KUBET-ข่าว สาระ บันเทิง วาไรตี้

         คุณนะโม ร้านทองดัง จ.สระบุรี เผยคลิปลูกค้านำทองที่สะสมจากบ่อขยะมาให้เช็ก งานนี้ลุ้นจะมีทองจริงบ้างไหม เห็นราคาแล้วถึงกับยิ้มออกเลย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

          วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 คุณนะโม เจ้าของร้านทอง นะโมบ้านช่างทองเพชรทอง & จิวเวลรี่ ที่บ้านท่าลาน ต.เริงราง อ.เส้าไห้ จ.สระบุรี ลงคลิปผ่านเพจเฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่ หลังได้เจอกับลูกค้าที่น่าสนใจ ซึ่งบอกว่าเก็บสะสมทองมาจากกองขยะ จึงอยากให้ช่วยตรวจสอบว่าจะสามารถขายเป็นทองคำได้ราคาเท่าไหร่

          ลูกค้าเผยว่า รู้จักคุณนะโม ผ่านรายการโหนกระแส ส่วนทองที่นำมานี้ไม่เคยนำไปให้ร้านอื่นตรวจสอบมาก่อนเลย เพราะไม่มั่นใจว่าเป็นของจริงไหม ทองนี้เก็บได้มาทั้งหมดจากพี่ชายที่ทำงานอยู่ที่บ่อขยะ ที่ผ่านมาก็นำไปขายแบบทองเหลือง แต่ในใจก็นึกว่าอาจจะมีทองคำที่นำไปหล่อพระได้ จึงเก็บสะสมมาและนำมาให้ตรวจเช็ก เชื่อว่าคงจะมีทองบ้างเป็นค่าน้ำมันรถกลับ จ.ลพบุรี นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่คล้ายทำจากแร่เงินมาให้ตรวจสอบด้วย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

          คุณนะโม เริ่มจากใช้ประสบการณ์ลองคัดเลือกส่วนที่น่าจะเป็นทองจริงด้วยตาเปล่าประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะเป็นทองเหลืองงานชุบ ก่อนจะคัดมาเหลือชุดหนึ่งที่อาจจะมีทองนำไปทดสอบด้วยการเอกซเรย์ และพบว่ามีทองคำจริง ๆ จากนั้นจึงแยกทองไปหลอมเพื่อให้ได้น้ำหนักทองที่แท้จริง

          โดยลูกค้าเปิดใจว่า ตอนหอบทองเหล่านี้มาคิดว่าน่าจะได้สัก 1,000-2,000 บาท โดยสรุปแล้วคุณนะโมนำทองที่หลอมมาชั่งน้ำหนักและคิดราคาตามเปอร์เซ็นต์ทองให้ลูกค้า เป็นเงิน 19,595 บาท งานนี้ลูกค้าถึงกับยิ้มออกเลยทีเดียว ยอมรับว่าคุ้มค่ามากจริง ๆ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

          ด้าน คุณนะโม เล่าเพิ่มเติมในคอมเมนต์ว่า
พี่คนนี้ที่นำของมาให้เราตรวจสอบ พี่ชายเขาทำงานที่บ่อขยะ
เก็บรวบรวมไว้หลายปี และนำมาให้เราตรวจสอบมีทอง (ขายได้เพียงเล็กน้อย )
เป็นเรื่องปกติที่ผมเจอประจำ
เพราะมีคนที่ทำอาชีพเก็บของเก่าเจอของลักษณะแบบนี้บ่อยมาก
ส่วนคนที่มาคอมเมนต์ว่าสร้างคอนเทนต์ให้ดูให้จบคลิปนะครับ (เจตนาเขา)
ขอให้มีทองบ้าง พี่ชายเขาเก็บมานาน คนเขาเก็บของเก่าย่อมมีความหวัง
ไม่มีใครหรอกครับที่จะมาทำละคร หรือคอนเทนต์หลอกคนดู
เพราะผมก็ไม่ได้มีรายได้จากการทำคอนเทนต์

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

ภาพจาก AFP PHOTO / BOLIVIAN POLICE

          สื่อท้องถิ่นเผยว่า ผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 15 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็ก 3 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาลบาลแล้ว โดยมีหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัส และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่ามีผู้โดยสารจำนวนทั้งหมดกี่คนที่อยู่บนรถบัสดังกล่าว  

          อนึ่ง โบลิเวียขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีถนนค่อนข้างอันตราย โดยเฉพาะในพื้นที่ภูเขา ซึ่งจุดเกิดเหตุนั้นพบว่าเป็นถนนเชื่อมระหว่าง 2 เมือง มีลักษณะเป็นถนนแคบ ๆ ที่รถวิ่งสวนกัน ลัดเลาะไปตามเหวเหวลึก เชื่อว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เลวร้ายที่สุดของประเทศแถบอเมริกาใต้ของปีนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก BBC

          คำตอบชาวเน็ต เพียงแค่คอมเมนต์แรกก็ตอบได้จบทุกอย่างว่า มันเป็นสติ๊กเกอร์กันรอย แกะได้เลย ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น จุดประสงค์ของการติดคือ แปะให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ อยู่กับที่ ไม่ขยับหรือหลุด

            หลังจากภาพนี้ถูกเผยแพร่ไป ปรากฏว่ามีผู้ใช้โซเชียลจำนวนมากร่วมกันหาคำตอบ โดยความเห็นที่ถูกมองว่าเป็นไปได้มากที่สุดคือ อาจจะเกิดจากแคลเซียมที่สร้างเปลือกไข่ผิดปกติ แต่ปกติจะเห็นลักษณะนี้อยู่ที่เปลือกด้านนอก ซึ่งการเจอด้านในแบบนี้ถือเป็นอะไรที่พบเห็นยากไม่น้อย

            ทั้งนี้ แม้จากหลาย ๆ คำตอบจะพบว่าดูจะไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมจากปัจจัยอื่น แต่หลายคนเห็นแล้วต่างยอมรับว่า หากเจอแบบนี้คงไม่กล้ากินต่อเช่นกัน พร้อมกับแนะนำให้ทิ้งไป เป็นต้น

          พ่อแม่เจอคุก หลังให้ลูกอดอาหารจนแคระแกรน ตัวจิ๋ว ซ้ำปลอมสูติบัตร ปลอมอายุให้สมกับรูปร่าง อึ้งอายุจริง 17 แต่หนักแค่ 27 กก. พ่อแม่อ้าง ลูกกินยากเอง

ภาพจาก District Court of Western Australia

          วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า พ่อแม่ของนักบัลเลย์สาววัย 17 ปี ถูกศาลในออสเตรเลียตัดสินจำคุก ในข้อหาเกี่ยวกับการละเลยลูกของตัวเอง หลังพบว่าพวกเขาให้ลูกสาวอยู่ในสภาพอดอาหาร จนร่างกายแคระแกรน มีน้ำหนักเพียง 27 กิโลกรัม แถมยังปลอมแปลงสูติบัตรของลูกเพื่อปิดบังอายุที่แท้จริง หลอกว่าเธอยังเป็นเด็กในอายุที่ดูเหมาะสมกับรูปร่างภายนอก

          การตัดสินโทษดังกล่าวมีขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ในศาลแขวงเวสเทิร์นออสเตรเลีย ที่เมืองเพิร์ธ โดยมีรายงานว่าพ่อแม่คู่นี้ ปล่อยให้ลูกสาวขาดสารอาหารจนมีสภาพร่างกายย่ำแย่ ไม่เพียงแค่รูปร่างแคระแกรน เธอยังมีเส้นผมเประบาง ผิวหนังแห้งเป็นขุย ภาวะขาดสารอาหารของเธอรุนแรงจนเสี่ยงต่อหัวใจหยุดเต้น หรือแม้แต่ความตาย

ภาพจาก District Court of Western Australia

          ลูกสาวซึ่งขณะนี้อายุ 20 ปีแล้ว ถูกเลี้ยงดูมาภายใต้ปีกของพ่อแม่
โดยเธอได้รับการศึกษาที่บ้านจากแม่
และมีโอกาสเข้าสังคมเฉพาะตอนไปเรียนเต้นเท่านั้น
แม้ร่างกายของเธอจะมีพัฒนาการไม่เหมาะสม
แต่พ่อแม่ยังคงโอ๋ลูกสาวจนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
และปล่อยให้เธอเสพสื่อสำหรับเด็กเล็กเท่านั้น

         
อย่างไรก็ตาม พ่อและแม่เด็กต่างอ้างว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นผลจากการที่ลูกสาวเลือกจะเป็นวีแกน
และยังเป็นเด็กที่กินยากมาก พร้อมย้ำว่าลูกสาวได้กินครบ 3
มื้อและของว่างในทุก ๆ วัน

          ด้านผู้พิพากษา ลินดา แบล็ก
กล่าวว่า เรื่องที่พ่อแม่รักลูกสาวนั้นเป็นสิ่งที่เห็นชัดเจน
แต่พวกเขายังควรถูกกล่าวโทษที่พยายามทำให้ลูก
เป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยมานานเกินไป
นี่ไม่ใช่กรณีของนักบัลเลต์ที่ขาดสารอาหาร แต่พ่อแม่เป็นคนแยกลูกสาวออกมา
ขัดขวางเธอจากการเติบโต ขวางลูกจากพัฒนาการที่ควรจะเป็น
ยังเก็บลูกสาวให้เป็นเด็กหญิงตัวน้อย ๆ นานเกินกว่าที่อายุของเธอควรจะเป็น

          และนั่นศาลจึงพิพากษาให้พ่อแม่คู่นี้รับโทษจำคุก โดยผู้เป็นพ่อมีโทษจำคุก 6 ปี 6 เดือน และผู้เป็นแม่มีโทษจำคุก 5 ปี
 
         
ทางด้าน โอลิเวอร์ แพกซ์แมน ทนายความของพ่อเด็ก เผยกับซีเอ็นเอ็นว่า
ลูกความของเขาไม่ได้ทำให้ลูกอดอาหารเลย เขาไม่เคยกีดกันอาหารจากเธอ
เขาก็แค่รักและตามใจลูกสาว เธอมีอิสระที่จะกินได้เท่าที่ต้องการ
คดีนี้จึงควรเป็นเรื่องเกี่ยวกับโภชนาการที่ไม่เพียงพอจากการกินอาหารแบบวีแกนมากกว่า


          “พ่อแม่ทุกคนบนโลกต่างก็รู้ดี ว่าถ้าไม่ให้ลูกกินอาหารอย่างเพียงพอ พวกเขาก็จะอดอยาก แต่ถ้าลูกเลือกจะเป็นวีแกนเองล่ะ” ทนายถาม
 
         
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้พิพากษาปฏิเสธไม่เชื่อคำกล่าวอ้างของคู่สามีภรรยา
ที่พยายามโกหกเรื่องอายุของลูกมาหลายครั้ง เพื่อจะปกปิดความจริงที่ว่า
ลูกสาวของพวกเขาอยู่ในสภาพขาดสารอาหารอย่างรุนแรง โดยผู้พิพากษากล่าวว่า

         
“ดูเหมือนทุกคนบนโลกที่ได้มีโอกาสคุยกับเธอ
ล้วนเข้าใจว่าเธอขาดสารอาหารรุนแรง ยกเว้นคน 2 คนที่อ้างว่ารักเธอ
ฉันไม่ยอมรับเรื่องที่คุณมองไม่เห็นมัน
และไม่ยอมรับเรื่องที่พวกคุณไม่สังเกตเห็น”
 

ภาพจาก District Court of Western Australia

         
ทั้งนี้ พบว่านักบัลเลต์หญิงต้องเข้าโรงพยาบาลตอนอายุ 17 ปี
แต่เธอมีสภาพผอมแห้งและมีค่าดัชนีมวลกายเพียง 12.5 เท่านั้น
ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ปกติที่ควรอยู่ระหว่าง 18-25 แพทย์ระบุว่าเธอผอมแห้งมาก
มีไขมันในร่างกายเพียงเล็กน้อย ตัวซีด ไม่แสดงสัญญาณของวัยแรกรุ่น
เส้มผมเปราะและบาง ผิวหนังแห้งและเป็นขุ่น หัวใจเต้นเร็ว
ตอนนั้นแพทย์แจ้งว่าจำเป็นต้องทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้เธอ
แต่พ่อแม่เด็กกลับปฏิเสธ

          ผู้พิพากษาชี้ว่า
ในจุดหนึ่งพ่อแม่ยังปฏิเสธคำสั่งโดยแพทย์
ที่ให้ใส่ท่อทางจมูกเพื่อป้อนอาหารแก่ลูกสาวด้วย
ทำให้เจ้าหน้าที่ทางการต้องเข้ามาแทรกแซง และนำตัวลูกสาวมาอยู่ในความดูแล  

         
“ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลยที่พ่อแม่อยากเกาะติดลูก
ลังเลที่จะปล่อยพวกเขาไปและกลายเป็นผู้ใหญ่ ไม่มีอะไรผิดปกติเลยสักนิด
แต่สิ่งที่ผิดเกิดขึ้น เมื่อพ่อแม่ขัดขวางลูกจากการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ
ตามกระบวนการตามธรรมชาติ หนึ่งในความล้มเหลวใหญ่ที่สุดของพวกคุณ
คือการเชื่อว่าคุณควรให้ในสิ่งที่ลูกอยากได้
แต่กลับไม่ยอมให้ในสิ่งที่ลูกจำเป็นต้องได้” ผู้พิพากษา กล่าวระหว่างการพิจารณาคดี

         
ทั้งนี้ พ่อเด็กยอมรับผิดแค่เรื่องปลอมแปลงสูติบัตรของลูก
แต่เขากับภรรยายังปฏิเสธข้อหาอื่น ๆ ที่เหลือ ซึ่งผู้พิพากษามองว่า
ในเมื่อพวกเขาไม่แสดงท่าทีสำนึกผิด ไม่ยอมรับต่อความรับผิดชอบใด ๆ
ไม่แสดงความเข้าใจใด ๆ ต่อเรื่องนี้
เธอก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่จำคุกพวกเขาเช่นกัน
 
         
อย่างไรก็ตาม แม้ศาลจะตัดสินโทษพ่อแม่ที่ละเลยลูกสาว
แต่ฝั่งลูกสาวยังแสดงท่าทีเข้าข้างพ่อแม่ และทำเป็นจดหมายร้องถึงผู้พากษา
ให้ยุติการฟ้องคดีนี้ โดยระบุว่า “ฉันต้องพึ่งพาพ่อแม่โดยสมบูรณ์
ค่าครองชีพทั้งหมดของฉัน พ่อแม่เป็นคนจ่าย รวมถึงเสื้อผ้า อาหาร
เงินที่ฉันต้องการ ค่าเรียนมหาวิทยาลัย ฉันรักพ่อแม่มาก
พวกเขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน ถ้าพ่อแม่ฉันเข้าคุก
ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะรับไหว”
 

ขอบคุณข้อมูลจาก New York Post

          ถึงแม้ว่า ทางรีสอร์ตจะแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการเอาฟิล์มมาติดด้านในกระจก เพื่อไม่ให้คนข้างนอกมองเห็นง่าย ๆ แต่สุดท้ายก็รู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ดี ขอให้คะแนน 1 เต็ม 10

          ยิ่งไปกว่านั้น ด้านนอกของรีสอร์ตคือจุดที่คนเดินผ่าน ถ้ามีใครเดินระหว่างอาบน้ำ ต่อให้มีฟิล์มยังไงก็เห็น ทำห้องน้ำแบบนี้ ใช้อะไรคิด

ภาพจาก TikTok @pattarin.shop

          วิจารณ์สนั่น คนขับรถหรูนิสัยแย่ จอดขวางป้ายรถเมล์ คนเข้าไปเตือนเจอด่ากราด โบกเงินปึกสะบัดใส่แบบคนรวย ๆ 

ภาพจาก เฟซบุ๊ก 車cam L（香港群組）

          วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์ Hk01 เผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้มีคลิปวิดีโอถูกแชร์บนโซเชียลมีเดีย และถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อมีเจ้าของรถหรู Tesla คันหนึ่งในฮ่องกง ขับรถผิดกฎหมาย จอดค้างอยู่ที่บริเวณป้ายรถเมล์อย่างไม่สนใจ กระทั่งมีพลเมืองดีทนไม่ไหวเข้าไปตักเตือน แต่กลับเจอด่าสวน ไม่พอในมือของเขายังถือเงินจำนวนมากโชว์สะบัดใส่ราวกับว่ากำลังอวดเบ่งความรวย

          รายงานเผยว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวมีความยาวประมาณ 15 วินาที ถูกโพสต์ลงบนแพลตฟอร์ม Threads ก่อนที่ถูกนำมาแชร์ต่อทางกลุ่มเฟซบุ๊กชุมชนในฮ่องกง โดยคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่า รถยนต์ Tesla สีดำคันหนึ่งได้จอดอยู่ที่ป้ายรถเมล์ตรงข้ามโรงแรม Peninsula บนถนนในย่านจิมซาจุ่ย ขวางทางรถโดยสารและรถบัสท่องเที่ยวจนได้รับความเดือดร้อนไปตามกัน และทำให้การจราจรในบริเวณนั้นติดขัด

ภาพจาก เฟซบุ๊ก 車cam L（香港群組）

          ทางผู้ที่ถ่ายคลิปวิดีโอได้เดินเข้าไปเตือนเจ้าของรถ Tesla ด้วยน้ำเสียงดี ๆ แต่กลับเจอชายที่อยู่ในรถแสดงความไม่พอใจใส่ทั้งสีหน้าและท่าทางโกรธจัด ในมือของเขาเหมือนว่ากำลังนับธนบัตรอยู่จำนวนมาก เขาด่าอย่างหยาบคายใส่คนที่เข้าไปว่า “โอ้โง่ ไอ้สารเลว แกคิดว่าตัวเองเป็นตำรวจหรือไงถึงได้มาพูดแบบนี้” ในขณะเดียวกันก็ทำท่าชูเงินในมือโบกไป-มาและชี้หน้าด้วย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก 車cam L（香港群組）

ภาพจาก เฟซบุ๊ก 車cam L（香港群組）

          หลังจากคลิปวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง
ก็สร้างความโกรธแค้นให้กับผู้คนจำนวนมาก ชาวเน็ตพากันเข้าไปกระหน่ำคอมเมนต์
วิจารณ์พฤติกรรมที่มักง่ายและผิดกฎหมายโดยตำหนิว่า
แม้ว่าจะขับรถหรูราคาแพงและมีเงินจำนวนมากแต่ก็ไม่สามารถซื้อมารยาทและจิตสำนึกของคนได้


          “ขับรถผิดกฎหมาย คุณจะถูกปรับยังไงก็ได้ เพราะมีเงินเยอะ”

          “มีรถรถหรู มีเงินมากมาย แต่ไม่มีจิตสำนึก และทำผิดกฎหมาย”

          “รถราคาสูง แต่มารยาทต่ำ”

          “คนมีเงินมากมาย ค่าปรับจอดรถผิดกฎหมายเพียงไม่เท่าไหร่ คงเป็นเพียงกระดาษเปล่าสำหรับพวกเขา”

         
ทั้งนี้ ตามกฎหมายจราจรทางถนนของฮ่องกง ระบุว่า
ห้ามรถยนต์ส่วนตัวหยุดรับ-ส่งผู้โดยสารหรือสินค้าที่ป้ายรถประจำทาง
ป้ายรถประจำทางสาธารณะ หรือจุดจอดรถแท็กซี่
การจอดรถโดยไม่ได้รับอนุญาตที่บริเวณดังกล่าว จะมีโทษปรับไม่เกิน 400
ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 1,730 บาท)

ขอบคุณข้อมูลจาก Hk01

          จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปลงกลุ่ม ข่าวด่วน สระบุรี V2 พร้อมข้อความ “น้องมาแลกเงินที่ห้างเพชรทองสระบุรี ของนายกเบ แลกเงิน 5,000 บาท ทางร้านกำลังยุ่งติดลูกค้า ส่งเงินให้แลกเกินไป 30,000 กว่าบาท เพราะมองปึกละหมื่น เป็นปึกละพัน น้องนำเงินมาคืนในวันรุ่งขึ้น ทางร้านนายกเบมอบรางวัลเป็นกำลังใจให้น้องทำความดีต่อไปค่ะ..ขอปรบมือดัง ๆ ให้น้องค่ะ”

          ต่อมา (18 กุมภาพันธ์ 2568) โหนกระแส รายงานว่า ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง ร้านเพชรทองเยาวราช ถ.สุดบรรทัด ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี สอบถามเจ้าของร้าน เล่าว่า วันนั้นทางร้านกำลังยุ่ง ๆ มีนักเรียนหญิง 2 คนมาที่ร้าน เพื่อขอแลกเงิน 5,000 บาท ทางร้านก็ไปหยิบเงินปึกละ 10,000 บาท โดยคิดว่าเป็นปึกละ 1,000 บาท ให้ไป และลืมไปแล้ว จนวันรุ่งขึ้นแม่ของนักเรียนได้พาลูกมาที่ร้าน แจ้งว่าวันนั้นมาแลกเงิน 5,000 บาท แต่ทางร้านให้เงินเกินไป เป็น 32,000 บาท  

 
          น.ส.ธีราพร เล่าว่า เงินที่นำไปแลกนั้นเป็นเงินห้องที่เก็บรวบรวมกันมา พวกตนกำลังจะจบการศึกษา จึงต้องนำเงินห้องที่เก็บมาคืนให้กับเพื่อน ๆ แต่เงินที่มีอยู่นั้นเป็นแบงก์พัน จึงนำเงินไปแลกที่ร้านทอง
 
          ต่อมาเพื่อนที่เป็นเหรัญญิกนำกลับไปนับที่บ้านอีกครั้ง ถึงรู้ว่าได้เงินเกินมาจากร้านทอง จึงทักไลน์มาบอกตน แม่จึงพาตนกับเพื่อนนำเงินไปคืนให้ร้านทอง ซึ่งทางร้านก็ได้ขอบคุณและให้เงินมาเป็นสินน้ำใจ
 
          สำหรับสาเหตุที่ตนไม่ได้คืนตั้งแต่ตอนแรก เพราะวันที่ไปแลกเงิน เห็นพนักงานนับเงินมาแล้ว ให้มาเป็นปึก จึงนึกว่าก็ตามนั้น พอกลับบ้านไปนับเงินอีกรอบเลยรู้ว่าเงินเกิน เลยรีบแจ้งแม่ และวันต่อมาก็เอาเงินมาคืนที่ร้าน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Thongjan Kongyuk

ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส