วมร่าง สาวเจ้าของงานโดนไหม้ทั้งหน้าและแขน



ลูกโป่งโดนเทียนระเบิดไฟลุก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Giang Phạm
             วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์ Báo Mới รายงานว่า หญิงสาวในเวียดนาม
ชื่อว่า ฟาม ถิ ซาง ได้เผชิญประสบการณ์ระทึกขวัญ
เมื่องานวันเกิดของเธอเกิดหายนะสุดสยอง
ในขณะที่เธอกำลังถือลูกโป่งถ่ายรูปกับเค้กวันเกิด อยู่ ๆ
ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน ลูกโป่งไปโดนเทียนบนเค้ก
ทำให้ลูกโป่งระเบิดขึ้นมาในทันที และเปลวเพลิงลุกท่วมร่างของเธอ  

             ฟาม
ถิ ซางได้โพสต์เฟซบุ๊กแชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่น่าตกใจ
เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนคนอื่นเกี่ยวกับลูกโป่งอัดแก๊สที่ใช้สำหรับตกแต่งงานเฉลิมฉลองหรือเป็นอุปกรณ์ถ่ายรูป
พร้อมทั้งเผยให้เห็นบาดแผลไฟไหม้ภายหลังจากเกิดเหตุ
ผิวหนังบริเวณใบหน้าและแขนได้รับบาดเจ็บเป็นแผลพุพอง

ลูกโป่งโดนเทียนระเบิดไฟลุก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Giang Phạm

ลูกโป่งโดนเทียนระเบิดไฟลุก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Giang Phạm

             ฟาม ถิ ซาง
เผยกับรายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 14
กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เธอจองร้านอาหารเพื่อจัดงานปาร์ตี้ฉลองวันเกิดของเธอ
ทางร้านได้จัดเตรียมลูกโป่งสำหรับตกแต่งสถานที่
และเธอยังได้สั่งลูกโป่งเพิ่มอีกชุด
ซึ่งเป็นลูกโป่งที่เขียนชื่อของเธอเอาไว้สวยงาม สำหรับให้เพื่อน ๆ
ได้มาถ่ายรูปเช็กอิน  

             งานปาร์ตี้ดำเนินไปอย่างสนุกสนาน
สาวเจ้าของงานชื่นชอบลูกโป่งมาก จึงใช้มันถ่ายรูปเล่นกับเพื่อน ๆ
แม้กระทั่งตอนใกล้จะเลิกงาน เธอก็ยังขอให้เพื่อนถ่ายคลิปวิดีโอให้
โดยเธอได้ถือลูกโป่งคู่กับเค้กวันเกิดที่มีเทียนจุดไฟปักอยู่
โดยที่ไม่ทันได้ระวังว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นเช่นนั้น

             “ฉันรู้สึกปวดแสบที่มือและหน้า ฉันจึงรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อหาน้ำเย็นมาราดน้ำ” ฟาม ถิ ซาง กล่าว

ลูกโป่งโดนเทียนระเบิดไฟลุก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Giang Phạm

             โดยหลังจากเกิดเหตุ

ทุกคนในงานต่างพากันแตกตื่นตกใจและรีบพาสาวเจ้าของงานไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน
แพทย์ระบุว่าใบหน้าของเธอเป็นแผลไฟไหม้ระดับ 2 ส่วนที่มือ
เป็นแผลไฟไหม้ระดับ 1 แต่ยังนับว่าโชคดีที่ดวงตาไม่ได้รับความเสียหาย
จึงไม่ส่งผลต่อการมองเห็นของเธอ แต่มีบาดแผลที่บริเวณเปลือกตา

             ในเบื้องต้นแพทย์ได้ทำการรักษาและฆ่าเชื้อบาดแผล
โดยคาดว่า ต้องใช้เวลา 4-6 เดือน
จึงจะหายเป็นปกติและสีผิวกลับมาเป็นเหมือนเดิม
แต่มีความเป็นไปได้ที่จะทิ้งรอยแผลเป็น ฟาม ถิ ซาง บอกว่า
ตอนนี้แผลของเธอเริ่มดีขึ้น แต่เธอยังต้องไปโรงพยาบาลเป็นประจำ
เพื่อเปลี่ยนผ้าพันแผลและใส่ยา

ลูกโป่งโดนเทียนระเบิดไฟลุก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Giang Phạm

             ฟาม ถิ ซาง
หวังว่าอุบัติเหตุของเธอจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้คนระมัดระวังการใช้ลูกโป่งอัดแก๊ส
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกโป่งที่เป็นก๊าซไฮโดรเจน
รวมไปถึงร้านขายควรแจ้งหรือแนะนำด้านความปลอดภัยให้ลูกค้าทราบ
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่าลูกโป่งเหล่านี้อาจระเบิดได้
หรือหากไม่มั่นใจให้ใช้ลูกโป่งธรรมดาจะดีกว่า

             สำหรับลูกโป่งสวยงาม
หรือลูกโป่งสวรรค์ที่เราเห็นโดยทั่วไป
มีทั้งแบบเป็นก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซฮีเลียม
แบบก๊าซฮีเลียมจะปลอดภัยกว่าแต่มีราคาแพงกว่า
ดังนั้นลูกโป่งราคาถูกจึงมักจะใช้ก๊าซไฮโดรเจน
ซึ่งติดไฟได้ง่ายและอันตรายมาก เมื่อความร้อนเผาทำลายพลาสติกชั้นนอก
ก๊าซไฮโดรเจนภายในจะถูกจุดติดไฟ และเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ลูกโป่งโดนเทียนระเบิดไฟลุก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Giang Phạm

ลูกโป่งโดนเทียนระเบิดไฟลุก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Giang Phạm

ขอบคุณข้อมูลจาก Báo Mới , Afamily

KUBET – เช็กเลย 5 ผักระวังเบาหวาน กินแล้วค่าน้ำตาลพุ่งสูง พร้อมวิธีกินให้ปลอดภัย

          หมอเจดเผย 5 ผัก กินแล้วเสี่ยงน้ำตาลพุ่ง คนเป็นเบาหวานต้องระวัง พร้อมแนะวิธีกินอย่างไรให้ปลอดภัย



เช็กเลย ส่องผัก 5 ชนิด ระวังเบาหวาน
ภาพจาก Framarzo / Shutterstock.com


          วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ให้ความรู้ผ่านเพจเฟซบุ๊ก หมอเจด เตือน ระวังเบาหวาน 5 ผักที่กินแล้วเสี่ยงน้ำตาลพุ่ง  โดยระบุว่า

          หลายคนอาจคิดว่าผักกินเท่าไหร่ก็ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องสุขภาพ แต่จริง ๆ แล้ว มีผักบางชนิดที่ค่าดัชนีน้ำตาล (GI) สูง หมายความว่า ร่างกายดูดซึมน้ำตาลจากผักพวกนี้เร็ว ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งไว โดยเฉพาะคนที่เป็นเบาหวาน หรือคนที่อยากคุมน้ำตาล ควรเลือกกินให้เหมาะ

เช็กเลย ส่องผัก 5 ชนิด ระวังเบาหวาน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า GI คือ ดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index –
GI) เป็นค่าที่บอกว่า อาหารชนิดนั้นทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นเร็วแค่ไหน
โดยเทียบกับกลูโคส (GI = 100)

          GI ต่ำ (<55)น้ำตาลขึ้นช้า ค่อยๆ ดูดซึม

          GI ปานกลาง (56-69) น้ำตาลขึ้นปานกลาง

          GI สูง (>70) น้ำตาลพุ่งเร็ว

          
ผักส่วนใหญ่ค่า GI ไม่สูง แต่ก็มี บางชนิดที่ GI สูงกว่าที่คิด
ก็ไม่ใช่ว่าห้ามกินเลย มาดูกันว่า 5 ผักที่กินแล้วเสี่ยงน้ำตาลพุ่ง
มีอะไรบ้าง พร้อมทริกกินให้ปลอดภัย

1. มันฝรั่ง (GI = 80-90)

         
มันฝรั่งอร่อย และเอาไปทำได้หลายเมนู แต่ถ้ากินไม่ระวัง น้ำตาลขึ้นเร็วมาก
โดยเฉพาะ มันฝรั่งบด (GI ~90) และมันฝรั่งทอด (GI ~75-85)
เพราะว่าแป้งในมันฝรั่งถูกย่อยง่าย ดูดซึมไว ทำให้น้ำตาลขึ้นเร็ว
ยิ่งบดหรือทอด โครงสร้างแป้งเปลี่ยน ดูดซึมเร็วกว่าเดิม

กินยังไงให้ปลอดภัย ?

          – ปริมาณที่เหมาะสม: ½ ลูกกลาง (~75 กรัม) ต่อมื้อ

          – เลือกมันฝรั่งต้มทั้งเปลือก (GI ~50-60) ดีกว่าทอดหรือบด

2. ฟักทอง (GI = 75)

          ฟักทองเป็นผักที่มีสารอาหารดี  ๆ เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ และไฟเบอร์ แต่ก็คาร์โบไฮเดรตสูง และน้ำตาลดูดซึมได้เร็ว

 กินยังไงให้ปลอดภัย?

          – กินในปริมาณพอเหมาะ ไม่เกิน ½ ถ้วยตวงต่อมื้อ

          – เลี่ยง ฟักทองเชื่อมหรือน้ำฟักทองที่เติมน้ำตาล

3. แครอทสุก (GI = 70-80)

         
แครอทดิบ GI ต่ำ (~16) แต่พอเอาไปปรุงสุก GI จะสูงขึ้น ไม่ว่าจะต้ม จะนึ่ง
จะตุ๋น ทำให้น้ำตาลพุ่งไว ที่เป็นแบบนี้เพราะว่า
ความร้อนเปลี่ยนโครงสร้างแป้ง ทำให้ร่างกายย่อยง่ายขึ้น
และน้ำในแครอทระเหยออกไป ทำให้คาร์โบไฮเดรตเข้มข้นขึ้น

กินยังไงให้ปลอดภัย ?

          – ปริมาณที่เหมาะสม: ½ ถ้วยตวง (~75 กรัม) ต่อมื้อ

          – ถ้าต้องการคุมน้ำตาล เลือกกินแครอทดิบ ดีกว่า

         
– ถ้าจะกินแครอทสุก ควรกิน ในปริมาณพอเหมาะ และ
กินคู่กับไขมันดีหรือโปรตีน เช่น สลัดแครอทใส่อะโวคาโด
หรือแครอทผัดน้ำมันมะกอก

4. ข้าวโพดหวาน (GI = 70-75)

         
ข้าวโพดเป็นผักที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นอาหารสุขภาพ
เพราะมีไฟเบอร์และวิตามินสูง แต่ ข้าวโพดหวานมีปริมาณน้ำตาลธรรมชาติสูง
และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งเร็ว เพราะมีน้ำตาลซูโครสและกลูโคสสูง
แป้งในข้าวโพด ย่อยง่าย ดูดซึมเร็ว

กินยังไงให้ปลอดภัย?

          – ปริมาณที่เหมาะสม: ½ ฝักเล็ก (~75 กรัม) ต่อมื้อ

          – เลี่ยงข้าวโพดกระป๋องหรือน้ำข้าวโพด ที่มักเติมน้ำตาล

          – กินข้าวโพดหวาน เป็นฝักแทนข้าวโพดแปรรูป

5. เผือก (GI = 65-70)

         
เผือก เป็นพืชหัวที่หากินง่ายในไทย กินได้ทั้งแบบ ต้ม อบ
หรือเป็นส่วนประกอบในขนมหวาน เช่น บัวลอยเผือก เผือกเชื่อม
หรือไอศกรีมเผือก แต่เผือกเองก็มีคาร์โบไฮเดรตสูง และ GI ค่อนข้างสูง
เพราะเผือกมี แป้งเป็นองค์ประกอบหลัก และเมื่อผ่านความร้อน
ร่างกายจะย่อยง่ายขึ้น แม้เผือกจะมี ไฟเบอร์และวิตามิน B6 สูง
แต่ก็มีคาร์โบไฮเดรตที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ง่าย

แนะนำว่า

          – ปริมาณที่เหมาะสม: ½ ถ้วยตวง (~75 กรัม) ต่อมื้อ

          – กินในปริมาณพอเหมาะ ไม่ควรกินเผือกมากเกินไปในมื้อเดียว

          – เลี่ยงเผือกในรูปแบบขนมหวาน เช่น เผือกเชื่อม บัวลอยเผือก หรือไอศกรีมเผือก

          – กินเผือกคู่กับโปรตีนและไขมันดี เช่น ไก่ อะโวคาโด หรือถั่ว เพื่อช่วยลดการดูดซึมน้ำตาล

ข้อแนะนำในการกินผัก  GI สูง ให้น้ำตาลไม่พุ่ง

          – กินในปริมาณพอเหมาะ ไม่กินเยอะเกินไป

          – เลือกวิธีปรุงที่ไม่เพิ่มน้ำตาล เช่น ต้ม อบ หรือกินดิบ

          – กินคู่กับโปรตีน ไขมันดี หรือไฟเบอร์ เช่น ถั่ว ไข่ อะโวคาโด หรือเนื้อสัตว์ เพื่อชะลอการดูดซึมน้ำตาล

KUBET – สิงโต สกลรัฐ แต่งงาน อีฟ ณิชกานต์ บรรยากาศเรียบง่าย อบอวลไปด้วยรัก