หญิงช็อก ประหยัดไฟเป็นเหตุ ถูกยกมิเตอร์-ปรับเป็นแสน อึ้งถูกมองขโมยใช้ไฟ

          หญิงช็อก ประหยัดไฟเป็นเหตุ ใช้ไฟเดือนละไม่ถึง 10 ยูนิต ก่อนถูกยกมิเตอร์ไฟฟ้า พร้อมปรับโหดเป็นแสน อึ้งถูกกล่าวหาขโมยใช้ไฟ ปลอมตัวเลขมิเตอร์



หญิงช็อก ประหยัดไฟเป็นเหตุ ถูกยกมิเตอร์
ภาพจาก Sina


          วันที่ 1 มกราคม 2568 เว็บไซต์ SAOstar รายงานเหตุการณ์สุดแปลกที่เกิดขึ้นในเมืองเจิ้งโจว ประเทศจีน เมื่อ หญิงแซ่หลี่ ซึ่งใช้ไฟฟ้าเดือนละไม่ถึง 10 ยูนิต หรือคิดเป็นค่าไฟ 6 หยวน (ราว 28 บาท) ถูกบริษัทการไฟฟ้าในท้องถิ่นสั่งปรับโหดเป็นเงิน 40,000 หยวน (ราว 187,000 บาท) ทำให้ครอบครัวของเธอช็อกอย่างมาก ไม่เข้าใจว่าเหตุใดการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดของเธอถึงสร้างปัญหา และเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม

          ปรากฏว่าระหว่างการตรวจสอบตามปกติ พนักงานของบริษัทการไฟฟ้าพบว่ามิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านหลังหนึ่งมีสัญญาณความผิดปกติ เพราะบ้านหลังนี้มีปริมาณการใช้ไฟไม่ถึงเดือนละ 10 ยูนิต มานานหลายปี ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยใช้ไฟฟ้าสูงกว่านี้ และเมื่อตรวจสอบเพิ่มเติม บริษัทก็พบสิ่งที่ต้องสงสัยว่าจะมีการปลอมแปลงตัวเลขบนมิเตอร์ไฟฟ้า เนื่องจากฝาครอบมิเตอร์เคยถูกเปิดออกในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียง 5 นาที ก่อนที่ไฟฟ้าของบ้านหลังนี้จะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

หญิงช็อก ประหยัดไฟเป็นเหตุ ถูกยกมิเตอร์
ภาพจาก Sina


          สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทการไฟฟ้าเชื่อว่า
บ้านหลังนี้ลักลอบขโมยใช้ไฟ จึงตัดสินใจลงโทษด้วยการสั่งปรับจำนวน 5 เท่า
จากค่าไฟที่ควรจะเป็น คิดเป็นเงินจำนวน 40,000 หยวน
พร้อมส่งใบแจ้งค่าปรับไปยังครอบครัวของนางหลี่

 
         
อย่างไรก็ตาม นางหลี่นึกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นแค่การหลอกลวง
เพราะไม่น่าจะมีใครถูกปรับจากการใช้ไฟฟ้าน้อย
แต่แล้ววันหนึ่งตอนที่เธอเลิกงานกลับมาบ้าน
กลับพบว่าไม่สามารถเปิดไฟในบ้านได้ ทั้ง ๆ
ที่บริเวณรอบบ้านก็มีไฟฟ้าส่องสว่างปกติ
แม้แต่เพื่อนบ้านก็ยังเปิดไฟได้ไม่มีปัญหา
เห็นดังนั้นเธอจึงใช้ไฟจากโทรศัพท์มือถือส่องไปยังมิเตอร์ไฟฟ้าที่อยู่หน้าบ้าน
แล้วก็ต้องช็อกสุดขีดเมื่อพบว่ามิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านเธอหายไป ทั้ง ๆ
ที่ไม่น่าจะมีใครกล้าขโมย

          เมื่อตรววจสอบกล้องวงจรปิด
เธอก็ยิ่งโมโหหนัก กลายเป็นว่าคนที่เอามิเตอร์ไฟฟ้าไป
ก็คือพนักงานการไฟฟ้าที่แอบมาถอดมิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านเธอไปตรวจสอบ
โดยไม่แจ้งล่วงหน้า

          เธอโทร.
ติดต่อไปหาบริษัทการไฟฟ้าทันที
แล้วก็แทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อทางบริษัทแจ้งว่า
พวกเขาสงสัยว่าบ้านของเธอแอบขโมยใช้ไฟ จึงต้องนำมิเตอร์ไฟฟ้ากลับไปตรวจสอบ
และนี่คือครั้งแรกที่เธอเคยได้ยินเรื่องที่มีคนถูกสงสัยว่าขโมยใช้ไฟ
เพราะใช้ไฟฟ้าที่บ้านน้อยเกินไป

          “ต่อให้คุณเห็นว่ามิเตอร์ไฟบ้านฉันมีปัญหา ก็ไม่ควรถอดไปโดยไม่บอกเช่นนี้ คุณคิดว่าครอบครัวฉันจะใช้ชีวิตอยู่ยังไงโดยไม่มีไฟฟ้า” นางหลี่ กล่าว

          ที่น่าสิ้นหวังว่านั้น คือทางการไฟฟ้าอ้างว่าครอบครัวของเธอขโมยใช้ไฟ เพื่อลดค่าไฟในบิล

         
นางหลี่ชี้ว่า ครอบครัวของเธอไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้านมากนัก
ใช้แค่ทีวีและตู้เย็นขนาดเล็ก ๆ
เธอไม่เคยซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินพลังงานสูงเลย
บ้านของเธอใช้ไฟฟ้าโดยประหยัดมาโดยตลอดตามประสาครอบครัวที่ยากจน นอกจากนี้
เมื่อลูกของเธอเริ่มไปโรงเรียน
ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของครอบครัวก็ยิ่งลดลงกว่าเดิม

         
“ฉันไม่มีเครื่องซักผ้า ไม่ได้เปิดตู้เย็น
ไม่ได้เปิดไฟไว้ระหว่างวันตอนไปทำงาน ฉันเปิดพัดลมแค่บางโอกาส
ฉันใช้ไฟฟ้าไม่มาก แล้วการใช้ไฟฟ้าน้อยจนเป็นปกติแบบนี้มันแปลกตรงไหน”
นางหลี่ กล่าว

         
อย่างไรก็ตาม ทางการไฟฟ้ายังคงยืนกรานที่จะลงโทษเธอ
ฐานขโมยใช้ฟฟ้าเพื่อลดค่าไฟในบิล
โดยยกเหตุผลเรื่องปริมาณการใช้ไฟฟ้าน้อยผิดปกติ
ร่วมกับมีความผิดปกติที่มิเตอร์ไฟฟ้ามาอ้าง
ซึ่งนางหลี่ยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่น พร้อมวิงวอนให้สื่อกดดัน
เพื่อให้มีการส่งมิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านเธอไปตรวจสอบที่หน่วยงานอิสระ
เพื่อยืนยันความจริง

          เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
กลายมาเป็นที่ถกเถียงอย่างมากในสังคมจีน
บางคนมองว่าทางการไฟฟ้าควรเคลียร์เรื่องข้อกฎหมายให้ชัดเจน
ก่อนจะมีการลงโทษใด ๆ การถอดมิเตอร์ไฟฟ้าไปโดยไม่แจ้งล่วงหน้าแบบนี้
เหมือนขาดความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน

         
อย่างไรก็ตาม
ท้ายที่สุดก็ยังไม่มีความชัดเจนถึงข้อสรุปและทางออกของนางหลี่ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แม้จะเป็นข้อถกเถียงมานานหลายปี

ขอบคุณข้อมูลจาก SAOstar, Sina

สามี เซอร์ไพรส์ลูกเมีย กลับบ้านในรอบ 20 ปี หลังทำงานที่เกาหลียาว บรรยากาศชื่นมื่น


          สามีเซอร์ไพรส์ภรรยาและลูก หลังทำงานที่เกาหลีใต้ 20 ปีไม่ได้กลับบ้าน กลายเป็นภาพชื่นมื่น เผยสาเหตุที่กลับไม่ได้ ต้องโทรศัพท์หาตลอด ส่งเงินให้



ภาพจาก โหนกระแส

          สามีเซอร์ไพรส์ภรรยาและลูก หลังทำงานที่เกาหลีใต้ 20 ปีไม่ได้กลับบ้าน กลายเป็นภาพชื่นมื่น เผยสาเหตุที่กลับไม่ได้ ต้องโทรศัพท์หาตลอด ส่งเงินให้

          วันที่ 1 มกราคม 2568 โหนกระแส รายงานว่า ที่บ้านหลังหนึ่งในซอยโรงวิก ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ มีการจัดงานฉลองปีใหม่ มีเพื่อนและญาติเดินทางมาร่วมงานมากมาย เนื่องจากครอบครัวของหญิงวัย 48 ปี เจ้าของบ้าน มีชายอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิท วัย 48 ปี เดินทางมาหาหลังจากที่ทำงานที่เกาหลีใต้เป็นเวลานานกว่า 20 ปี และนี่เป็นครั้งแรกที่ฝ่ายชายมาหาครอบครัวฝ่ายหญิงถึงที่บ้าน

          ฝ่ายชาย เล่าว่า ตนไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ปี 2547 ตอนนั้นมีลูกกับฝ่ายหญิง 1 คน ผ่านไป 3 ปี เธอเดินทางมาหาตนที่เกาหลีใต้ และหลังจากนั้นเธอก็ตั้งท้องลูกอีกคน

          ส่วนสาเหตุที่ตนไม่ได้กลับบ้านเลยกว่า 20 ปี เป็นเพราะนายจ้างบอกว่า มีงานต้องเร่งรัด แทบทำทุกเทศกาล ให้ส่งเงินกลับไปที่บ้านก็พอ ดังนั้น ตนจึงมีช่องทางติดต่อเพียงแค่การโทรศัพท์ ส่วนค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวส่งในบัญชีลูก 2 คน

          ตอนนี้ลูกสาวคนเล็กวัย 17 ปี ตนจึงอยากกลับบ้าน รวมถึงอายุเริ่มมาก แต่การมาครั้งนี้ก็ไม่ได้แจ้งภรรยากับลูกทราบก่อน มาถึงก็เซอร์ไพรส์ รู้สึกดีใจที่เงินที่ให้มานั้นนำมาสร้างหอพัก และลูก ๆ ก็อยู่กันครบ

ขอบคุณข้อมูลจาก : โหนกระแส

ไวรัล TikTok ซื้อข้าวกะเพราะไข่ดาว แต่สิ่งที่ได้รับชวนช็อก ไข่ดาวเปลี่ยนไป

          ซื้อข้าวกะเพราไข่ดาว แม่ค้ารีบจัดรีบทำรีบส่งให้ พอลูกค้าหยิบมาดูกลับพบว่า ไข่ดาวเปลี่ยนไป เปลือกนอกดูเหมือนอยู่ แต่ถ้าเพ่งดี ๆ จะรู้ว่าต่าง มันไม่ใช่ไข่ดาว




ข้าวกะเพราไข่ดาว
ภาพจาก TikTok @ben_thanawat789

          ช่วงเวลาที่ร้านอาหารออร์เดอร์เยอะ ๆ มักเป็นช่วงเที่ยงกับช่วงเย็น เพราะเป็นเวลาที่คนทั่วไปกินข้าวพอดี ดังนั้น ร้านอาหารยิ่งต้องเพิ่มความรอบคอบ ความระมัดระวังกว่าเดิม

          วันที่ 2 มกราคม 2568 TikTok @ben_thanawat789 มีการลงคลิปเล่าเรื่องราวการสั่งข้าวผัดกะเพรา ไข่ดาว เพื่อไปกินที่ทำงาน ซึ่งแม่ค้าก็ทำอาหารใส่กล่องใส่ถุงส่งให้ตามปกติ

          ส่วนฝั่งคนซื้อก็รีบ
หยิบถุงมาโดยไม่ได้เช็ก กระทั่งมาถึงที่ทำงาน เปิดถุงอาหารดูกลับพบว่าไข่ดาวเปลี่ยนไป รูปลักษณ์ดูหนา ดูใหญ่เป็นพิเศษ ที่แท้มันไม่ใช่ไข่ดาว
มันคือขนมจูจุน ขณะเดียวกันชาวเน็ตก็แซวว่า อาจจะเป็นไข่ดาวสูตรใหม่สำหรับคนกินเจก็ได้

กะเพราไข่ดาว
ภาพจาก TikTok @ben_thanawat789

ไข่ดาวขนมจูจุน

หมอเปิดเคส คนไข้หลอดอาหารอักเสบ-มีแผลพอง ชี้เหตุนิสัยตอนกินยา บางคนมองข้าม

 
             หมอเปิดเคสเตือนใจ สาวกลืนลำบาก – มีแผลพองในหลอดอาหาร สาเหตุสุดใกล้ตัว หลายคนมองข้าม เป็นนิสัยตอนกินยา เกิดขึ้นได้จากคนทุกวัย



ย้ำสิ่งที่ต้องระวัง ตอนกินยา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 張靖醫師 胃腸肝膽。靖心靖力 守護健康
             วันที่ 2 มกราคม 2568 เว็บไซต์ Sinchew รายงานว่า ดร.จาง จิ้ง
แพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ในไต้หวัน
ออกมาเผยเคสอุทาหรณ์เตือนใจภัยใกล้ตัวที่หลายคนคิดไม่ถึงขณะกินยา
ทำให้ผู้ป่วยหญิงวัย 30 ปี เกิดภาวะหลอดอาหารอักเสบ มีแผลในหลอดอาหาร
โดยสาเหตุนั้นเกิดจากสิ่งที่หลาย ๆ คนมองข้าม
และสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย

             ดร.จาง จิ้ง เปิดเผยว่า
ผู้ป่วยหญิงรายนี้มาพบแพทย์หูคอจมูก ด้วยอาการกลืนลำบาก
แต่เมื่อแพทย์ส่องกล้องตรวจกล่องเสียงก็ไม่พบความปิดปกติใด ๆ
จึงซักถามประวัติเพิ่มเติม
และพบว่าเธอเพิ่งกินยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการทางผิวหนัง
แพทย์จึงสงสัยว่าเธออาจเป็นโรคหลอดอาหารอักเสบจากยาที่กินไป
จึงทำการส่องกล้องกระเพาะอาหารทันที
และพบว่าผู้ป่วยมีแผลพุพองเป็นวงกว้างภายในหลอดอาหารส่วนกลางและส่วนปลาย

             สำหรับสาเหตุหลัก
ๆ ที่ทำให้เกิดแผลพุพองในหลอดอาหารแบบนี้
มักเกิดจากยาไปเกาะติดกับเยื่อบุหลอดอาหาร
จนหลอดอาหารเกิดการอักเสบหรือถึงขั้นเป็นแผล
ส่วนใหญ่มักเกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอตอนกินยา
หรือเอนตัวนอนลงทันทีหลังกินยา

             ทั้งนี้
หลังจากส่องกล้องและจ่ายยาให้ผู้ป่วยแล้ว
แพทย์ยังให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อควรระวังในการกินยา
เพื่อลดความเสียหายที่จะตามมาจากแผลในหลอดอาหารด้วย

ย้ำสิ่งที่ต้องระวัง ตอนกินยา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 張靖醫師 胃腸肝膽。靖心靖力 守護健康

             สำหรับยาทั่ว ๆ
ไปที่มักทำให้เกิดโรคหลอดอาหารอักเสบจากยาที่กินไป เช่น ยาปฏิชีวนะ
ยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวด เป็นต้น ซึ่งปกติหลังหยุดใช้ยาเหล่านี้
ร่วมกับใช้ยาลดกรดและยาอื่น ๆ มาช่วย อาการต่าง ๆ
ก็จะทุเลาลงในเวลาไม่กี่วัน

 
             ในการสัมภาษณ์กับ ETtoday ดร.จาง จิ้ง
เปิดเผยว่า อุบัติการณ์ของโรคหลอดอาหารอักเสบจากยาที่กินเข้าไปนี้
เกิดขึ้นกับ 3.9 คน ต่อ 100,000 คน นับเป็นอาการที่พบได้ไม่บ่อยนัก
แต่ก็เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ส่วนมากมักพบในผู้หญิง ผู้สูงอายุ และเด็ก
แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย

             แม้ว่าการกลืนยาบางชนิดจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เจอโรคดังกล่าวมากกว่ายาทั่ว
ๆ ไป แต่ ดร.จาง จิ้ง ย้ำว่า สาเหตุหลัก ๆ ยังเกิดจากนิสัยในการกินยา

             ทั้งนี้
สิ่งสำคัญที่คนควรทำหลังกินยา คือ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ราว 200 – 250 ซีซี
และทำให้ร่างกายตั้งตรงอีกสักระยะหนึ่ง ราว 30 นาที หลังกินยา
ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดหลอดอาหารอักเสบจากยาที่กินเข้าไป
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Sinchew

บริษัทใจป๋า แจกทีวี 40 นิ้วให้ของขวัญปีใหม่ มี 4400 คน แบกไปเลย คนละเครื่อง


            บริษัทเวียดนามใจป้ำ แจกโทรทัศน์ 40 นิ้ว ให้คนงาน 4,400 คน แต่ละคนยิ้มร่าแบกกลับบ้านไปคนละเครื่อง โซเชียลบอกอิจฉา



บริษัทแจกทีวี 40 นิ้วเป็นของขวัญให้พนักงาน 4,400 คน เอาไปเลยคนละเครื่อง
ภาพจาก SAOstar
            วันที่ 31 ธันวาคม 2567 เว็บไซต์ SAOstar รายงานว่า ภาพของเหล่าคนงานที่ยิ้มแฮปปี้ แบกโทรทัศน์ขนาด 40 นิ้ว กลับบ้านไปคนละเครื่องนั้น กลายมาเป็นภาพไวรัลที่ได้รับความสนใจอย่างมากในเวียดนาม หลังจากที่ทางบริษัท Mensa Industries Company Ltd. ในจังหวัดกว๋างหงาย ประเทศเวียดนาม ทุ่มทุนแจกโทรทัศน์ขนาด 40 นิ้ว เป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่คนงานทั้ง 4,400 คน

            ด้าน ผ่าม ไทตง ประธานสหภาพการค้าโซนเศรษฐกิจตุงคัต และโซนอุตสาหกรรมกว๋างหงาย เปิดเผยว่า คนงานทุก ๆ คนที่บริษัทดังกล่าว จะได้รับของขวัญเซอร์ไพรส์เป็นโทรทัศน์ 40 นิ้ว อันเป็นส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทคู่ค้า หลังทำออร์เดอร์ได้เสร็จสิ้น ทั้งนี้ เพื่อแสดงความขอบคุณต่อความทุ่มเทของคนงานทุก ๆ คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการผลิต

บริษัทแจกทีวี 40 นิ้วเป็นของขวัญให้พนักงาน 4,400 คน เอาไปเลยคนละเครื่อง
ภาพจาก SAOstar
            รายงานเผยว่า แม้สภาพอากาศในกว๋างหงายจะหนาวเย็นและมีฝนตกอยู่ตลอด แต่คนงานเหล่านี้กลับรู้สึกอบอุ่นและสุขใจกับของขวัญที่ไม่คาคคิด และของขวัญปีใหม่ชิ้นนี้ก็ทำให้พวกเขารับรู้ถึงความใส่ใจของบริษัท และยังเป็นการให้กำลังใจแก่คนงานที่ทำงานหนักกันมาทั้งปี

 
            นางเหงียน ถี่เยน คนงานรายหนึ่ง เปิดใจว่า เธอทำงานที่บริษัทนี้มา 5 ปีแล้ว การที่บริษัทแจกโทรทัศน์ที่มีคุณภาพดีมาก ๆ ตอนสิ้นปีนี้ ทำให้เธอกับเพื่อนคนงานมีความสุขกันมาก และจำเป็นกำลังใจให้เธอสู้ทำงานที่นี่ต่อไป

            ทั้งนี้ พบว่าหลาย ๆ คนเมื่อได้รับของขวัญชิ้นโตนี้ ต่างก็พากันแชร์ภาพและคลิปลงโซเชียล จนทำให้คนจากบริษัทอื่นอดอิจฉาไม่ได้ โดยบางคนถึงกับบอกว่า เห็นบริษัทอื่นให้ของขวัญปีใหม่แบบนี้ ก็ทำให้สงสัยจริง ๆ ว่าบริษัทของตัวเองจะให้อะไรบ้าง

บริษัทแจกทีวี 40 นิ้วเป็นของขวัญให้พนักงาน 4,400 คน เอาไปเลยคนละเครื่อง
ภาพจาก SAOstar

ขอบคุณข้อมูลจาก SAOstar

 

ไวรัล TikTok เข้าห้องน้ำในร้านอาหาร เปิดประตูเข้าไป ทุกอย่างสวยงาม พีคตรงบ่อหลังห้อง

          เข้าห้องน้ำในร้านอาหาร เปิดประตูเข้าไปทุกอย่างดูสวยงาม มีสระน้ำด้านหลังห้อง สักพักหนึ่งเอ๊ะ เขินเลย จะเข้ายังไงก่อน



ห้องน้ำในร้านอาหาร
ภาพจาก TikTok @jom_nuntida

          หนึ่งในไอเดียการตกแต่งร้านอาหารให้สวยงาม ห้องน้ำก็เป็นจุดที่จำเป็น จุดที่สามารถสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้เช่นกัน ถ้าห้องน้ำสวยงาม สะอาด ลูกค้าก็จะสามารถคิดได้ต่อว่า ร้านนี้อาหารสะอาดด้วยอย่างแน่นอน

          วันที่ 1 มกราคม 2568 TikTok @jom_nuntida มีการไปทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง และมีโอกาสได้เข้าห้องน้ำของร้าน ข้างในมีความสวยงาม สะอาดสะอ้าน ฝั่งซ้ายคืออ่างล้างหน้า ฝั่งขวาคือ ประตูห้องน้ำ ดูเผิน ๆ ไม่มีอะไร

ห้องน้ำในร้านอาหาร
ภาพจาก TikTok @jom_nuntida

ห้องน้ำในร้านอาหาร
ภาพจาก TikTok @jom_nuntida

          ทว่าเมื่อเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป ข้างในสวยงามจริง ๆ หลังห้องน้ำมีบ่อน้ำกับโขดหิน สักพักหนึ่งได้สติ ได้แต่คิดว่า แล้วแบบนี้เราจะเข้าห้องน้ำนี้ยังไง

          หากใครยังไม่เข้าใจ เรื่องนี้มีคำเฉลย เหตุที่เจ้าของคลิปมีความกังวล เขินกับห้องน้ำ เนื่องจากบ่อน้ำที่อยู่ด้านหลัง เป็นที่เปิดกว้าง คนที่อยู่ในห้องน้ำแต่ละห้องสามารถเดินเชื่อมได้ถึงกันนั่นเอง

          แต่เปิดด้านหลังห้องน้ำแบบนี้ คงไม่มีใครอุตริเดินไปดูคนอื่นเข้าห้องน้ำหรอกเนอะ

ห้องน้ำในร้านอาหาร
ภาพจาก TikTok @jom_nuntida

ห้องน้ำในร้านอาหาร
ภาพจาก TikTok @jom_nuntida
ห้องน้ำในร้านอาหาร
ภาพจาก TikTok @jom_nuntida
ห้องน้ำในร้านอาหาร
ภาพจาก TikTok @jom_nuntida

งานแต่งเหมือนโรงอาหาร ต้องจ่ายทุกจานถ้าจะกิน เจอซัดไม่มีเงินอย่าจัด

 
            แขกโวย งานแต่งงานเหมือนโรงอาหาร ต้องจ่ายเงินทุกอย่างถ้าจะกิน ซ้ำเจ้าสาวอ้าง เก็บเงินมาหักลบค่าจัดงาน โซเซียลลั่น ถ้าไม่มีเงินก็ไม่ควรจัดงาน



 งานแต่งเหมือนโรงอาหาร

            วันที่ 2 มกราคม 2568 เว็บไซต์ Sinchew
รายงานเรื่องราวซึ่งกำลังเป็นที่ถกเถียงบนโลกออนไลน์ของมาเลเซีย
หลังชาวเน็ตรายหนึ่งออกมาเล่าประสบการณ์อึ้ง
จากการไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนในรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย ที่แขกทุก ๆ
คนในงาน ถูกบังคับให้จ่ายค่าอาหารทุกอย่างที่กิน
ตั้งแต่อาหารจานหลักไปจนถึงขนมหวาน จนทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า
“มันเป็นเรื่องปกติของที่ยะโฮร์เหรอ ?”

            โดยชาวเน็ตที่ไม่เผยชื่อดังกล่าว
เล่าว่า
ไม่นานมานี้เขาเพิ่งจะไปร่วมงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของเพื่อนที่รัฐยะโฮร์
พร้อมพาแม่ไปด้วย เขายังเตรียมของขวัญไปให้คู่บ่าวสาวอีกต่างหาก
แต่ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าเมื่อไปถึงงาน เขายังจะต้องจ่ายเงินค่าอาหารทุก ๆ
อย่างในงานเลี้ยงด้วย

            โพสต์ดังกล่าว ระบุว่า
ค่าอาหารในงานเลี้ยงนั้นมีการกำหนดราคาชัดเจน เช่น
ข้าวที่เป็นอาหารหลักของงานแต่ง จานละ 5 ริงกิต (ราว 38 บาท) ขนมอบเล็ก ๆ
ชิ้นละ 0.3 – 0.5 ริงกิต (ราว 2 – 4 บาท) ส่วนอาหารอื่น ๆ
เพิ่มได้ในราคาตั้งแต่ 1.5 – 3.5 ริงกิต (ราว 11 – 26 บาท)
นอกจากนี้ยังมีขนมลอดช่อง ชามละ 2.5 ริงกิต (ราว 19 บาท) และไอศกรีมลูกละ
1.5 ริงกิต (ราว 11 บาท)
 
            “รอบนี้ฉันพาแม่ไปด้วย
แล้วก็ให้ของขวัญไปอีกด้วย แต่เมื่อถึงงานยังต้องจ่ายค่าอาหารอีก
ทำให้ฉันช็อกจริง ๆ” เจ้าของเรื่องชี้ พร้อมถามว่า “ฉันแค่ประหลาดใจไปเอง
หรือการจ่ายเงินค่าอาหารงานแต่งเป็นเรื่องปกติที่รัฐยะโฮร์กันแน่”

 
            ในโพสต์ดังกล่าวยังชี้ว่า
ภายในงานมีคนที่รับผิดชอบในการไล่เก็บค่าอาหารในแต่ละโซน
ที่แขกนั่งกินอาหารกัน และเมื่องานเลี้ยงแต่งงานจบลง
เจ้าสาวยังโพสต์บ่นผ่านโซเชียลมีเดียอีกด้วย
แสดงความขับข้องใจที่แขกต่างก็บ่นเรื่องที่ถูกเก็บเงินค่าอาหาร
และอ้างว่าที่ต้องให้แขกจ่ายเงิน
ก็เพื่อนำมาหักลบกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการจัดงาน
และเพื่อสนับสนุนกลุ่มคนขายอาหาร

            แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร
ตัวเขามองว่าการทำแบบนี้ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย และเท่าที่เขารู้
มีแขกหลายคนที่ไม่ยอมกินอะไรในงาน ส่วนอีกหลาย ๆ คนก็ช็อกเหมือนกัน
ที่ถูกเรียกเก็บเงินหลังจากกินอาหารกันแล้ว
 
            โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัลที่มีคนดูกว่า
1 แสนครั้ง ในเวลาเพียง 2 วัน
ยังมีชาวเน็ตหลายคนที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์คล้ายคลึงกัน
แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าการเรียกเก็บเงินที่งานแต่งงานแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องปกติ
บางคนยังวิจารณ์ว่า “งานเลี้ยงแต่งงานกลายเป็นโรงอาหารไปซะแล้ว”

 

สำหรับคอมเมนต์ต่าง ๆ เช่น

            “มีคนเรียกเก็บค่าอาหารในงานเลี้ยงแต่งงานได้ยังไง
การจัดเลี้ยงฟรีคือธรรมเนียมที่เราทำต่อ ๆ กันมาจนถึงตอนนี้
ถ้าคุณจัดงานไม่ไหว ก็อย่าเชิญคนมาหรือไม่ต้องจัดงานไปเลย
สิ่งนี้เลี้ยงว่างานเลี้ยงฉลองไม่ได้ด้วยซ้ำ”

            “ยะโฮร์เป็นแบบนี้จริง
ๆ ฉันเคยไปร่วมงานแต่งที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มมา 2 ครั้งแล้ว
ครั้งแรกเก็บเป็นหัว คนละ 15 ริงกิต (ราว 11 บาท) และอีกครั้งเก็บคนละ 9
ริงกิต (ราว 68 บาท)”

            “นี่มันงานเลี้ยงแต่งงานหรือร้านอาหารกันแน่
ไม่ใช่เรื่องปกติเลย ฉันก็มาจากรัฐยะโฮร์
แต่ไม่เคยไปงานเลี้ยงแต่งงานที่ขอให้แขกจ่ายเงินมาก่อน
ฉันเองก็ไม่ขอให้แขกจ่ายเงินในงานแต่งของฉันด้วยซ้ำ
ส่วนแขกจะให้เงินหรือของขวัญหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา”

ขอบคุณข้อมูลจาก Sinchew

โรงแรมสงขลา ห้องสกปรก ทั้งกลิ่นบุหรี่ ผ้าปูที่นอนไม่ได้ซัก แถมราคายังแพง

          พักโรงแรมมีชื่อทางภาคใต้ แต่เข้าไปแทบหมดสภาพ ทั้งกลิ่นบุหรี่ ผ้าปูไม่ได้ซัก ห้องเปลี่ยนไม่ได้ แถมราคาตั้งแบบนี้ยังไงก็คือแพงในความรู้สึก



เปิดห้องพักโรงแรมมีชื่อ เข้าไปลมแทบจับ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Kongpop Poonkij


          เวลาไปพักค้างแรมที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง ปัจจัยหลักที่ทุกคนมักเอามาเป็นประเด็นตัดสินว่า จะเข้าพักหรือไม่เข้า คือ ราคากับความสะอาด ถ้าหากผ่านทั้ง 2 อย่างก็คงมีลูุกค้าพักเรื่อย ๆ ได้ไม่ยาก ยกเว้นกรณีห้องพักไม่ตรงปก

          วันที่ 2 มกราคม 2568 เฟซบุ๊ก Kongpop Poonkij มีการเล่าเรื่องการพักโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคใต้ ราคา 450 บาท เมื่อเข้าไปในห้องกลับพบว่า ห้องสกปรก มีกลิ่นบุหรี่เหม็นทั่ว ขี้บุหรี่ตกตามพื้น ที่นอนมีเส้นผม ปลอกหมอนสีดำ เหมือนไม่ได้ซักผ้าปูที่นอน ทั้ง ๆ ที่ควรซัก

เปิดห้องพักโรงแรมมีชื่อ เข้าไปลมแทบจับ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Kongpop Poonkij


          เจอสภาพแบบนี้นอนไม่ไหว
จึงขอโรงแรมเปลี่ยนห้อง แต่คนเฝ้าก็ไม่ยอมให้เปลี่ยน
นั่งสูบบุหรี่ไม่ยอมตอบ เจอแบบนี้อย่าหลงเข้าไปเด็ดขาด
ต่อให้ราคาห้องเป็นเงินแค่ 450 บาท แต่ในความรู้สึกคือแพงมหาศาล
แถมเจอรีวิวคล้าย ๆ กัน มีผู้ประสบภัยอีกหลายคน

เปิดห้องพักโรงแรมมีชื่อ เข้าไปลมแทบจับ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Kongpop Poonkij

เปิดห้องพักโรงแรมมีชื่อ เข้าไปลมแทบจับ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Kongpop Poonkij

เปิดห้องพักโรงแรมมีชื่อ เข้าไปลมแทบจับ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Kongpop Poonkij

เปิดห้องพักโรงแรมมีชื่อ เข้าไปลมแทบจับ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Kongpop Poonkij

เปิดห้องพักโรงแรมมีชื่อ เข้าไปลมแทบจับ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Kongpop Poonkij

บีบหัวใจ พุดดิ้ง ตูบยังรอเจ้าของ – คอยดูรถทุกคัน ไม่รู้ครอบครัว 9 คน ไม่หวนกลับ

          สะเทือนใจ พุดดิ้ง เจ้าตูบยังเฝ้ารอเจ้าของไม่ไปไหน หลังครอบครัว 9 ชีวิตดับบนเครื่องบินเจจูแอร์ เผยคอยมองรถทุกคันหาเจ้าของ แค่มองดูก็เศร้าใจ


พุดดิ้ง สัตว์เลี้ยงของครอบครัวผู้เสียชีวิต 9 คน จากโศกนาฏกรรมเจจูแอร์ ไถลออกรันเวย์
ภาพจาก allkpop

          ท่ามกลางความเศร้าสลดที่เกาะกินใจชาวบ้านในหมู่บ้านที่เกาหลีใต้ หลังโศกนาฏกรรมเจจูแอร์ ไถลออกรันเวย์  คร่า 179 ชีวิตบนเที่ยวบิน รวมถึงครอบครัว 9 คนที่เสียชีวิตพร้อมกัน ความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่เพียงกระทบต่อจิตใจของผู้คน แต่ยังรวมถึง พุดดิ้ง สุนัขของครอบครัวดังกล่าว ซึ่งถูกทิ้งไว้ที่บ้านเพียงลำพัง และยังคงเฝ้ารอเจ้าของที่ไม่มีวันกลับมา

          อ่านข่าว : สลด ครอบครัว 9 ชีวิต มาทริปฉลองวันเกิด กลายเป็นทริปสุดท้าย ก่อนเครื่องบินตก

          วันที่ 2 ธันวาคม 2568 เว็บไซต์ allkpop รายงานว่า หนึ่งในผู้โดยสารที่เสียชีวิตคือ นายแบ ผู้โดยสารอายุมากที่สุดบนเที่ยวบินนั้น ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านยองอัม จังหวัดชอลลาใต้ โดยทราบว่านายแบเดินทางมาประเทศไทยพร้อมกับ ภรรยา ลูกสาว 2 คน และครอบครัวของพวกเขา รวม 9 คน นี่ยังเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของเขา เพื่อฉลองวันเกิดครบอายุ 80 ปี

          โศกนาฏรรมที่น่าเศร้านี้ยังทิ้ง พุดดิ้ง
ไว้เบื้องหลัง มันยังเฝ้ารอเจ้าของที่ไม่มีวันกลับมา
คนที่เลี้ยงพุดดิ้งคือหลานสาววัย 5 ขวบ ของครอบครัวนี้
มีคนเห็นว่าพุดดิ้งเดินเตร่อยู่ใกล้บ้านที่ว่างเปล่าของครอบครัว
มันเดินเตร่ไปทั่วหมู่บ้านอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เฝ้ามองดูรถทุกคันที่ผ่านมา และแอบเข้าไปยังศูนย์ชุมชน
ราวกับกำลังตามหาคนในครอบครัว

         
ในขณะที่เจ้าของบ้านไม่อยู่อีกต่อไป
แต่พุดดิ้งยังคงเฝ้ารอเจ้านายอยู่ที่บ้านหลังนั้น ไม่ยอมไปไหน
จนชาวบ้านยอมรับว่า “มันน่าเศร้าใจมาก แค่เดินผ่านบ้านของพวกเขา
หรือมองดูมันก็ทำให้รู้สึกทนไม่ไหวแล้ว”

         
ชาวบ้านคนอื่นพยายามจะรับพุดดิ้งไปดูแลต่อ และพามันกลับไปที่บ้านด้วย
แต่พุดดิ้งก็ยอมเดินตามพวกเขาไปแค่ชั่วครู่
และจะกลับมายังบ้านของตัวเองเสมอ

พุดดิ้ง หมานั่งรอเจ้าของ จากโศกนาฏกรรมเจจูแอร์ ไถลออกรันเวย์
ภาพจาก allkpop

         
กระทั่งในที่สุด เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา องค์กรคุ้มครองสัตว์
CARE เปิดเผยว่า ทางองค์กรฯ ได้เข้าช่วยเหลือพุดดิ้งแล้ว
โดยพวกเขาเชื่อว่าสถานการณ์ของสุนัขตัวนี้ที่เดินเตร่ไปทั่วหมู่บ้านโดยไม่มีเจ้าของนั้น
เป็นอันตราย จึงตัดสินใจเข้าช่วยเหลือมัน

          CARE
อธิบายเพิ่มเติมว่า พุดดิ้งยังเฝ้ารอครอบครัวของมันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มันคอยดูรถที่เข้ามาในหมู่บ้านตลอดเวลา ดังนั้น
จนกว่าจะเจอเจ้าของที่เหมาะสม CARE
จะทำให้แน่ใจว่าพุดดิ้งจะได้รับการดูแลที่เหมาะสม

         
ทางด้านชาวเน็ตก็ได้แสดงความสะเทือนใจต่อเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า
“ผู้ที่เสียชีวิตมีทั้งคุณปู่ คุณย่า ลูกสาวคนโต ลูกเขยคนโต หลานคนโต
ลูกสาวคนที่สอง และลูก ๆ 3 คนของเธอ รวมเป็น 9 คน
สามีของลูกสาวคนที่สองจะยังคุมสติอยู่ได้อย่างไร หลังสูญเสียภรรยาและลูก 3
คน รวมถึงครอบครัวภรรยาและญาติ ๆ”

          ขณะที่อีกคนระบุว่า “เรื่องที่ใจสลายเกี่ยวกับสัตว์ในสถานการณ์เช่นนี้
คือคุณไม่สามารถอธิบายให้มันเข้าใจได้
ว่าเจ้าของมันไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป และจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้ามันอีก
มันไม่เข้าใจคำพูด ดังนั้นข้อความนี้จึงไม่สามารถส่งถึงมันได้
หากมันเห็นเจ้าของจากไปต่อหน้าด้วยตาของมัน มันก็ยังอาจจะเข้าใจบ้าง
แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่เพราะสิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้น
มันจึงรู้สึกได้แค่การรอคอยและความโหยหาอันไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อนึกถึงว่าสุนัขอาจเชื่อว่าเจ้าของทอดทิ้งมันไป
ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจเช่นกัน”

พุดดิ้ง หมาของครอบครัวผู้เสียชีวิต 9 คน จากโศกนาฏกรรมเจจูแอร์ ไถลออกรันเวย์
ภาพจาก allkpop

ขอบคุณข้อมูลจาก allkpop