KUBET-ข่าว สาระ บันเทิง วาไรตี้

          โรงละครดังในฝรั่งเศสส่อเจ๊ง หลังเปิดโชว์รอบพิเศษ ต้อนรับผู้อพยพ เจออยู่ยาวไม่ยอมกลับ นานกว่า 5 สัปดาห์ แถมมาเพิ่มเรื่อย ๆ

ภาพจาก X @realMaalouf

          โรงละครแห่งนี้ได้จัดงานโชว์สัมมนาหัวข้อ
พลิกโฉมการต้อนรับผู้ลี้ภัยในฝรั่งเศส (Reinventing the welcome for
refugees in France) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา
มีการบรรยายโดยนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำและเจ้าหน้าที่หน่วยกาชาด
รวมทั้งนักเคลื่อนไหวที่ให้การสนับสนุนและต้อนรับผู้อพยพ
ทว่าหลังจากที่โชว์จบลง
ผู้อพยพที่เข้ามาร่วมรับชมกลับปฏิเสธไม่ยอมออกจากสถานที่

ภาพจาก X @realMaalouf

          รายงานเผยว่า

ผู้อพยพที่เข้ามาอยู่ในโรงละครแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพมาจากแอฟริกาตะวันตก
ดินแดนอาณานิคมซึ่งเคยถูกยึดครองโดยฝรั่งเศส
ฝ่ายบริหารโรงละครเปิดเผยในแถลงการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า
จำนวนคนที่อยู่ในโรงละครยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และพุ่งสูงถึงประมาณ 300 คนแล้ว
พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานท้องถิ่นช่วยจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับพวกเขา

          “ปัญหาด้านสุขอนามัยย่ำแย่ลงทุกวัน
และทีมงานต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้เพียงลำพัง
แม้ว่าพวกเขาจะเข้ามายึดครองอย่างไม่ถูกต้อง
แต่เราไม่อยากที่จะโยนคนเหล่านี้ออกไปบนถนนในช่วงกลางฤดูหนาว” แถลงการณ์ระบุ

ภาพจาก X @wildstyIes_

ภาพจาก X @wildstyIes_

          ไม่เพียงแค่โรงละครดังกล่าว
แต่ธุรกิจท้องถิ่นที่อยู่ในบริเวณนั้นก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
ร้านอาหารขนาดเล็กแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับโรงละคร
และร้านยอดนิยมของผู้มาเข้าชมการแสดงที่นี่
ต้องเผชิญกับการสูญเสียรายได้ไปแล้วกว่า 30,000 ยูโร (ราว 1 ล้านบาท)

          ทางด้านสภาที่นำโดยกลุ่มสังคมนิยมของปารีส
ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารดังกล่าว กล่าวว่า
ทางสภาได้พยายามหาที่พักให้กับผู้อพยพแล้ว แต่ไม่มีที่พักว่าง
พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาจัดการปัญหา
แต่ทางคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส
ถูกกล่าวหาว่าเพิกเฉยต่อคำร้อง
และไม่เต็มใจที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหานี้

ขอบคุณข้อมูลจาก Daily Mail

          เปิดสภาพเหรียญโอลิมปิก ปารีส หลังจบเกมไม่ถึงครึ่งปี อึ้งสภาพชำรุด สีลอก นักกีฬาส่งคืนเป็น 100 เหรียญ ปวดใจเหรียญรางวัลเสียหาย ทาง IOC ยันเร่งเปลี่ยนให้

ภาพจาก Instagram clem_secchi

          วันที่ 13 มกราคม 2568 สำนักข่าว AFP รายงานข้อมูลจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ที่ออกมายอมรับว่ามีเหรียญรางวัลโอลิมปิกชำรุด หลังเสร็จสิ้นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 ซึ่งทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 กำลังทำงานร่วมกับโรงกษาปณ์แห่งฝรั่งเศส (Monnaie de Paris) ซึ่งเป็นสถาบันที่ผลิตและควบคุมคุณภาพเหรียญรางวัล เพื่อประเมินข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเหรียญรางวัลที่ชำรุด โดยจะมีการทำความเข้าใจและหาสาเหตุต่อไป

          สำหรับเหรียญที่ชำรุด ทาง Monnaie de Paris จะทำการเปลี่ยนใหม่ให้อย่างเป็นระบบ โดยที่เหรียญใหม่จะมีการแกะสลักเหมือนเหรียญเดิมทุกประการ ทั้งนี้ กระบวนการเปลี่ยนเหรียญรางวัลควรจะเริ่มในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ภาพจาก X @yohann_2911

          โฆษก IOC ระบุว่า เราได้เปลี่ยนเหรียญรางวัลที่เสียหายทั้งหมดตั้งแต่เดือนสิงหาคม และเราจะยังดำเนินการต่ออย่างเป็นมืออาชีพเช่นเดิม ทั้งนี้ กระบวนการเปลี่ยนเหรียญรางวัลอยู่ระหว่างดำเนินการ และเป็นไปตามคำร้องขอที่ส่งเข้ามา

          ข้อมูลจากสื่อฝรั่งเศสอย่าง La Lettre ระบุว่า มีนักกีฬาที่ไม่พอใจส่งคืนเหรียญรางวัลที่มีตำหนิกลับมามากกว่า 100 เหรียญแล้ว หลังพบว่าเหรียญรางวัลอันทรงเกียรติของพวกเขาเสื่อมสภาพลง

ภาพจาก X @yohann_2911

          นักกีฬาโอลิมปิกหลาย ๆ คนที่เข้าร่วมการแข่งขันที่ปารีส
ยังแชร์ภาพเหรียญรางวัลโอลิมปิกของตนบนโซเชียลมีเดียด้วย รวมถึง โยฮันน์
เอ็นโดเย บรูอาร์ด นักว่ายน้ำชาวฝรั่งเศส
ที่โพสต์ภาพเหรียญทองแดงของเขาบนโซเชียล ซึ่งดูเหมือนมันจะเสื่อมสภาพและสีเปลี่ยนไปพอสมควร

          เรเบกา
อันดราเด นักยิมนาสติกชาวบราซิล
ก็ระบุว่า สภาพของเหรียญรางวัลทำให้เธอเศร้า
เพราะรู้สึกว่าไม่สามารถคล้องเหรียญเหล่านี้รวมกันบนคอได้
เพราะมันจะเกิดรอยขีดข่วน

          ทั้งนี้
สำหรับเหรียญรางวัลที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อโอลิมปิก ปารีส 2024
ได้รับการออกแบบโดยบริษัทเครื่องประดับและนาฬิกาหรู Chaumet และผลิตโดย
Monnaie de Paris เหรียญรางวัลแต่ละเหรียญจะมีชิ้นส่วนเล็ก ๆ
ของหอไอเฟลอยู่ภายใน
โดยนำมาจากคลังสินค้าของบริษัทที่ดำเนินการอนุสรณ์สถานปารีส

ภาพจาก X @yohann_2911

ขอบคุณข้อมูลจาก AFP, Ladbible

 
           สั่งพัสดุเก็บเงินปลายทาง เจอเขียนด่า สั่งจัง แต่ตังไม่โอนโง่ ทำเอาคนส่งเครียดหน้าแห้ง บอก ไม่ได้เป็นคนเขียน จนสุดท้ายคนโพสต์ต้องออกมาชี้แจง ไม่ได้มีพฤติกรรมแบบนั้นจริง ๆ

         
ด้านชาวเน็ตเข้ามาถกเถียงกันเป็นวงกว้าง มองว่า
ในมุมขนส่งอาจจะเจอเรื่องราวที่ไม่ค่อยดี เช่น ลูกค้าเลือกเก็บเงินปลายทาง
แต่ของมาถึงกลับไม่มีจ่าย หรือไม่ก็จ่ายช้าเป็นชั่วโมง กว่าจะโอนได้
ยิ่งทำงานช้า คนส่งพัสดุยิ่งเดือดร้อน สุดท้ายมาระบายกับตัวสินค้า
ถึงแม้เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ก็ต้องเข้าใจเขาด้วย

          บางคนมองว่า เจ้าของพัสดุอาจจะทำให้ขนส่งไม่พอใจ และเข้าข่ายมีพฤติกรรมอย่างที่ถูกต่อว่าจริง ๆ จึงถูกเขียนมาแบบนี้

         
ต่อมา เจ้าของพัสดุ โพสต์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ขอชี้แจงเรื่องทั้งหมด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาจากไปรษณีย์มาส่งที่บ้านแบบเก็บเงินปลายทาง
และมีข้อความอย่างว่าตามที่โพสต์ไป อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่า
ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาเขียนหน้าซอง
ทุกครั้งที่ซื้อของออนไลน์ในรูปแบบเก็บเงินปลายทาง
ไม่มีครั้งไหนที่ไม่เคยไม่ชำระค่าสินค้า

             สืบ ตม.1 แท็กทีม สน.คลองตัน บุกตรวจร้านทำผมชื่อดังถนนสุขุมวิท รวบผีน้อยเกาหลี 4 ราย ถือวีซ่าท่องเที่ยวแอบตัดผมฉ่ำ แจ้งข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาค

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Immigration Bureau

             เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปยังร้านทำผมดังกล่าว
พบลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติกำลังรับบริการตัดแต่งและจัดทรงผมจำนวนมาก
มีลูกค้าบางส่วนยังคงเข้าคิวรอรับบริการ
มีช่างผมทั้งชาวไทยและช่างที่มีลักษณะรูปพรรณคล้ายชาวต่างชาติเอเชียตะวันออกอีกหลายราย
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และเจ้าพนักงานตาม
พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ
ขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวและใบอนุญาตทำงานของช่างทำผมที่กำลังทำหน้าที่อยู่ทั้งหมด

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Immigration Bureau

             ผลการตรวจสอบพบว่า ช่างทำผมมีสัญชาติเกาหลี 4 คน เป็นชาย 2
และหญิง 2 ดังนามสมมติต่อไปนี้ MR.LEE สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 25 ปี, MR.KIM
สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 30 ปี, MS.JIYOEN สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 25 ปี,
MS.JI HYE สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 24 ปี และยังพบหญิงสัญชาติเมียนมา 1 คน
คือ MS.THIN THIN อายุ 33 ปี

             โดยชาวเกาหลีใต้ทั้ง 4 ราย
เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วยการผ่อนผันการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว
90 วัน ซึ่งจะไม่สามารถทำงานได้ ส่วนชาวเมียนมาอีก 1 รายนั้น
มีใบอนุญาตทำงาน แต่ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกำลังทำผมให้กับลูกค้า
ซึ่งอาชีพการทำผม ตัดผม เสริมสวย เป็นหนึ่งในงานต้องห้ามทำโดยเด็ดขาด
ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Immigration Bureau

             จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ทั้งหมดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาชาวเมียนมาในข้อหา
เป็นบุคคลต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ทำงาน ทำงานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะกระทำได้
ควบคุมตัวส่ง พงส. สน.คลองตัน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

             ทั้งนี้
พล.ต.ต. ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 ให้ข้อมูลว่า
การประกอบอาชีพสงวนที่ต้องห้ามเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
หากถูกจับกุม นอกจากจะมีโทษปรับตามกฎหมายคือตั้งแต่ 5,000-50,000 บาทแล้ว
จะมีผลไปถึงการถูกบันทึกรายชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
และผลักดันออกไปนอกราชอาณาจักร

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Immigration Bureau

             นอกจากนี้ยังขอฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนว่า
สตม. เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่มาตรฐานสากลในการตรวจสอบ กวดขัน
และปราบปรามคนต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย
และทำความผิดอื่น ๆ หากท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.นนทบุรี หรือตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

           สาวเข้าคอร์ส 200 ชม. ฝึกเป็นครูโยคะ อวดความเปลี่ยนแปลงสุดว้าว รูปร่างดีขึ้นใน 1 เดือน แม้แอบเสียดายมีบางอย่างหดเล็กลง

ภาพจาก Instagram goodalicia

           วันที่ 15 มกราคม 2568 เว็บไซต์เน็กซ์แอปเปิล รายงานว่า อาหลีซาซา ยูทูบเบอร์สาวคนดังจากไต้หวัน เรียกเสียงฮือฮาหนักหลังออกมาเปิดคลิป เผยผลที่ได้รับจากการเข้าคอร์สฝึกเป็นครูโยคะ 200 ชั่วโมง ที่ประเทศเนปาล ซึ่งไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแนวทางการฝึกโยคะของเธอ แต่ยังมีอีกสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด คือสัดส่วนรูปร่างที่ดีขึ้นอย่างมาก

           รายงานเผยว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2567 อาหลีซาซา เพิ่งได้รับใบประกาศรับรองการเป็นครูสอนโยคะจากเนปาล ก่อนที่จะปล่อยคลิปการเดินทางครั้งนี้ของเธอมาให้แฟน ๆ ได้ติดตามกันในเวลาต่อมา ซึ่งช่วงต้นคลิปยูทูบเบอร์สาวเล่าว่า เธอกำลังจะเดินทางไปเข้าคอร์สฝึกการเป็นครูโยคะ 200 ชั่วโมง ที่แนปาล คอร์สดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน พร้อมถอดเสื้อผ้าโชว์สัดส่วนของตัวเองก่อนเดินทางไปให้แฟน ๆ ได้เห็นว่าหน้าท้องของเธอนั้นไม่แบนราบ ช่วงเอวไม่ได้เพรียวบาง รวมถึงบั้นท้ายแบน

ภาพจาก YouTube 愛莉莎莎 Alisasa

           อย่างไรก็ตาม หลังจบคอร์ส 1 เดือนนี้ อาหลีซาซาก็ได้เล่าความแตกต่างที่ค้นพบ โดยบอกว่าเธอเรียนโยคะที่ไต้หวันมาหลายปีมาก ๆ เรียกว่าเข้าเรียนแทบทุกสถาบันที่เปิดสอนแล้ว แต่หลังจากเดินทางไปเรียนโยคะที่ออสเตรเลีย เนปาล หรือแม้แต่ในไทย กลับมีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยเฉพาะที่เนปาลซึ่งเป็นคนละระบบกับไต้หวันอย่างสิ้นเชิง

           ในขณะที่โยคะของเนปาลเป็นการรวมของเก่าและใหม่
ผสมผสานสมาธิและการหายใจ รักษาสมดุลของกายใจ
แต่โยคะในไต้หวันมีความเป็นตะวันตกมากกว่า
เน้นไปในการยืดเหยียดและออกกำลังกาย หลังจากเธอได้เรียนโยคะที่เนปาลก็พบว่าท่าทางโยคะที่เคยเรียนมาในไต้หวันนั้นผิดไปทั้งหมด

ภาพจาก YouTube 愛莉莎莎 Alisasa

           ตอนนี้เธอยังเกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจ
โดยเฉพาะในส่วนของรูปร่าง ที่สัดส่วนโค้งเว้าของเธอดูดีขึ้นมาก เอวบางลง
บั้นท้ายแบน ๆ ยกกระชับ มีส่วนโค้งที่ดูงดงาม
รูปขาที่เคยโก่งจนเป็นกังวลตอนถ่ายรูปก็หายไป
ตอนนี้ขาของเธอเหยียดตรงขึ้นแล้ว
แต่เพียงสิ่งเดียวที่หายไปหลังการฝึกโยคะครั้งนี้ก็คือ หน้าอกที่เล็กลง

           อาหลีซาซา
ชี้ว่า เดิมเธอมีหน้าอกคัพ C แต่หลังจบคอร์สโยคะ 200 ชั่วโมง
กลับเหลือเพียงคัพ A-B เท่านั้น อย่างไรก็ตาม
การที่หน้าอกเล็กลงนั้นเธอไม่ได้มองว่าเกิดจากการเล่นโยคะ
แต่น่าจะเป็นเพราะเธอสวมสปอร์ตบราไว้ทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
ทำให้หน้าอกถูกบีบรัดตลอดเวลา โดยเธอยังแนะนำคนอื่น ๆ
ให้สวมสปอร์ตบราเฉพาะตอนออกกำลังกายเท่านั้น

ภาพจาก Instagram goodalicia

ภาพจาก YouTube 愛莉莎莎 Alisasa

ภาพจาก YouTube 愛莉莎莎 Alisasa

ภาพจาก YouTube 愛莉莎莎 Alisasa

ภาพจาก YouTube 愛莉莎莎 Alisasa

ภาพจาก Instagram goodalicia

ภาพจาก Instagram goodalicia

 
ขอบคุณข้อมูลจาก Next Apple

 
            ลูกค้าสะพรึง สัตว์ขนยาวแอบในซูเปอร์มาร์เกต ตำรวจช่วยดึงหางออกมา เห็นตัวจริงไม่ใช่หนูยักษ์ ไม่ใช่สุนัข สุดช็อกมาจากไหน

ภาพจาก X @EddieBarstool

             โดยจากคลิปวิดีโอดังกล่าวจะเห็นว่า
สัตว์ตัวนี้มีขนาดตัวใหญ่ราวสุนัข มีขนยาวและมีหางยาว
หลายคนที่ได้เห็นคลิปวิดีโอต่างพากันประหลาดใจไปตามกัน
สงสัยว่ามันคือตัวอะไร และเข้าไปอยู่ตรงบริเวณนั้นได้อย่างไร
บ้างก็คาดเดาว่ามันน่าจะเป็นตัวพอสซัม หรือแรคคูน
ซึ่งปรากฏว่ามันไม่ใช่สัตว์ทั้ง 2 ชนิดนี้
แต่เป็นตัวอื่นที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่านั้น

ภาพจาก X @EddieBarstool

             รายงานของเว็บไซต์ซีบีเอสนิวส์
เผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ซูเปอร์มาร์เกต Aldi ในย่านฮัมโบลดต์พาร์ก
เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐฯ เวลาประมาณ 09.45 น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า “มีสัตว์ป่าบุกรุก”
จึงได้รีบเดินทางไปช่วยเหลือ โดยพบว่ามันอยู่ในแผนกผลไม้
ทางเจ้าหน้าที่ไล่ต้อนจนมันจนมุม
เข้าไปซ่อนตัวอยู่หลังชั้นวางสินค้าที่เป็นตู้เย็น

             จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ดึงตัวมันออกมา
โดยใช้ความพยายามอยู่หลายครั้ง เนื่องจากมันหวาดกลัวและดิ้น
ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปซ่อนตัวที่เดิม กระทั่งท้ายที่สุด
เจ้าหน้าที่สามารถดึงหางและพาตัวของมันออกมาได้สำเร็จ
ซึ่งในขณะนั้นมีลูกค้าหลายรายที่เข้าไปซื้อของ
ต่างมองดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจ

ภาพจาก X @EddieBarstool

             ความจริงเปิดเผยว่า
สัตว์ป่าบุกรุกตัวนี้คือหมาป่าโคโยตี
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งไปยังศูนย์ดูแลและควบคุมสัตว์ของชิคาโกให้เข้ามาจัดการต่อ
จากนั้นได้ส่งต่อให้หน่วยงานฟื้นฟูสัตว์ป่าฟลินต์ครีก โดยเบื้องต้นพบว่า
หมาป่าตัวนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แต่หลังจากนี้จะทำการประเมินความเหมาะสม
ก่อนที่จะปล่อยมันกลับคืนสู่ธรรมชาติต่อไป

             โชคดีที่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดจ็บ
รายงานระบุว่า ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมของทุกปี
เป็นฤดูผสมพันธุ์ของหมาป่าโคโยตี 
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีคำเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมัน
และหากมีเหตุให้เผชิญหน้ากับมันให้ตั้งสติควบคุมอารมณ์ ค่อย ๆ ถอยหลังช้า ๆ
และอย่าวิ่งหนี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Flint Creek Wildlife Rehabilitation

ขอบคุณข้อมูลจาก Mirror Media, CBS News 

          หมอช้าง ทำนายทายทัก 2 ราศี ดวงการงานชวนปวดหัว เตรียมตัวรับมือความวุ่นวายตั้งแต่ต้นปี ทั้งเรื่อง “คน” และหน้าที่ความรับผิดชอบ

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          เปิดศักราชใหม่พร้อมกับดวงชะตาใหม่ โดยในปีนี้หมอดูชื่อดังหลายท่านต่างพยากรณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า ดวงปี 2568 จะมีการย้ายของดาวใหญ่ครั้งสำคัญที่จะส่งผลกับทั้ง 12 ราศี แต่ก่อนจะถึงอีเวนต์ดาวย้าย หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา ก็ได้มาอัปเดต ดวงการงาน ในช่วงต้นปี พบว่า มี 2 ราศีที่ “งานเข้า” เตรียมตัวรับมือกับความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น ได้แก่

ราศีเมถุน (15 มิ.ย. – 16 ก.ค.)

          มีเรื่องต้องวุ่นวายที่เกี่ยวกับ “คน” ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนร่วมงาน ผู้ใหญ่ ลูกค้า เจ้านาย ลูกน้อง ชวนปวดหัวกันตั้งแต่เริ่มต้นปี  
 

ราศีตุลย์ (18 ต.ค. – 16 พ.ย.)

          มีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่ถาโถมมาแบบพร้อม ๆ กัน ในแบบที่ไม่ถามความพร้อมเรา

ภาพจาก เฟซบุ๊ก หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา

          มหาเศรษฐีแสนล้าน อดีตเคยจนหนัก กลับบ้านเกิดไปแจกเงิน คนละครึ่งแสน เผยเหตุผลที่ต้องตอบแทน จำไม่เคยลืมถึงทุกวันนี้ 

ภาพจาก Weibo

          วันที่ 13 มกราคม 2568 เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ เผยเรื่องราวของหลิว เชียงตง หรือ ริชาร์ด หลิว (Richard Liu) มหาเศรษฐีนักธุรกิจชาวจีนวัย 50 ปี เมื่อไม่นานมานี้เรื่องราวของเขาได้กลายเป็นไวรัลสร้างความประทับใจให้กับผู้คนเป็นจำนวนมาก เมื่อเขาได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิด พร้อมทั้งนำเงินและสิ่งของไปมอบให้แก่ชาวบ้าน เพื่อเป็นการตอบแทนคุณงามความดีเมื่อครั้งที่เคยช่วยเหลือเขาในอดีตสมัยที่ยากจน

          หลิวและภรรยาได้เดินทางไปที่หมู่บ้านกวงหมิง เมืองซู่เฉียน มณฑลเจียงซู ทางชายฝั่งตะวันออกของจีน โดยได้มอบเงินจำนวน 10,000 หยวน (ราว 47,300 บาท) ให้กับผู้สูงอายุในหมู่บ้านทุกคนที่อายุมากกว่า 60 ปี นอกจากนี้ หลิวยังส่งของต่าง ๆ เช่น อาหาร เสื้อผ้า และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมมูลค่าหลายพันหยวนให้กับแต่ละครอบครัวอีกด้วย

ภาพจาก Weibo

          หลิวและภรรยาเริ่มต้นเดินทางไปให้ของขวัญชาวบ้าน มาตั้งแต่ปี
2559
โดยเหตุผลเบื้องหลังเกิดขึ้นเนื่องจากหลิวรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของพวกเขา
เมื่อย้อนกลับไปในปี 2535 ครอบครัวของเขายากจนมาก
แต่ชาวบ้านที่นั่นได้รวบรวมเงินบริจาคประมาณ 500 หยวน (ราว 2,300 บาท)
และไข่อีก 76 ฟอง เพื่อให้เขาตอนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในกรุงปักกิ่ง

         
หลังจากเรียบจบ ในปี 2541 หลิวเริ่มต้นอาชีพของเขาด้วยการเปิดร้านค้าปลีก
เพื่อจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หลังจากนั้น 6 ปีต่อมา
เขาได้ปิดกิจกรารและหันไปทำธุรกิจไปออนไลน์
กระทั่งได้กลายเป็นผู้ก่อตั้งและประธานของเว็บไซต์ JD.com
อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน

ภาพจาก Weibo

         
ตามรายงานของฟอร์บส์ (Forbes) อ้างอิงข้อมูลปัจจุบัน ริชาร์ด หลิว
มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณ 6,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 226,000 ล้านบาท)
และอยู่ในอันดับที่ 476  ของรายชื่อเศรษฐีโลก

          “ความช่วยเหลือของเพื่อนมนุษย์เป็นจุดเริ่มต้นให้ฉันก้าวไปสู่โลกกว้าง” หลิว กล่าว

ภาพจาก Weibo

         
สำหรับในปีนี้ สื่อท้องถิ่นเผยว่า
หลิวได้เดินทางไปเยี่ยมและให้ของขวัญชาวบ้านในวันที่ 8 มกราคม
ซึ่งในหมู่บ้านดังกล่าวมีชาวบ้านทั้งหมดราว 1,400 ครัวเรือน
ชาวบ้านต่างพากันรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ
ส่งสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวไปยังคณะกรรมการหมู่บ้าน
เพื่อเตรียมตัวรับของขวัญจากหลิว

         
ชาวไร่รายหนึ่งชื่อสกุลซู เผยว่า พ่อแม่ของเขาอายุเกิน 60 ปี จึงได้เงิน
10,000 หยวนทั้งคู่ รวมเป็น 20,000 หยวน (ราว 94,700 บาท)
อีกทั้งยังมีเสื้อกันหนาวและอาหารอีกจำนวนหนึ่ง “ฉันเห็นเขาในระยะไม่ไกล เขาหล่อและแข็งแรงมาก พวกเราทุกคนรู้สึกขอบคุณเขา”

ภาพจาก Weibo

         
ขณะที่ชาวบ้านสูงอายุวัย 71 ปี รายหนึ่งเผยว่า
หลิวไม่มีความจำเป็นหรือภาระผูกพันใด ๆ ที่ต้องทำเช่นนี้
เพราะเงินที่เขาหามาได้นั้นมาจากความยากลำบากของเขาเอง
แต่เขาก็อยากจะตอบแทนชาวบ้าน เราจึงรู้สึกขอบคุณเขามาก “ในหมู่บ้านมีครอบครัวมากมาย เขาได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ให้กับหมู่บ้าน เราจะไม่ลืมเขาไปชั่วชีวิตเช่นกัน”

ภาพจาก Weibo

ภาพจาก Weibo

ขอบคุณข้อมูลจาก South China Morning Post, Forbes