KUBET – ผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพ เคยเปิดร้านปิ้งย่าง อึ้งลูกค้าเคยบ่นเนื้อรสแปลก

           สะพรึง คนร้ายคดีฆ่าหั่นศพ เคยเปิดร้านปิ้งย่าง พบมีเศษกระดูกคนในท่อน้ำ แถมลูกค้าเคยบ่นเนื้อรสชาติแปลก ไม่อยากคิดสภาพ



ฆ่าหั่นศพ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

           วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์ ETtoday มีรายงานกรณีของ นายฟุจิโยชิ ชายญี่ปุ่นวัย 75 ปี ที่ถูกศาลประเทศญี่ปุ่นสั่งจำคุกคดีฆ่าหั่นศพ และไม่นานมานี้อัยการเพิ่งค้นพบว่าชายคนดังกล่าว น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมอีกหนึ่งคดี ที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลายเมื่อ 17 ปีก่อน โดยผู้เสียชีวิตเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานของเขา ที่ถูกสับเป็นชิ้น ๆ โยนศพทิ้งลงท่อระบายน้ำ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าหลังก่อเหตุ นายฟุจิโยชิได้เปิดกิจการร้านยากินิกุ หรือร้านอาหารปิ้งย่าง โดยมีลูกค้าเคยร้องเรียนว่า “เนื้อในร้านมีรสชาติแปลก” นำมาสู่ข้อสงสัยว่าฆาตกรมกำจัดศพ ด้วยการนำเนื้อมนุษย์มาเสิร์ฟหรือไม่

           จากรายงานของสื่อญี่ปุ่นหลายสำนัก พบว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทางตำรวจได้นำตัวนายฟุจิโยชิ เดินทางจากเรือนจำโอกายามะ ส่งมอบให้แก่สถานีตำรวจในจังหวัดชิงะ ในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม

           ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2561 นายฟุจิโยชิถูกศาลสั่งจำคุก 25 ปี ในคดีฆาตกรรมชายวัย 69 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่บริษัทก่อสร้าง ก่อนหั่นศพไปโยนทิ้งบริเวณเขื่อน แต่ล่าสุดทางตำรวจชุดสอบสวนเพิ่งสืบพบว่า นายฟุจิโยชิยังน่าจะเกี่ยวข้องกับอีกคดีหนึ่งเมื่อปี 2551 ที่มีคนพบชิ้นส่วนศพชายนิรนาม จำนวนหลายชิ้น บริเวณรอบทะเลสาบบิวะ ในจังหวัดชิงะ โดยหลังผ่านไป 10 ปี จึงระบุตัวผู้เสียชีวิตได้ คือชายวัย 39 ปี

           ที่น่าบังเอิญคือ ผู้เสียชีวิตวัย
39 ปี จากคดีในปี 2551 และผู้เสียชีวิตวัย 69 ปี
ทั้งคู่ต่างเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานของนายฟุจิโยชิ
อีกทั้งนายฟุจิโยชิกับชายวัย 39 ปี ยังเคยมีข้อพิพาทเรื่องเงิน
และมีประวัติทำร้ายผู้เสียชีวิตมาก่อน

           นอกจากนี้
ทางตำรวจยังพบว่าภายในท่อน้ำของร้านยากินิกุ
ที่นายฟุจิโยชิเป็นเจ้าของกิจการ มีชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์อยู่ในนั้น
ซึ่งผลตรวจ DNA พบว่าไม่ใช่ของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายที่กล่าวไปข้างต้น
จึงคาดว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตรายที่ 3

           ขณะที่สื่อญี่ปุ่นรายงานเพิ่มเติมว่า
มีลูกค้าร้านยากินิกุบางคน
เล่าว่าครั้งหนึ่งนายฟุจิโยชิเคยเสิร์ฟเนื้อที่ลูกค้าไม่รู้ว่าทำมาจากอะไร
แต่เนื้อนั้นรสชาติแปลกมาก
นำมาสู่การตั้งคำถามว่าเขานำเนื้อมนุษย์มาเสิร์ฟให้ลูกค้าหรือไม่

ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday

KUBET – ข้าวมันไก่เจ๊โบว์ โบกมือลาย่านบรรทัดทอง หลังอยู่คู่นิสิตจุฬาฯ กว่า 25 ปี สู้ค่าที่ไม่ไหว

         ข้าวมันไก่เจ๊โบว์ เตรียมโบกมือลาย่านบรรทัดทอง ร้านในดวงใจเด็กจุฬาฯ หลังเปิดมากว่า 25 ปี สู้ค่าที่ไม่ไหว ชี้ย่านนี้กลายเป็นพื้นที่ทุนใหญ่มากกว่าร้านเล็ก ๆ แล้ว



         เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักกิจกรรมและอดีตนายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ (อบจ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมภาพถ่ายคู่กับเจ๊โบว์ เจ้าของร้าน “ข้าวมันไก่เจ๊โบว์” ย่านบรรทัดทอง ที่อยู่คู่นิสิตจุฬาฯ มายาวนานกว่า 25 ปี โดยระบุว่า  

         “มาให้กำลังใจร้านข้าวมันไก่เจ๊โบว์ เปิดมานานกว่า 25 ปีในย่านนี้ ไม่อาจสู้ค่าที่จุฬาฯ ได้อีกแล้ว และกำลังจะย้ายออกเร็ว ๆ นี้แล้ว

ข้าวมันไก่เจ๊โบว์ บรรทัดทอง ปิดกิจการ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Netiwit Chotiphatphaisal

         เจ้โบว์บอกว่า
บรรทัดทองกลายเป็นพื้นที่ทุนใหญ่มากกว่าร้านเล็ก ๆ เป็นที่นักท่องเที่ยว
ตามอินฟลูฯ ดัง มากกว่าร้านที่เข้าถึงได้ คนในชุมชนเก่า ๆ
แทบจะไม่เหลือแล้ว – มาให้กำลังใจเจ๊โบว์กันครับ
และร่วมคิดทบทวนถึงทิศทางของการบริหารมหาลัยที่กำลังมุ่งหน้าอย่างไร้จุดหมายไม่ใช่เพื่อประชาคม
แต่เป็นการแสวงหาผลกำไรที่ไม่มีเป้าหมายและทำลายเศรษฐกิจท้องถิ่น

         – มหาลัยไม่จำเป็นต้องเดินทางเป็นแบบนี้ ถ้าผู้บริหารจุฬาฯและ PMCU จะเห็นแก่ชุมชนและสังคมมากกว่านี้ครับ -“

KUBET – น้ำยาปรับผ้านุ่ม ทำไมต้องมีสูตรสำหรับพระ ต่างกันยังไง หลายคนเดาไม่ผิด

          ถกสนั่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม ทำไมต้องมีสูตรสำหรับพระ ต่างกับทั่วไปยังไง พระใช้ร่วมกันไม่ได้เหรอ เพจดังมีเฉลยแล้ว เรื่องนี้หลายคนเดาไม่ผิด



น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรพระ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ผู้บริโภค


          น้ำยาปรับผ้านุ่มนั้น มักจะมีสูตรและกลิ่นหอมต่าง ๆ มาให้เลือกสรร แต่ล่าสุด (1 มีนาคม 2568) โลกออนไลน์มีกระแสตั้งคำถาม หลังมีชาวเน็ตพบว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มแบรนด์ดัง ได้ออกสูตรเข้มข้น “สำหรับพระภิกษุสงฆ์” จนอดสงสัยไม่ได้ว่า สูตรนี้แตกต่างจากสูตรอื่น ๆ อย่างไร ทำไมต้องมีสูตรสำหรับพระสงฆ์โดยเฉพาะ พระสงฆ์ใช้สูตรอื่น ๆ เหมือนคนทั่วไปได้หรือไม่

          ซึ่งเรื่องนี้พบว่ามีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย โดยหลายคนมองว่า เนื่องจากพระสงฆ์นั้นมีบทบัญญัติตามพระธรรมวินัย ที่ไม่สามารถใช้เครื่องหอมหรือน้ำหอมได้ จึงอาจเป็นไปได้ว่า น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรนี้อาจจะไม่มีกลิ่นหอม เพื่อมิให้พระสงฆ์ใช้แล้วอาบัติ

          รวมถึงบางคนยังมองว่า จีวรของพระมีผ้าแตกต่างจากผ้าสำหรับนุ่งห่มทั่วไป อาจเป็นสูตรที่คิดมาแล้วว่าเหมาะสม หรือไม่ก็อาจะเป็นการทำการตลาด แก่กลุ่มผู้ที่นิยมการทำบุญ ซื้อไปทำสังฆทานก็เป็นได้

         ขณะที่ต่อมา เพจผู้บริโภค โพสต์ถึงเรื่องนี้ ระบุว่า “เห็นประเด็นนี้มีคนสนไจเยอะ
หยิบยกมาพูดสักหน่อยกับ ทำไมต้องมีสูตรสำหรับพระ
แล้วพระใช้กับคนปกติไม่ได้หรอ เออเน๊อะ

          คืองี้พระสงฆ์
มีวินัยข้อห้ามข้อนึงที่เกี่ยวกับการห้ามใช้เครื่องหอมหรือน้ำหอม
ซึ่งพวกน้ำยาซักผ้า ปรับผ้านุ่ม ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของพวกนี้อยู่แล้ว
แต่ในสูตรสำหรับพระนั้นจะไม่มีการผสมของเครื่องหอมแม้แต่นิดเดียว
คือพูดง่าย ๆ เลยนะเน้นซักสะอาด จัดการกลิ่นอับได้ดีนั่นเองจ้า

          จึงไม่แปลกใจที่ทุกวันนี้มีสูตรของพระสงฆ์แยกออกมาด้วย เพราะการห่มจีวรเป็นพระ แต่ห่มผ้าด้วยนะคือเป็นห่วง #ผู้บริโภค ว่าไง”

 

KUBET – สาวท้อง 9 เดือนไม่รู้ตัว หลังแค่ใช้ปากทำออรัลเซ็กส์ ด้านหมออธิบายแบบนี้

 
           สาวปวดท้องมาโรงพยาบาล ช็อกตั้งท้อง 9 เดือนไม่รู้ตัว หลังแค่มีเพศสัมพันธ์ทางปาก หมออธิบายเคสประหลาด เกิดขึ้นได้อย่างไร



สาวปวดท้องมารพ. ช็อกท้อง 9 เดือน

           วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์เดลี่เมล
เผยเรื่องราวเกี่ยวกับเคสทางการแพทย์สุดแปลกประหลาด
เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งอายุ 15 ปี ไปหาหมอด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
ก่อนที่จะทำให้ตกตะลึงไปตามกันเมื่อผลออกมาว่า เธอกำลังตั้งครรภ์ได้ 9
เดือน และทารกกำลังจะคลอดออกมา โดยหลังจากรู้ความจริงยิ่งน่าตกใจ
เมื่อเธอไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ เคยทำเพียงแค่ออรัลเซ็กส์
หรือเพศสัมพันธ์ทางปากเท่านั้น

           เคสดังกล่าวถูกบันทึกลงในวารสารสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาของอังกฤษ
โดยหญิงสาวรายนี้อยู่ในประเทศเลโซโท แอฟริกาใต้ เธอเดินทางไปโรงพยาบาล
ภายหลังจากมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงโดยเฉียบพลัน กระทั่งผลตรวจพบว่า
เธอตั้งครรภ์ได้ประมาณ 9 เดือน
อาการปวดท้องของเธอเกิดจากมดลูกบีบตัวเป็นระยะ
และทารกอยู่ในท่าคว่ำหน้าลงใกล้จะคลอด

           หญิงสาวตกใจมากเมื่อได้ทราบสาเหตุของการปวดท้อง
เนื่องจากเธอไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่ากำลังตั้งครรภ์ ต่อมา
แพทย์ก็ยิ่งประหลาดใจเมื่อพบว่า เธอไม่มีช่องคลอด หรือปากช่องคลอดปิด
ซึ่งเป็นความผิดปกติแต่กำเนิดที่หายาก เรียกว่า ภาวะช่องคลอดส่วนปลายอุดตัน
(Distal Vaginal Atresia) ซึ่งตามรายงานเผยว่า
มีโอกาสเกิดขึ้นกับทารกแรกเกิดเพียง 1 ใน 4,000 ถึง 10,000 รายเท่านั้น

           หญิงสาวเผยว่า
ก่อนหน้านี้เธอเคยพยายามจะมีเพศสัมพันธ์แบบปกติ แต่หลังจากพยายามหลายครั้งก็ไม่เป็นผล เพราะไม่มีช่องตรงอวัยวะเพศให้สอดใส่
เธอจึงใช้วิธีมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ทั้งนี้ ในช่วงหลายเดือนก่อน
ตอนที่เธอเห็นว่าท้องใหญ่ขึ้นผิดปกติ
ก็รู้สึกเป็นกังวลแต่ไม่เชื่อและไม่เคยคิดว่าจะเป็นการตั้งครรภ์
เพราะเธอไม่มีช่องคลอด

           จากความผิดปกติดังกล่าว
โดยทั่วไปแล้วหญิงสาวจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ตามธรรมชาติ
หากไม่ได้ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาช่วยเหลือ เช่น
การปฏิสนธินอกร่างกาย หรือเด็กหลอดแก้ว (IVF) และด้วยสภาพทางร่างกายเช่นนี้
ทำให้หญิงสาวรายนี้ไม่สามารถให้กำเนิดด้วยวิธีปกติทางช่องคลอดได้
แพทย์จึงต้องผ่าตัดทำคลอดแทน
โดยทารกเพศชายคลอดออกมาโดยปลอดภัยและสุขภาพแข็งแรง มีน้ำหนัก 2,800 กรัม

           เพื่อหาคำตอบของความสงสัย
ทางทีมแพทย์จึงซักถามข้อมูลจากหญิงสาว ก่อนที่จะได้ทราบว่า ช่วงประมาณ 9
เดือนก่อน เธอได้มีเพศสัมพันธ์ทางปากกับแฟนใหม่
ก่อนที่แฟนเก่าจะมาพบเข้าจึงเกิดความหึงหวงเข้ามาทำร้าย
โดยใช้อาวุธมีคมแทงเข้าหน้าที่บริเวณท้องของเธอจนเป็นแผล
ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล

           เรื่องนี้ทำให้ทีมแพทย์สรุปคำอธิบายได้ว่า
หลังจากทำออรัลเซ็กส์ให้กับฝ่ายชาย
อสุจิที่เธอกลืนเข้าไปได้ลงไปยังกระเพราะอาหาร
และเดินทางไปสู่อวัยวะสืบพันธุ์ของเธอผ่านบาดแผลที่ถูกแทง
จนส่งผลให้เกิดการตั้งครรภ์ แต่ทั้งนี้
โดยปกติแล้วการกลืนอสุจิลงท้องแทบจะไม่มีโอกาสทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้
เนื่องจากถูกกรดในกระเพาะอาหารทำลายไปจนหมด

           ในกรณีของหญิงสาวรายนี้
แพทย์เชื่อว่า
อสุจิอาจรอดชีวิตได้เนื่องเธอมีภาวะขาดสารอาหารในขณะที่ถูกแทง
การขาดสารอาหารสามารถทำให้ความเป็นกรดของระบบย่อยอาหารลดลง
และอาจเกิดโอกาสที่อสุจิจะไปถึงมดลูกของเธอได้ผ่านบาดแผลภายในได้

           นอกจากนี้
ทารกชายที่เกิดมาและเติบโตขึ้น
มีลักษณะเหมือนพ่อของเขาตามที่หญิงสาวกล่าวอ้าง
ซึ่งเป็นผู้ชายที่เธอมีเพศสัมพันธ์ทางปากด้วยเพียงไม่นาน
ก่อนที่จะเกิดการทำร้ายร่างกาย
สิ่งนี้ได้พิสูจน์ว่าการตั้งครรภ์ของหญิงสาวไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์เหนือธรรมชาติ
แต่เป็นเคสประหลาดหายากที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก

ขอบคุณข้อมูลจาก Daily Mail, Live Science

 

KUBET – แจ๊ค ธนพล เอม รมิดา ควงคู่เข้าพิธีแต่งงาน เจ้าสาวสวยละมุน ทำเจ้าบ่าวจุ๊บไม่หยุด

KUBET – แต้ว ณฐพร ควงคู่ ไฮโซณัย เข้าพิธีแต่งงานแสนหวาน โรแมนติกท่ามกลางธรรมชาติ

KUBET – เช่าบ้านเชียงใหม่ กลายเป็นไวรัลเพราะค่าเช่า คนแชร์เป็นพัน วิเคราะห์เพียบ

            ไวรัลประกาศเช่าที่สำหรับการทำธุรกิจ เพียงแค่เห็นราคาคนก็แชร์เป็นพันครั้ง พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลเสร็จสรรพ งานนี้คุ้มหรือไม่คุ้ม



ไวรัลประกาศเช่าที่เชียงใหม่ 5 หมื่น

            วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง มีการประกาศเช่าบ้าน 2 ชั้น สำหรับทำกิจการอย่าง สปา คาเฟ่ โฮสเทล ราคาเดือนละ 5 หมื่นบาท แต่ถ้าจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 1 ปี ลดเหลือเดือนละ 45,000 บาท มีสัญญาขั้นต่ำ 1 ปี ช่วงรีโนเวทไม่เก็บค่าเช่า 2 เดือน

            สำหรับพิกัดของบ้านเช่า อยู่ที่ถนนสมโภชน์เชียงใหม่ 720 ปี (ถนนสนามบินตัดใหม่) ใกล้สนามบิน นิมมาน สวนดอก หลังสนามบินเชียงใหม่

ไวรัลประกาศเช่าที่เชียงใหม่ 5 หมื่น

            โพสต์ดังกล่าว
กลายเป็นไวรัลคนแชร์กว่าพันครั้ง มองว่าค่าเช่านั้นราคาสูงเกินไป
ถ้าหากเช่าจริง กำไรต่าง ๆ คงหมดไปกับค่าเช่าแล้ว
รวมถึงลักษณะของพื้นที่ไม่เหมาะสำหรับการทำธุรกิจ
เหมาะสำหรับการทำที่พักให้เช่า รวมถึงที่จอดรถน้อยเกินไป สามารถจอดได้ราว
2-3 คัน

ไวรัลประกาศเช่าที่เชียงใหม่ 5 หมื่น

ไวรัลประกาศเช่าที่เชียงใหม่ 5 หมื่น

KUBET – สาวโดนตำรวจจับ ไม่เครียดแถมยิ้มแฮปปี้ ปลื้มได้นั่งใกล้ตำรวจหล่อ

         ไวรัล เจ้าหน้าที่คุมตัวหญิงขึ้นหลังกระบะ เจ้าตัวไม่เครียดแถมยิ้มมีความสุข เพราะงานนี้ได้ประกบตำรวจหนุ่มหล่อใกล้ชิด



หญิงสาวถูกตำรวจจับ แต่กลับยิ้มแย้มมีความสุข
ภาพจาก TikTok @usermekapol250

        วันที่ 1 มีนาคม 2568 โลกออนไลน์แชร์คลิปจากผู้ใช้ TikTok @usermekapol250 หรือ ผู้กองเมฆา ลงคลิปเหตุการณ์ชวนพีคเมื่อจับกุมหญิงคนหนึ่งโดยคุมตัวไว้บนหลังรถกระบะ แต่อีกฝ่ายกลับดูจะมีความสุขอย่างไม่คาดคิด

        จากคลิปเป็นเหตุการณ์ที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาหญิงไว้ที่หลังรถกระบะ  โดยถูกใส่กุญแจมือไว้ แต่หญิงที่โดนจับกลับมีสีหน้ามีความสุข ยิ้มแย้ม และซบขาตำรวจหนุ่ม พร้อมพูดว่า “ชื่นใจนะ ชื่นใจ ว้าว สบายใจ”

หญิงสาวถูกตำรวจจับ แต่กลับยิ้มแย้มมีความสุข
ภาพจาก TikTok @usermekapol250

        เบื้องหลังการจับกุมครั้งนี้ เกิดจากที่หญิงคนดังกล่าวไปสร้างความวุ่นวายในงานฝังลูกนิมิต ตำรวจจึงเข้าไปดูแลความเรียบร้อย โดยในตอนแรกเจ้าตัวไม่ยอมมากับตำรวจ จึงเกลี้ยกล่อมว่าให้มาด้วยกัน เดี๋ยวจะให้นั่งใกล้กับตำรวจหล่อ ๆ เธอจึงตกลงที่จะมาด้วยกัน ซึ่งเป็นการควบคุมสถานการณ์ได้โดยไม่ต้องมีความรุนแรงแต่อย่างใด

หญิงสาวถูกตำรวจจับ แต่กลับยิ้มแย้มมีความสุข
ภาพจาก TikTok @usermekapol250

สาวโดนตำรวจจับ ไม่เครียดแถมยังแฮปปี้ขั้นสุด
ภาพจาก TikTok @usermekapol250

        คลิปนี้กลายเป็นไวรัลจนมียอดเข้าชมกว่า 4.8 ล้านครั้ง
ชาวเน็ตได้เห็นต่างก็เอ็นดูหญิงที่ถูกจับ
โดยยกให้เป็นการโดยจับที่มีความสุขที่สุด
บ้างก็แซวว่าสรุปแล้วใครจับใครกันแน่ เป็นต้น

สาวโดนตำรวจจับ ไม่เครียดแถมยังแฮปปี้ขั้นสุด

สาวโดนตำรวจจับ ไม่เครียดแถมยังแฮปปี้ขั้นสุด

สาวโดนตำรวจจับ ไม่เครียดแถมยังแฮปปี้ขั้นสุด

สาวโดนตำรวจจับ ไม่เครียดแถมยังแฮปปี้ขั้นสุด

สาวโดนตำรวจจับ ไม่เครียดแถมยังแฮปปี้ขั้นสุด

KUBET – บิวตี้บล็อกเกอร์สาว กดปิดฟิลเตอร์กลางไลฟ์ เผยหน้าสดเต็มจอ แฟน ๆ อึ้งตาค้าง

 
              บิ๊วตี้บล็อกเกอร์สาวสายความงาม กดปิดฟิลเตอร์กลางไลฟ์ เผยหน้าสดให้เห็นเต็มจอ ตัวตนที่แท้จริงของแม่ลูกสาม แฟน ๆ อึ้งตาค้าง



บิวตี้บล็อกเกอร์
ภาพจาก Kuaishou

              ปัจจุบันใคร ๆ ก็สามารถเป็นอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดียได้
โดยอินฟลูเอนเซอร์สาว ๆ มักจะใช้ภาพลักษณ์ความสวยงามเพื่อดึงดูดแฟน ๆ
ให้เข้ามาติดตาม
ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้ฟิลเตอร์บิวตี้ที่มีให้เลือกมากมายมาเสริมเติมแต่งเพิ่มไปอีก
เรียกได้ว่าเป็นความลับนางฟ้าเลยทีเดียว

              เมื่อวันที่ 27
กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์ TVBS เผยว่า เมื่อเร็ว ๆ
นี้มีอินฟลูเอนเซอร์สาวสายบิวตี้บล็อกเกอร์รายหนึ่งในประเทศจีน
กลายเป็นกระแสร้อนแรงที่ถูกพูดถึงอย่างดุเดือดบนโลกออนไลน์
เมื่อมีการเผยแพร่ภาพหน้าสดของเธอ
ในขณะที่ไม่ได้แต่งหน้าและไม่ได้ใส่ฟิลเตอร์ สร้างความตกตะลึงให้กับแฟน ๆ
ผู้ติดตาม รวมไปถึงผู้ชมคนอื่น ๆ จำนวนมาก  

              โดยสาวรายนี้ใช้ชื่อช่องว่า “การแต่งหน้าประจำวันของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์” บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Kuaishou
ของจีน โดยเธอมักจะแชร์เทคนิคการแต่งหน้าและเคล็ดลับความงามต่าง ๆ
เช่นเดียวกับคลิปไลฟ์ล่าสุดของเธอ
เธอได้ใส่ฟิลเตอร์เพื่อให้ใบหน้าดูโดดเด่นขึ้นจากเดิม
ซึ่งฟิลเตอร์นี้มีความแนบเนียนมากถึงขนาดใช้มือปิดปาก หรือส่วนอื่น ๆ
ของใบหน้าได้ โดยที่ฟิลเตอร์ความงามนั้นไม่หลุดลอยไปไหน

              เสี่ยวหลิงเอ๋อร์หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจในฟิลเตอร์ความงามนี้ โดยบอกว่า “เมื่อฉันใส่ฟิลเตอร์ความงาม ลืมไปเลยว่าฉันเป็นแม่ลูกสาม”

บิวตี้บล็อกเกอร์
ภาพจาก Kuaishou

              อย่างไรก็ตาม
ในจังหวะที่เสี่ยวหลิงเอ๋อร์กดปิดฟิลเตอร์
ภาพใบหน้าที่แท้จริงของเธอก็ถูกเปิดเผยสู่สาธารณชน
จากใบหน้าขาวใสที่ถูกเติมแต่งด้วยเครื่องสำอางจนออร่าพุ่ง
กลับกลายเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีสภาพและสีผิวแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
สัดส่วนของจมูกก็แตกต่างกัน รวมไปถึงริมฝีปากที่ซีดและแห้ง  

              เสี่ยวหลิงเอ๋อร์
กล่าวติดตลกขำขันเกี่ยวกับรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเธอว่า “กลับสู่ร่างเดิมโดยพลัน” พร้อมทั้งให้แง่คิดว่า
“อย่าคิดว่าคุณสวยเพราะเอฟเฟกต์พิเศษ จริง ๆ แล้วเป็นแค่ป้าแก่ ๆ อย่างฉัน
มันไม่ดีกว่าเหรอที่จะเผชิญกับความจริง ผู้ชายทั้งหลาย จงตาสว่าง !”

              คลิปวิดีโอนี้สร้างความตกตะลึงให้กับชาวเน็ต
หลายคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นด้วยความประหลาดใจ กล่าวทำนองว่า “นี่ไม่ใช่คนเดียวกัน”, “อย่าเชื่อความงามในโลกออนไลน์”,
“เมื่อคุณเปิดฟิลเตอร์ความงาม ดูเหมือนนางฟ้าที่ลงมายังโลก”
และ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม่ถึงมีสาวงามมากมายบนโซเชียล
แต่บนถนนกลับไม่มีให้เห็นเลย”

              อย่างไรก็ดี
อีกส่วนมองว่าโครงหน้าเดิมของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ก็มีความสวยงามอยู่แล้ว
เพียงแค่เธอไม่ได้แต่งหน้า
หากเธอแต่งหน้าก็คงจะไม่ได้แตกต่างจากฟิลเตอร์ความงามที่เธอใช้มากนัก

ขอบคุณข้อมูลจาก TVBS

KUBET – สารวัตรแจ๊ะ ตามหาหมอวันดี ช่วยให้รอดชีวิตในวัย 4 เดือน

         สารวัตรแจ๊ะ ตามหากุมารแพทย์หญิง คนคิดค้น ผงวันดี ผู้มีพระคุณช่วยให้รอดชีวิตตอนป่วยในวัย 4 เดือน ผ่านสายโทรศัพท์



สารวัตรแจ๊ะ ตามหากุมารแพทย์หญิง ผู้มีพระคุณช่วยให้รอดชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก จ๋อแจ๊ะจับโจร

         วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เพจเฟซบุ๊ก จ๋อแจ๊ะจับโจร โพสต์เล่าเรื่องราวประทับใจของ สารวัตรแจ๊ะ ที่ตามหา กุมารแพทย์หญิง ผู้ชุบชีวิตทารกน้อยเมื่อกว่า 30 ปีก่อนผ่านเสียงโทรศัพท์ จนช่วยให้รอดตายก่อนจะเข้ามาเป็นตำรวจที่คอยช่วยเหลือประชาชนในทุกวันนี้

         ปี 2536 เมืองพิษณุโลก เด็กทารกชายคนหนึ่งเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ไม่แข็งแรงนัก เมื่อย่างเข้าอายุได้เพียง 4 เดือน ร่างกายทารกน้อยเริ่มป่วยออด ๆ แอด ๆ แม้ว่าจะเข้าโรงพยาบาลมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง แต่ก็ไม่มีท่าทีจะดีขึ้น จนเมื่อย่างเข้าเดือนกันยายน 2536 อาการเด็กน้อยแย่ลงจนเข้าขั้นวิกฤต เนื้อตัวลีบ ถ่ายไม่หยุด 2 กุมารแพทย์ที่เก่งที่สุดในเมืองพิษณุโลกในเวลานั้น ได้พยายามช่วยชีวิตทารกน้อยด้วยการให้น้ำเกลือ ทางขา ทางแขน แต่ก็ไม่สามารถส่งสารอาหารเข้าร่างกายทารกน้อยได้ เพราะเส้นเลือดในร่างกายได้ตีบหมดแล้ว จนต้องตัดสินใจ เจาะหน้าผาก ให้น้ำเกลือผ่านทางกะโหลกเป็นทางสุดท้าย กว่า 1 เดือนที่พยายามช่วยชีวิตทารกน้อยรายนี้ แต่อาการก็กลับแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะโรคร้ายพิสดารที่ไม่มีใครไขคำตอบได้ในเวลานั้น

         1 พฤศจิกายน 2536 ค่ำคืนที่คล้ายจะเป็นจุดสุดท้ายของชีวิตทารกน้อย กุมารแพทย์แห่งเมืองพิษณุโลกกล่าวกับพ่อของทารกอย่างกระอักกระอ่วนว่า เราก็สุดความสามารถแล้วคุณพ่อ ประโยคสะท้านทรวงสุดจะบีบหัวใจพ่อ ก่อนจะมองไปที่ร่างทารกน้อย ตัวผอมลีบร่างกายไร้เรี่ยวแรง ใกล้จะไปโลกหน้า ความคิดกรีดร้องใครจะยอมให้ลูกตาย พ่อรีบวิ่งกลับไปถามหมออีกครั้งว่า ยังมีทางไหนที่จะช่วยลูกผมได้บ้าง จนได้คำตอบจากหมอว่า มีหมอคนหนึ่ง ที่วิจัยเกี่ยวกับทารกอยู่ แต่ต้องไปขอร้องเขา เพราะเขาเป็นหมออยู่ที่กรุงเทพฯ ชื่อวันดี กุมารเวช โรงพยาบาลรามามหิดล

สารวัตรแจ๊ะ ตามหากุมารแพทย์หญิง ผู้มีพระคุณช่วยให้รอดชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก จ๋อแจ๊ะจับโจร

         หลังสิ้นคำตอบพ่อสั่งให้แม่เฝ้าทารกน้อย ก่อนที่ตัวเองจะคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ขับตระเวนรอบเมืองพิษณุโลกเพื่อหา สมุดหน้าเหลือง ด้วยยุค 90’s สมัยที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์มือถือ สมุดหน้าเหลืองจึงเป็นหนทางเดียวในสมัยนั้นที่จะหาช่องทางติดต่อกับโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ได้ แต่เจ้ากรรมเมื่อเวลานั้นร้านค้าในตัวเมืองได้ปิดหมดแล้ว ต้องตระเวนเคาะเรียกทีละร้านจนกระทั่งโชคเข้าข้าง เมื่อมีอาแปะร้านขายหนังสือแห่งหนึ่งยังไม่นอน ได้เปิดมาขายสมุดหน้าเหลืองให้ ก่อนจะรีบหาโบกรถรับจ้างเหมาไปยังที่ทำงาน แหล่งน้ำมันสิริกิติ์ จ.กำแพงเพชร เพื่อจะเข้าไปใช้โทรศัพท์ที่มีอยู่เครื่องเดียวในไซต์งาน กว่าจะถึงก็เป็นเวลาดึกสงัดเสียแล้ว

         ห้วงคืนนั้นพ่อของทารกน้อยต่อสายหาโรงพยาบาลรามามหิดลจากสมุดหน้าเหลือง ผ่านไปหลายสาย หลายแผนก หลายต่อ หลายทอด จนได้เบอร์โทรศัพท์ของออฟฟิศแพทย์หญิงวันดี ทารกน้อยจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พ่อก็ไม่ทราบทำได้เพียงกระหน่ำเฝ้าโทรศัพท์กดโทรไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณหมอวันดีจะมาทำงานที่ออฟฟิศ ช่างเป็นห้วงเวลาที่บีบคั้นหัวใจเหลือเกิน

         ช่วงเช้าวันที่ 2 พฤศจิกายน 2536 แพทย์หญิงวันดี รับสายหลังจากกระหน่ำโทร. ไปตลอดคืน พ่อของทารกน้อยรีบแนะนำตัวก่อนจะแจ้งอาการของทารกน้อยให้ฟังด้วยความร้อนรน แพทย์หญิงวันดี ได้ถามกลับว่า ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน พ่อรีบตอบกลับไปว่า ผมโทร. มาจากกำแพงเพชร ตอนนี้อยู่ในป่า ถ้าต้องพาลูกไปกรุงเทพฯ จะต้องรอรถเมล์ 2 ชั่วโมง แล้วนั่งไปอีก 2 ชั่วโมง จากกำแพงเพชรเข้าไปที่ จ.พิษณุโลก เพื่อรับลูก และจะพาขึ้นเครื่องบินที่มีวันละ 1 เที่ยว ถึงจะไปถึงกรุงเทพฯ

         แพทย์หญิงวันดีตอบกลับว่า คุณไม่ต้องมา เด็กจะเสียระหว่างทาง หมอจะรักษาผ่านทางโทรศัพท์ เราจะกระตุ้นให้ลำไส้เริ่มกลับมาทำงานก่อนที่เด็กจะเสียชีวิต รีบกลับไปทำตามที่หมอบอก

         จากนั้นได้เริ่มบอก สูตรอาหารผสม และวิธีการรักษาเบื้องต้นให้กับพ่อของทารกน้อย จดทุกสิ่งทุกอย่างลงในกระดาษโน้ตแล้วพับเก็บใส่กระเป๋าอย่างประณีต ก่อนจะโดดงาน รีบออกจากไซต์งาน ขึ้นรถเมล์มุ่งหน้ากลับไปที่เมืองพิษณุโลกทันที

สารวัตรแจ๊ะ ตามหากุมารแพทย์หญิง ผู้มีพระคุณช่วยให้รอดชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก จ๋อแจ๊ะจับโจร

         เมื่อพ่อกลับมาถึงแล้วพบว่าทารกน้อยยังไม่สิ้นใจ รีบนำอาหารผสมสูตรหมอวันดี แกะออกก่อนนำใส่ปากรักษาทารกน้อยตามโพยหมอในทันที แม้ยังไม่เห็นผลทันตา แต่ทารกยังคงสภาพไม่สิ้นใจ เหมือนจะได้ผล พ่อจดทุกอากัปกิริยาของทารกน้อย ก่อนจะรีบโบกรถข้ามจังหวัดกลับไปไซต์งาน เพื่อโทรศัพท์หาหมอ

         การเทียวไปเทียวมา 2 จังหวัด เพื่อรักษาผ่านทางโทรศัพท์ได้เริ่มต้นขึ้น ทุก 7 โมงเช้า ของทุกวัน ตลอด 3 เดือน แพทย์หญิงวันดีจะใช้เวลาทุกเช้าก่อนเข้างาน รอรับสายโทรศัพท์จากพ่อ เพื่อตามติดรักษาอาการ และปรับเปลี่ยนสูตรผสมอาหารตามอาการ จนเด็กทารกน้อย ฟื้นชีพ ดีวันดีคืน ผิวหนังที่เหี่ยวก็กลับมาเต่งตึง หายเป็นปกติในที่สุด

 สารวัตรแจ๊ะ ตามหากุมารแพทย์หญิง ผู้มีพระคุณช่วยให้รอดชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก จ๋อแจ๊ะจับโจร
 


ตามหาผู้มีพระคุณ

        
ทารกน้อยในวัยหนุ่มออกตามหาหมอวันดีที่ โรงพยาบาลรามาฯ
แต่ทว่าเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าท่านได้เกษียณ ไม่ได้มาทำงานเป็นเวลากว่า 10
ปีแล้ว จนต้องออกตระเวนถามหาบ้าน จนได้มาถึงหน้าบ้านเก่า ๆ สุดสมถะ
บรรยากาศสุดเงียบสงบ “มีใครอยู่ไหมครับ” หลังสิ้นเสียงเรียก
เงาหญิงชราเคลื่อนไหวราง ๆ เป็นเงาสะท้อนออกมาจากประตูบ้าน
ก่อนเปิดออกมาด้วยใบหน้าอันสงสัย

         “มาหาใครคะ”
น้ำเสียงหญิงชราอันแสนเมตตาขยับเข้ามาใกล้ ๆ
ครั้งได้สบตาอากัปกิริยาสุดแสนใจดี ทำให้ทารกน้อยวัยหนุ่มเข่าทรุดติดพื้น
ก้มลงกราบโดยอัตโนมัติ ก่อนบอกกับหมอที่อยู่ในอาการงุนงงว่า
“ไม่รู้หมอจะจำผมได้ไหม ผมคือเด็กที่หมอช่วยชีวิตผ่านโทรศัพท์เมื่อ 32
ปีก่อน พ่อผมเล่าให้ฟังตอนผมไปเจอกระดาษโน้ตอันนี้
ที่ท่านบอกสูตรผสมกับวิธีการรักษาให้พ่อผม ทำให้ผมรอดตาย”

         หมอวันดีหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ ก่อนกล่าวว่า “นี่มันสูตรของฉันจริง ๆ ด้วย ขอให้มีความสุขความเจริญนะ
แล้วตอนนี้หนูเป็นอะไร”
ทารกน้อยวัยหนุ่มกล่าวตอบ “ผมเป็นตำรวจอยู่นครบาลครับ”
ก่อนจะถอดเสื้อคลุมสืบนครบาลตัวเก่งให้กับหมอวันดีโดยไม่ลังเล
“เสื้อนี้มีค่าสำหรับผมมากครับ ผมขอให้หมอไว้นะครับ
ถ้าไม่มีหมอผมคงตายไปแล้ว”


        
หมอวันดีคลี่เสื้อดูก่อนบรรจงอ่านตัวอักษรบนเสื้อ และกล่าวว่า “ขอมอบให้ 9
ชีวิตเลยนะ ขอให้ปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นคนดีช่วยเหลือคนอื่น ๆ
นะลูก ขอบใจนะที่คิดถึงกัน”

หมอเทวดาในร่างหญิงชราค่อยหันหลังและเดินกลับเข้าบ้านไปพร้อม ๆ 
สายลมที่พัดเบา ๆ  พาใบเอาไม้ปลิวว่อน
ภาพเบื้องหน้าความรู้สึกชวนให้ทารกน้อยวัยหนุ่มน้ำตาคลอ
เสมือนเวลาได้ถูกหยุดลงที่หน้าบ้านของหมอวันดี

         
         ทารกน้อยจากแดนไกล ปัจจุบันคือ พ.ต.ต. ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือสารวัตรแจ๊ะ
สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. เกิดมาพร้อมอาการป่วยออด ๆ แอด ๆ และแพทย์ใน
จ.พิษณุโลก ได้วินิจฉัยว่าติดเชื้อโรต้าไวรัส
แต่การรักษาไม่ดีขึ้นจนสภาพร่างกายลีบแห้ง ใกล้เสียชีวิต
เพราะแท้จริงเป็นโรคอุจจาระร่วงจากสารอาหารที่เข้มข้นในลำไส้ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในสมัยนั้น
แต่ได้รับการรักษาจาก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงวันดี วราวิทย์
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคนี้โดยตรง ผ่านทางโทรศัพท์
ซึ่งได้รักษาด้วยการให้สูตรอาหารผสมที่มีส่วนผสมของเกลือแกงและน้ำตาลทราย
ทำให้สารวัตรแจ๊ะจนรอดตายอย่างปาฏิหาริย์เมื่อปี 2536

        
ต่อมา แพทย์หญิงวันดี ได้วิจัยพัฒนาจนกลายเป็น ผงวันดี หรือ วันดีรามา ORS
หรือที่เรียกว่า ผงน้ำตาลเกลือแร่ สารช่วยทดแทนการสูญเสียเกลือแร่
ใช้รักษาโรคท้องร่วงเฉียบพลัน
ซึ่งคิดค้นมาจากการสังเกตว่าคนไข้โรคอุจจาระร่วงจำนวนมากมักชักและตายอย่างรวดเร็ว
เพราะการที่ได้สารน้ำที่เข้มข้นเกินไป ซึ่งการคิดค้นสูตรของ
แพทย์หญิงวันดี ผลออกมาเป็นที่ยอมรับและใช้ได้ผล
มีการนำเสนอผลงานนี้ทางเวทีวิจัยระดับนานาชาติจนเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
และที่สำคัญท่านได้ช่วยชีวิตคนมามากมาย นับไม่ถ้วน

สารวัตรแจ๊ะ ตามหากุมารแพทย์หญิง ผู้มีพระคุณช่วยให้รอดชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก จ๋อแจ๊ะจับโจร
        
         ขอสดุดีจิตวิญญาณ หมอเทวดา แพทย์หญิงวันดี วราวิทย์