KUBET – หยุดสงกรานต์ 2568 ทำไมวันที่ 16 เมษายน ถึงไม่ได้หยุดชดเชย ทั้งที่สงกรานต์ติดวันอาทิตย์

         ไขข้อข้องใจ ทำไมหยุดสงกรานต์ บางคนถึงไม่ได้หยุดวันที่ 16 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชย มีคำตอบมาให้แล้ว กางข้อกฎหมายเป๊ะ



หยุดสงกรานต์ 2568 ทำไมวันที่ 16 เมษายน

         ภาพจำของวันหยุดสงกรานต์ของคนไทย คือ วันที่ 13 – 15 เมษายน ของทุกปี แล้วถ้าหากปีไหนวันสงกรานต์ไปตรงกับวันเสาร์ – อาทิตย์ ก็จะมีวันหยุดชดเชยสงกรานต์เพิ่มให้

         ในปี 2568 วันสงกรานต์เริ่มจากวันอาทิตย์ – อังคาร แต่หลายคนสงสัยว่า ทำไมวันที่ 16 เมษายน 2568 บางแห่งถึงไม่ได้หยุดชดเชย เรื่องนี้กระปุกดอทคอมไปหาคำตอบมาให้แล้ว

         ใครบ้างที่จะได้หยุดวันที่ 16 เมษายน 2568

         หน่วยงานราชการทั้งหมด จะได้หยุดในวันที่ 16 เมษายน 2568

         ใครบ้างที่จะไม่ได้หยุด

         – ธนาคาร

         – หน่วยงานเอกชนบางแห่ง ขึ้นอยู่กับการจัดสรรของแต่ละองค์กร

         เหตุผลที่ ทำไมบริษัทเอกชนถึงไม่ได้หยุดวันหยุดราชการทุกครั้ง

        
เนื่องจากพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ระบุไว้ว่า
วันหยุดประเพณีตามกฎหมาย นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างได้หยุดงานอย่างน้อย 13
วัน (รวมวันแรงงานแห่งชาติ) ดังนั้น หมายความว่า
หน่วยงานเอกชนสามารถจัดสรรวันหยุดนักขัตฤกษ์ได้อย่างอิสระ
แต่ขั้นต่ำขอให้ไม่น้อยกว่า 13 วัน

         ขณะเดียวกัน
วันหยุดราชการในปี 2568 มีทั้งหมด 19 วัน จึงทำให้พนักงานบริษัทเอกชน
อาจจะไม่ได้หยุดในวันหยุดราชการบางวัน และวันที่ 16 เมษายน 2568
วันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ก็เป็นหนึ่งในนั้น

KUBET – หนุ่มระเบิดไซซ์ 163 กก. ลดน้ำหนักได้ 60 กก. ในปีเดียว เผยเมนูช่วยชีวิตกินทุกวัน

 
            หนุ่มอ้วนร่างใหญ่หนัก 163 กิโลกรัม ลดน้ำหนักได้ถึง 60 กิโลกรัม ในปีเดียว เผยเมนูประจำที่ต้องกินทุกวัน เรียกเป็นเมนูช่วยชีวิต



ประสบการณ์ลดน้ำหนัก
ภาพจาก Instagram yaboitcfresh

              เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ เผยเรื่องราวของ ทอม
แครอลล์ หนุ่มอเมริกันวัย 34 ปี จากรัฐโรดไอแลนด์ เมื่อไม่นานมานี้
เรื่องราวประสบการณ์ลดน้ำหนักของเขาได้รับความสนใจบนโลกออนไลน์
ภายหลังจากเขาออกมาเปิดเผยว่า เขาสามารถลดน้ำหนักไปได้มากถึง 60 กิโลกรัม
ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี
พร้อมทั้งยกความดีความชอบให้กับอาหารเมนูสำคัญที่เรียกว่าเป็น “เมนูช่วยชีวิต”

              ทอมเป็นโปรดิวเซอร์ของสถานีวิทยุท้องถิ่นในเมืองบอสตัน
เขามีส่วนสูง 187 เซนติเมตร แต่มีน้ำหนักมากถึง 360 ปอนด์ (ราว 163
กิโลกรัม) หลังงานแต่งงานของเขาในเดือนกรกฎาคม 2566
เขาตัดสินใจที่จะเริ่มเส้นทางการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง
หลังจากเห็นตัวเลขน้ำหนักที่น่าตกใจนี้บนตาชั่ง
โดยครั้งสุดท้ายที่เขาขึ้นตาชั่งคือเมื่อปี 2562
ตอนที่อยู่ที่ห้องตรวจทางการแพทย์ ซึ่งพยาบาลก็บอกเป็นนัย ๆ
ว่าเขามีปัญหาสุขภาพ แต่เขาไม่อยากยอมรับมัน  

              ทอมเล่าว่า
ก่อนหน้านั้นที่เขาชั่งน้ำหนักในห้องตรวจสุขภาพ ตัวเลขอยู่ที่ 346 ปอนด์
(ราว 157 กิโลกรัม) ตอนนั้นเขายังพูดขำ ๆ กับพยาบาลว่า “อาหารการกินดี”
แต่พยาบาลก็ตัดบทว่ามันไม่ใช่แบบนั้น
แต่เขาก็ไม่ได้ขอให้พยาบาลอธิบายอะไรเพิ่มเติม
เพราะคิดว่าไม่สามารถรับฟังคำตอบได้
และเขารู้สึกว่าการไปหาหมอในครั้งนั้นเป็นเรื่องที่น่าอาย
จึงตัดสินใจไม่ไปหาหมออีก

              จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2566
ในขณะที่เขากำลังกินอาหารเหลือจากวันขอบคุณพระเจ้ากับภรรยาและเพื่อน ๆ
ของเขา อยู่ ๆ
เขาก็รู้สึกเหมือนมีภาวะโรคหัวใจกำเริบขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
และนั่นเองจึงเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตที่ทำให้เขาตัดสินใจที่จะลดน้ำหนักด้วยตัวเองอย่างจริงจัง

              “ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน และฉันหวังว่ามันจะไม่เป็นแบบนี้อีก นี่คือความรู้สึกที่ใกล้ความตายที่สุดในชีวิตของฉัน” ทอม กล่าว

ประสบการณ์ลดน้ำหนัก
ภาพจาก Instagram yaboitcfresh

              นอกจากนี้
ปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวของเขายังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตหลายอย่าง เช่น
การขึ้นลงบันได การนั่งบนเครื่องบิน
โดยเฉพาะตอนที่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก
รวมไปถึงการหาเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้พอดีตัว
เรื่องการแต่งตัวจึงเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบและรู้สึกไม่สนุกอย่างมาก

              ทอมพึ่งพาการกินเมนูสลัดเนื้ออกไก่ย่างรสเผ็ด
(Spicy Southwest Salad) ของร้าน Chick-fil-A
เครือฟาสต์ฟู้ดชื่อดังในสหรัฐฯ เป็นเมนูสำคัญที่ช่วยให้เขาอยู่รอดในทุกวัน
โดยเมนูนี้มีปริมาณ 680 แคลอรี ประกอบไปด้วย ผักสลัดรวม มะเขือเทศ
ข้าวโพดคั่ว ถั่วดำ พริก พริกหยวกแดง ชีส และไก่ย่าง กินพร้อมแป้งตอร์ติญ่า
เมล็ดฟักทอง และน้ำสลัดครีมซัลซ่า

              “นี่คืออาหารมื้อหลักสำหรับฉันในทุก ๆ วัน และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ฉันประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก” ทอม กล่าว

ประสบการณ์ลดน้ำหนัก
ภาพจาก Chick-fil-A

              อย่างไรก็ตาม
ในวันอาทิตย์ที่ร้านปิด เขาจะทำเมนูสลัดกินด้วยตัวเองที่บ้าน
สลับกับสั่งสลัดจากที่อื่นมารวม ๆ กัน
เพื่อให้ได้เมนูที่ใกล้เคียงกับเมนูประจำของเขามากที่สุด ส่วนมื้ออื่น ๆ
ของวัน เขาจะกินเป็นโยเกิร์ตและผลไม้

              นอกเหนือจากปรับพฤติกรรมการกินอาหารครั้งใหญ่
เขายังเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตด้วย นั่นคือการเข้ายิมออกกำลังกาย
และเลิกดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและน้ำอัดลม
รวมไปถึงการเลิกดื่มแอลกอฮอล์ เพราะนอกจากเพิ่มค่าแคลอรีแล้ว
ยังทำให้เขาอยากกินอาหารพวกจังก์ฟู้ดมากขึ้น

              ด้วยผลของความมุ่งมั่นตั้งใจและรักษาวินัยอย่างสม่ำเสมอเช่นนี้
ในเดือนธันวาคม 2566 ทอมสามารถลดน้ำหนักลงจนเหลือเกือบ 300 ปอนด์ (ราว 136
กิโลกรัม) และในเดือนกรกฎาคม 2567 นับเป็น 1 ปี
หลังจากวันที่เริ่มลดน้ำหนัก น้ำหนักของเขาลดลงมาเหลืออยู่ที่ 228 ปอนด์
(ราว 103 กิโลกรัม) นั่นหมายความว่า เขาสามารถลดน้ำหนักไปได้ถึง 132 ปอนด์
(ราว 60 กิโลกรัม)

ประสบการณ์ลดน้ำหนัก
ภาพจาก Instagram yaboitcfresh

ประสบการณ์ลดน้ำหนัก
ภาพจาก Instagram yaboitcfresh

ขอบคุณข้อมูลจาก New York Post


KUBET – กู้ภัยรุดช่วย เด็กหญิงติดในเครื่องซักผ้า ต้องถอดชิ้นส่วนรื้อออกหมด รู้เหตุผลทำไปได้

          เด็กหญิงวัย 12 ปี ติดในเครื่องซักผ้า ทีมกู้ภัยรุดไปช่วย ต้องถอดชิ้นส่วนออกหมด กว่าจะช่วยได้สำเร็จ รู้เหตุผลทำไปได้



เด็กหญิงติดในเครื่องซักผ้า
ภาพจาก Weibo

         วันที่ 8 เมษายน 2568 เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้มีอุบัติเหตุประหลาดเกิดขึ้นที่ประเทศจีน เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยท้องถิ่นได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือบอกว่า มีเด็กติดอยู่ใน “เครื่องซักผ้า” จนไม่สามารถออกมาได้ จึงรีบนำทีมเข้าไปช่วยเหลือ และเมื่อไปเห็นสภาพในที่เกิดเหตุต่างพากันตกตะลึงไปตาม ๆ กัน

         เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา เด็กหญิงวัย 12 ปีรายหนึ่ง อาศัยอยู่ในเมืองคุนซาน มณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน วันนั้นเธอโดนแม่ดุเรื่องทำการบ้านไม่เสร็จตรงตามเวลา จึงเกิดอาการหงุดหงิดไม่พอใจ ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปอยู่ในเครื่องซักผ้าแบบฝาบน เพื่อต้องการจะ “สงบสติอารมณ์” ให้ตัวเองใจเย็นลง

         ในขณะที่เด็กหญิงปีนเข้าไปในเครื่องซักผ้านั้น แม่ของเธอไม่ทันได้สังเกต จึงไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น จนกระทั่งเมื่อเด็กหญิงเข้าไปอยู่ด้านในเครื่องซักผ้า เธอถึงเพิ่งจะรู้ตัวได้ว่าไม่สามารถขยับตัวได้ และยิ่งพยายามดิ้นก็ยิ่งติดอยู่แน่น สุดท้ายเมื่อออกมาไม่ได้ เธอก็ร้องขอความช่วยเหลือ ทางผู้เป็นแม่เมื่อมาเห็นก็ตกใจ รีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วยเหลือโดยเร็ว

         เมื่อกู้ภัยมาถึง เด็กหญิงก็เริ่มได้รับความเจ็บปวดแล้ว
เธอร้องว่า “มันเจ็บ !” โดยหลังจากประเมินสถานการณ์
ทางทีมเจ้าหน้าที่เห็นว่าพื้นที่บริเวณรอบเครื่องซักมีกำจัด
จึงยากต่อการที่จะอุปกรณ์ช่วยเหลือ
และการดึงเธอออกมาก็มีความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บ
สุดท้ายพวกเขาจึงตัดสินใจใช้วิธีรื้อชิ้นส่วนเครื่องซักผ้าออก

        
ทีมกู้ภัยใช้ผ้าห่มคลุมตัวเด็กหญิงเพื่อป้องกันการกระแทก
จากนั้นใช้ไขควงถอดฝานอกของเครื่องซักผ้าออก
จากนั้นใช้เครื่องตัดไฮดรอลิกตัดตัวเครื่องซักผ้าอย่างระมัดระวัง
ระหว่างนั้นก็พยายามปลอบใจเด็กหญิงโดยบอกว่า “ไม่ต้องกลัว อดทนไว้”
และหลังจากใช้เวลาประมาณ 16 นาที
ในที่สุดพวกเขาก็ช่วยเด็กหญิงออกมาจากเครื่องซักผ้าได้สำเร็จ

         เด็กหญิงปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายร้ายแรงทางร่างกาย
แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเธอจะได้คืนดีกับแม่หรือถูกทำโทษจากผู้เป็นแม่อย่างไรหรือไม่
อย่างไรก็ตาม
ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกแชร์ไปบนสังคมออนไลน์ของจีนและกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ
ผู้คนเข้าพากันเข้าไปกดไลก์มากกว่า 100,000 ครั้ง
พร้อมทั้งคอมเมนต์กันมากมาย

         ชาวเน็ตบางส่วนกล่าวติดตลกว่า
“อดหัวเราะไม่ได้ และฉันเดิมพันว่าตอนนี้แม่จะโกรธมากขึ้นอีก”, “โถลูกสาว
เครื่องซักผ้าไม่ใช่หลุมหลบภัย”
ในขณะที่บางรายก็เป็นกังวลเรื่องความปลอดภับของเด็ก กล่าวว่า “เด็ก ๆ
จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีจัดการอารมณ์และเข้าใจว่าบางสิ่งบางอย่างอาจเป็นอันตรายได้จริง
ๆ”

ขอบคุณข้อมูลจาก SCMP

เด็กหญิงติดในเครื่องซักผ้า

KUBET – สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด คู่กรณีขอจบ แต่โดนทวงคำขอโทษซ้ำ


           สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน ที่มาที่ไปคืออะไร คู่กรณีตอบแล้วต้องการอะไร หลังขอโทษแล้วไม่จบ – บิว ทวงคำขอโทษด้วย



สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน
           กลายเป็นดราม่าที่โซเชียลให้ความใส่ใจกันมากในขณะนี้ จนดันแฮชแท็ก #บิววราภรณ์ ให้ติดเทรนด์ใน X แบบข้ามวัน ในเรื่องราวเกี่ยวกับสุนัขของ บิว วราภรณ์ อินฟลูเอนเซอร์สาวบิวตี้ ที่กัดสุนัขของเพื่อนบ้านตาย หลังสุนัขคู่กรณีหลุดออกมา ซึ่งแม้ว่าทางสามีกับแม่ของบิวจะไปขอโทษคู่กรณีแล้ว แต่ดูเหมือนเรื่องกลับไม่จบ ซ้ำยังกลายมาเป็นดราม่าในกลุ่มไลน์หมู่บ้านและลามต่อมายังโลกออนไลน์

           โดยวันนี้ (9 เมษายน 2568) ในเพจ เจ๊มอย108 V1 ได้สรุปเหตุการณ์ไว้คร่าว ๆ ดังนี้  

           – สุนัขไซบีเรียนของบิว และสุนัขปอมของคู่กรณี หลุด

           – สุนัขคู่กรณี ถูกสุนัขของบิวกัดตาย

           – ธนิน (สามีบิว) และแม่บิว ไปเคลียร์ ไปขอโทษแล้ว ส่วนบิวไม่ว่างเพราะให้นมลูกอยู่ มีการพูดคุยและจบเรื่องตั้งแต่วันนั้นแล้ว พร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง โดยมีการหามาตรการป้องกัน

           – ต่อมา มีเหตุสุนัขหลุดอีก บ้านคู่กรณีไปบอกว่าคือสุนัขบ้านบิว แต่จริง ๆ ไม่ใช่

           – จากนั้น แมวบ้านบาส (พี่ชายบิว) หลุด เจอสุนัขกัดตาย บาสลงคลิปในโซเชียล

           – คู่กรณีบิวไปคอมเมนต์กับเพื่อน ว่ายังไม่ได้รับคำขอโทษจากบิว บอกว่าบิวใช้ชีวิตมีความสุข

           งานนี้จึงเรียกคอมเมนต์สนั่น เมื่อชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยมองว่า ฝั่งบิวก็ให้สามีกับแม่ไปขอโทษแล้ว เรื่องก็ควรจะจบแล้ว แต่ฝั่งคู่กรณียังพยายามจี้จะเอาคำขอโทษจากบิว ทำแบบนี้ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วคู่กรณีต้องการอะไรกันแน่ และยังเป็นที่น่าสังเกตว่าตัวเองก็เป็นฝ่ายทำสุนัขหลุดเช่นกัน ทำไมคนที่ขอโทษถึงมีแค่เพียงฝั่งสุนัขตัวใหญ่

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน
ภาพจาก Instagram bewandloogloog

คู่กรณีชี้แจงไทม์ไลน์ ขอจบดราม่า

           ขณะที่ฝั่งคู่กรณีนั้นพบว่ายังมีการออกมาไลฟ์เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะโพสต์ขอโทษและชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้

           – วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม สุนัขของตนหลุดออกจากบ้าน และไปโดนกัดตายบริเวณส่วนกลาง ซึ่งตนพยายามตามหาเจ้าของสุนัขที่มากัด จนได้คลิปจากกล้องวงจรปิดเพื่อนบ้าน พบว่าเป็นสุนัขไซบีเรียน 2 ตัวของบ้านบิว

           – ทางตนโทร. ติดต่อบ้านบิวครั้งแรกในช่วงเย็นวันนั้น แต่ฝั่งนั้นไม่อยู่บ้าน แจ้งว่าจะเข้ามาคุยวันอาทิตย์ (16 มีนาคม) หลังจากนั้นพวกตนก็จัดการทำศพสุนัขไป แต่ต่อมาพบว่าในวันที่นัดหมายทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีใครว่าง จึงขอนัดมาคุยกันตรงจุดเกิดเหตุ เวลา 20.00 น.

           – ได้พบคู่กรณีและคุณแม่ มีการพูดคุยและได้ทำการขอโทษจากทั้ง 2 ฝ่าย ต่างฝ่ายต่างยอมรับว่าสุนัขหลุดออกมาทั้งคู่ ซึ่งตนได้กำชับถึงมาตรการของคู่กรณีต่อจากนี้ ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะสุนัขหลุดมาหลายรอบแล้ว ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อีก และยืนยัน ณ ตรงนั้นว่าไม่ได้อยากรับเงินชดเชยในส่วนใด ๆ ก็ตาม

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

           – ทางตนแจ้งว่าอยากจะจบจากเหตุการณ์เพียงเท่านี้ก่อน เพราะยังทำใจไม่ได้ ซึ่งบ้านบิวก็ยืนยันว่าหากมีคำแนะนำหรืออยากให้ดูแลด้านใดให้ติดต่อได้เลย จากนั้นก็แยกย้ายกัน

           – วันที่ 16 มีนาคม มีไซบีเรียนหลุดมาในหมู่บ้านอีกครั้ง ทางตนกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย จึงพิมพ์ลงในกลุ่มว่า “พอจะทราบชื่อน้องหมากับเจ้าของไหมคะ พอดีน้องหมาบ้านเราเพิ่งโดนไซบีเรียนในหมู่บ้านกัดตายไปเมื่อวันศุกร์ค่ะ ระวังกันด้วยนะคะ”

           – บ้านบิวโทร. มาแจ้งว่าไม่ใช่สุนัขของฝั่งนั้น ซึ่งทางตนรับทราบ และไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ต่อ

           – หลังจากเวลาผ่านไป 5-6 วันในวันที่ 20 มีนาคม ทางตนได้คุยกับคุณแม่และถามคุณแม่ว่าพร้อมจะเจอเจ้าของหมารึยัง คุณแม่แจ้งว่าพร้อมแล้ว ตนจึงพยายามโทร. นัดหมายคู่กรณี แต่คู่กรณีไม่รับสายและไม่ติดต่อกลับอีกเลย

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

ทำไมต้องไปคอมเมนต์คลิปบาส ?

           สำหรับเหตุผลที่พวกตนไปคอมเมนต์ในโพสต์ของบาส ฝั่งเจ้าของสุนัขที่ตายชี้แจงว่า “ทางพวกเราทุกคนขอโทษจากใจจริง ที่เข้าไปใช้พื้นที่โซเซียลของคุณบาสสื่อสารไปยังคู่กรณี แต่เนื่องจากวันที่ 6 เมษายน พบว่าพี่ชายของคู่กรณีเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน จึงเข้าไปคอมเมนต์เพื่อแสดงความเสียใจและใช้พื้นที่นั้นสื่อสารไปถึงคู่กรณี เพื่อหวังให้คู่กรณีติดต่อกลับมา

           ทั้งนี้ พวกตนได้รับการติดต่อจากฝั่งบิวในวันที่ 7 เมษายน ได้ข้อสรุปว่าฝั่งนั้นเข้าใจผิดว่าพวกตนไม่อยากพูดคุยถึงเรื่องนี้อีกแล้ว ทางตนจึงแจ้งให้ฝั่งบิวไปพูดคุยกันแล้วติดต่อกลับมาอีกครั้ง

เจ้าของสุนัขที่ตาย ต้องการอะไร ?

           ท่ามกลางการตั้งคำถามจากโซเชียล ว่าคู่กรณีของบิวต้องการอะไรกันแน่จากความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ทั้งที่ดูเหมือนเราจะจบกันไปแล้ว ทางฝั่งนี้ชี้แจงว่า ตอนแรก ตนแค่ต้องการนัดหมายและต้องการคำขอโทษด้วยความจริงใจโดยตรงกับคุณแม่ของตน ซึ่งเป็นเจ้าของสุนัขปอมตัวจริง แต่ไม่มีการตอบรับใด ๆ และในตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษนั้นอีกต่อไปแล้ว และยืนยันว่าไม่ได้อยากทะเลาะกับใคร ไม่ได้มีการต่อว่าคู่กรณีแต่อย่างใด ยอมรับว่าตอนนี้ทางตนโดนกระแสโซเชียลถล่มเยอะมาก ทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่ไม่แพ้กัน จึงจบประเด็นทั้งหมดลงเท่านี้

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

บิว วราภรณ์ ฟาดกลับ บอกว่าจบแต่ไม่จบ ไม่เคยขอโทษหลังทำคนทั้งหมู่บ้านเข้าใจผิด

 
           ขณะที่ล่าสุด (9 เมษายน) บิว วราภรณ์ ก็ได้ลงข้อความชี้แจงผ่านไอจีสตอรี่ถึงดราม่าที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า “น้องสาวส่งมาให้ดูเพิ่งเห็นตอนเช้า และเพื่อน ๆ ส่งมาให้ดูอีกมากมาย เห้ออออ เหนื่อยแทนอะ ทำไมเค้าถึงดื้อจัง ไม่ยอมจบ ๆ เสียใจเรื่องน้องหมาแล้ว ต้องมานั่งทะเลาะกับคนอื่น และคนในโซเชียลอีก มันควรพอได้แล้วมั้ยอะ เอาเวลาไปทำบุญ ทํางาน มีประโยชน์กว่าเยอะเลยนะจริง ๆ แล้วเอารูปน้องหมาที่เสียมาลงอีก Omg !!!!!”

           พร้อมกันนั้นยังชี้ว่า หลังจากที่ฝั่งเธอแจ้งไปแล้วว่าสุนัขที่หลุดในวันที่ 16 มีนาคม ไม่ใช่สุนัขบ้านเธอ ฝั่งคู่กรณีก็ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ต่อ ทำให้จนทุกวันนี้คนในหมู่บ้านก็ยังเข้าใจบ้านเธอผิด เพราะพวกเธอไม่เคยแก้ตัวในแชทหมู่บ้าน  

           ในส่วนนี้คู่กรณียังคงไม่ขอโทษเธอและครอบครัว ที่มากล่าวหาบ้านเธอจนทำให้คนในหมู่บ้านเข้าใจผิด จึงอยากถามกลับว่า “เอาไงอันนี้ ควรออกมาขอโทษไหม เพราะทุกวันนี้แชทในหมู่บ้านอันนี้ก็ยังอยู่ และคนในหมู่บ้านก็เข้าใจผิดอยู่”

           พร้อมกันนั้นยังลงคลิปวงจรปิด ยืนยันว่าในวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม สุนัขของเธอทั้ง 2 ตัวอยู่ในบ้านจริง ๆ ไม่ได้หลุดออกไปตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนที่อีกฝั่งอ้างว่าวันอาทิตย์เธอไม่ว่าง ขอถามว่าเอาอะไรมาไม่ว่าง วันอาทิตย์อยู่บ้านทั้งวัน

           พร้อมกันนั้น บิว ยังเปิดใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า

           “ใจจริงอยากจบตั้งแต่ไลฟ์แล้ว ขอโทษทุกคนอีกครั้งที่ต้องทำแบบนี้ บิวขออนุญาต TOXIC เพราะทนไม่ได้จริง ๆ คำพูดคนละเรื่องกันไปหมด 14 มีนา ขอเคลียร์จบ ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะทุกคนที่บ้านเค้าเสียใจมาก ๆ ไม่มีใครอยากพูดถึงเรื่องนี้ และก่อนลากัน กอดมะมาด้วย และบอกว่าให้ธนินรีบกลับบ้าน เพราะมีลูกเล็ก

           แต่วันนี้คือ… เต็มโซเชียลไปหมดแล้วววว !! วันนี้บิวขอปกป้องตัวเองและครอบครัวตัวเองค่ะ อีกอย่างเค้าบอกว่าอัดเสียงตอนโทรศัพท์ คุยกับธนินไว้ใช่ไหม !!! เอามาเปิดเลย ๆๆๆๆๆ อยากให้ทุกคนรู้ว่าบิวกับธนินพูดเรื่องจริงไหม ทนเขาด่าว่า หน้าระรื่น ในโซเชียล มีความสุขกันมากกกกก ไม่เห็นเสียใจเลย คุณมีแสง / ถ้าผมเป็นคุณธนิน ผมจัดการเรื่องนี้ได้ดีกว่านึกว่านี้แน่นอน คุณใช้ชีวิตมีความสุขสะเหลือเกินนนน

           คือต้องห้ามมีความสุขด้วยหรอคับบบ”

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

สรุปดราม่า บิว วราภรณ์ จากเรื่องหมาหลุด สู่แฮชแท็กร้อน

KUBET – สุดยอดสาวดวงเฮง เจอทองซ่อนในดินแดง ก้อนใหญ่เท่าฝ่ามือ มูลค่าเกือบ 3 ล้าน


          สาวออสเตรเลียเจอทองซ่อนในดินแดง ก้อนใหญ่ขนาดเท่าฝ่ามือ มูลค่าเกือบ 3 ล้าน กลายเป็นไวรัลคนดูตกตะลึงฮือฮา 



สาวดวงเฮง เจอทองซ่อนในดินแดง ก้อนใหญ่เท่าฝ่ามือ มูลค่าเกือบ 3 ล้าน
ภาพจาก TikTok @tylermahoney8
          วันที่ 8 เมษายน 2568 เว็บไซต์ Sin Chew เผยเรื่องราวการค้นพบอันล้ำค่าของหญิงสาวรายหนึ่งในออสเตรเลีย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เธอได้แชร์คลิปวิดีโอทาง TikTok เผยให้เห็นประสบการณ์สุดน่าอัศจรรย์ เมื่อเธอเจอเดินไปเจอ “ทองคำ” ที่ซ่อนอยู่ในดินแดง ลักษณะเป็นก้อนขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ คิดเป็นมูลค่ามากเกือบ 3 ล้าน

          เทเลอร์ มาฮอนีย์ เป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของครอบครัวนักสำรวจทอง อาศัยไม่ไกลจากเมืองแคลกูลี ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นศูนย์การทำเหมืองทองคำ โดยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอเหมือนถูกรางวัลแจ็กพอต เมื่อได้เจอกับทองคำก้อน 20 ออนซ์ (ราว 566 กรัม) ซึ่งมีมูลค่าถึงประมาณ 130,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2.7 ล้านบาท)

สาวดวงเฮง เจอทองซ่อนในดินแดง ก้อนใหญ่เท่าฝ่ามือ มูลค่าเกือบ 3 ล้าน
ภาพจาก TikTok @tylermahoney8
          จากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่า เทเลอร์เก็บก้อนขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือขึ้นมาจากพื้นดินแดงสกปรก ซึ่งหากไม่สังเกตดูให้ดี หรือไม่ใช่ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญก็อาจจะไม่รู้ว่าก้อนนั้นมีมูลค่ามากแค่ไหน บางคนอาจจะคิดว่าเป็นก้อนหินธรรมดา

          “ตอนนี้มีเงิน 130,000 เหรียญวางอยู่บนพื้น มันมีมูลค่าประมาณ 3 เท่าของมูลค่ารถฉัน คุณมองเห็นมันไหม ? ดูสิ มันเป็นตัวแทนของทองคำออสซี่ที่แท้จริง ก้อนใหญ่เต็มไปด้วยดินแดงและมีความบริสุทธิ์สูง” เทเลอร์ กล่าว

สาวดวงเฮง เจอทองซ่อนในดินแดง ก้อนใหญ่เท่าฝ่ามือ มูลค่าเกือบ 3 ล้าน
ภาพจาก TikTok @tylermahoney8

          คลิปวิดีโอของเทเลอร์ได้รับความสนใจและกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว มีผู้เข้าไปชมมากกว่า 2.9 ล้านครั้ง หลายคนเข้าไปแสดงความตกตะลึงและร่วมแสดงความดีใจไปกับเธอ โดยกล่าวทำนองว่า “โอ้โห เธอโชคดีมาก”, “ทองคำจริง ๆ ใช่ไหม”, “ว้าว มันน่าทึ่งมาก” และ “ขอแสดงความยินดีด้วย”  

          เทเลอร์ มีประสบการณ์สำรวจทองมาตั้งแต่เด็กกับครอบครัว จากนั้นเมื่อโตขึ้น เธอก็กลายเป็นนักขุดทองมืออาชีพ ก่อนหน้านี้เธอเคยปรากฏตัวในรายการเรียลลิตี้โชว์ท้องถิ่นชื่อ Gold Rush และมักจะแชร์ประสบการณ์การค้นพบทองคำของเธอบนโซเชียล เมื่อปีที่ผ่านมา เธอพบก้อนทองคำมูลค่า 35,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 730,000 บาท) โดยใช้เพียงแค่เครื่องตรวจจับโลหะ และยังพบก้อนทองคำขนาดเล็กอีกหลายก้อนซึ่งมีมูลค่าต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 208,000 บาท)

สาวดวงเฮง เจอทองซ่อนในดินแดง ก้อนใหญ่เท่าฝ่ามือ มูลค่าเกือบ 3 ล้าน
ภาพจาก TikTok @tylermahoney8
สาวดวงเฮง เจอทองซ่อนในดินแดง ก้อนใหญ่เท่าฝ่ามือ มูลค่าเกือบ 3 ล้าน
ภาพจาก TikTok @tylermahoney8

ขอบคุณข้อมูลจาก Sin Chew, Daily Mail

KUBET – คอคาร์บอน คืออะไร หมอชี้ไม่ใช่แค่ขี้ไคล แต่เป็นสัญญาณเตือนสุขภาพ

          หมออ้น ไขคำตอบประโยคดัง คอคาร์บอน คืออะไร เผยไม่ใช่แค่ขี้ไคล แต่เป็นสัญญาณต้องดูแลสุขภาพ



หมออ้น ไขคำตอบศัพท์มาแรง คอคาร์บอน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก นพ.ฉัตรพล คงเฟื่องฟุ้ง ,ศัลยแพทย์พลาสติกเฉพาะทาง Chatpon Kongfeangfung,MD.


          วันที่ 7 เมษายน 2568 นพ.ฉัตรพล คงเฟื่องฟุ้ง หรือ หมออ้น โพสต์ในความรู้ผ่านเพจเฟซบุ๊ก นพ.ฉัตรพล คงเฟื่องฟุ้ง ,ศัลยแพทย์พลาสติกเฉพาะทาง Chatpon Kongfeangfung,MD. ในประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจสำหรับคำว่า “คอคาร์บอน” ระบุว่า ไม่ใช่แค่ขี้ไคล แต่เป็นภัยเงียบบ่งบอกภาวะสุขภาพของคุณ

          คอคาร์บอน ไม่ใช่แค่เป็นศัพท์วัยรุ่นที่ใช้เรียกคนที่มีภาวะบริเวณคอ ด้านหลังคอ ด้านข้างคอ เป็นปื้นสีดำ ๆ แต่เป็นสิ่งบ่งบอกถึงภาวะทางสุขภาพที่ค่อนข้างสำคัญ เรียกว่า “Acanthosis nigricans” มักจะเกิดกับคนที่มีปัญหาภายใน เช่น คนที่มีภาวะก่อนเบาหวานชนิดที่ 2, ภาวะถุงน้ำรังไข่, โรคคอเรสเตอรอลในเลือดสูง หรือ โรคอ้วน

หมออ้น ไขคำตอบศัพท์มาแรง คอคาร์บอน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก นพ.ฉัตรพล คงเฟื่องฟุ้ง ,ศัลยแพทย์พลาสติกเฉพาะทาง Chatpon Kongfeangfung,MD.


          โดยเฉพาะ คนที่เริ่มมีภาวะดื้ออินซูลิน
เพราะกินน้ำตาลหรือคาร์บมากเกินไป แล้วไม่ได้ออกกำลังกาย
ทำให้อินซูลินในเลือดสูงตลอดเวลามันจะสื่อออกมาทางผิวหนัง ก็คือลักษณะ
คอคาร์บอน บางคนก็มีติ่งเนื้อด้วย

          การรักษา
ควรรักษาที่ต้นเหตุ การจะยิงเลเซอร์ ทาครีม มันไม่ค่อยจะหาย
ส่วนใหญ่ถ้ารักษาภาวะต่าง ๆ ข้างต้นให้ดีขึ้น คุมอาหาร ลดน้ำหนัก
ออกกำลังกาย พวกนี้จะทำให้ คอคาร์บอน หายได้เองโดยไม่ต้องใช้ยาอะไรเลย

         
เพราะฉะนั้น คอคาร์บอน เป็นอะไรที่บ่งบอกถึงสุขภาพในอนาคตของเรา
ไม่ใช่เรื่องตลก ดังนั้นใครที่มีคอคาร์บอนรีบปรับการใช้ชีวิตของตัวเองด้วย

หมออ้น ไขคำตอบศัพท์มาแรง คอคาร์บอน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก นพ.ฉัตรพล คงเฟื่องฟุ้ง ,ศัลยแพทย์พลาสติกเฉพาะทาง Chatpon Kongfeangfung,MD.

KUBET – เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 4 กลุ่ม 21-59 ปี ได้รับเงินเมื่อไร เช็กเลย

         เช็กรายละเอียด เงินดิจิทัล เฟส 4 แจกเงิน 10,000 บาท กลุ่ม 21-59 ปี ได้เงินวันไหน พร้อมตรวจสอบคุณสมบัติได้ที่นี่


เงินดิจิทัล ได้เมื่อไหร่

        วันที่ 8 เมษายน 2568 กรุงเทพธุรกิจ รายงานความคืบหน้าโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยในเฟส 3 นั้น แจกกลุ่ม 16 – 20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน ซึ่งมีความคืบหน้าดังต่อไปนี้

        แจกเงินดิจิทัล 10,000 เฟส 3 ได้เงินวันไหน ?

        นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยล่าสุด ยอมรับว่า การแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 จะไม่ทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

        กระทรวงการคลัง ตั้งเป้าหมายจะเริ่มจ่ายเงินในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 (ประมาณ เมษายน – มิถุนายน 2568)

        คุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิทัล เฟส 3 ล่าสุด

        – เป็นผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 สำเร็จ

        – มีสัญชาติไทยและอายุตั้งแต่ 16-20 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 (เกิดตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2547 ถึงวันที่ 16 กันยายน 2551)

        – ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ

        – เป็นผู้ที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ณ วันที่ส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมการปกครอง ไม่รวมถึงทะเบียนบ้านกลาง

        – ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกินกว่า 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 โดยให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงกรณีบัญชีเงินฝากประเภทบัญชีร่วม บัญชีเพื่อ และบัญชีโดย และผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทสลากออมทรัพย์

        – ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกินกว่า 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566

        – ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตามฐานข้อมูลของ พม. ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567

        – ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ประกอบด้วย นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
 

เงินดิจิทัล ได้เมื่อไหร่

        อัปเดต แจกเงินเฟส 4 กลุ่ม อายุ 21-59 ปี

       
ประชาชนกลุ่มอายุ 21-59 ปี ที่เคยลงทะเบียนทางรัฐ จะได้เงินหมื่นเฟส 4
อย่างแน่นอน โดยต้องรอให้การแจกเงิน เฟส 3 เสร็จสิ้นก่อน

        คุณสมบัติ ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิทัล เฟส 4

        – มีสัญชาติไทย

        – อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (ก่อนวันที่ 16 ก.ย. 67)

        – ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท (สำหรับปีภาษี 2566)

        – ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567)

        – ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ

        – ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ

        – ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ

ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ


KUBET – สาวขายห้องชุดราคาดี ตุ๋นเพื่อน-ญาติ 113 ล้าน เปย์ผู้ชายฉ่ำ ปล่อยผัวหาเงินใช้หนี้

           สาวปล่อยขายห้องชุดราคาดี ตุ๋นเงินญาติ-เพื่อน 113 ล้าน ใช้โปรแกรมตัดต่อสร้างเอกสารปลอม ลอบเปลี่ยนกุญแจ 80 ห้อง แอบเลี้ยงหนุ่มหล่อ ปล่อยผัวหาเงินใช้หนี้



หลอกลวง

           วันที่ 27 มีนาคม 2568 เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานประเด็นร้อนซึ่งกลายเป็นข่าวดังในจีนก่อนหน้านี้ เมื่อหญิงคนหนึ่งถูกเปิดโปงความชั่วร้าย แอบเปลี่ยนกลอนของห้องชุด 80 ยูนิต นำไปหลอกขายแก่เพื่อน ๆ และญาติ จนโกยเงินมาได้ร่วม 24 ล้านหยวน (ราว 113 ล้านบาท) ภายในเวลา 5 ปี ก่อนนำเงินไปเปย์กลุ่มสตรีมเมอร์ชาย ปล่อยให้สามีทำงานหนักเพื่อตามใช้หนี้ที่ภรรยาเป็นผู้ก่อ

           รายงานเผยว่า หวังเว่ย เป็นหญิงอายุ 30 ต้น ๆ จากมณฑลกานซุ่ ประเทศจีน เธอแต่งงานกับ นายเฉิง เมื่อปี 2560 แต่เนื่องจากนิสัยใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่ายของภรรยา ทำให้คู่รักมีหนี้บัตรเครดิตสะสมจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อจะช่วยเหลือลูกชาย พ่อของนายเฉิงจึงไปกู้ยืมเงินมาให้ลูกชายจำนวน 450,000 หยวน (ราว 2.1 ล้านบาท) โดยใช้บ้านเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน

           ด้วยความมุ่งมั่นที่จะหาเงินมาใช้คืนพ่อ เฉิงใช้ชีวิตอย่างประหยัดอดออมอยู่นานหลายปี โดยไม่รู้เลยว่าภรรยาของเขากลับไปวางแผนฉ้อโกงคนอื่น โดยมุ่งเป้าหลอกสมาชิกในครอบครัว ตั้งแต่ปี 2562

           โดยในตอนนั้น หวังเว่ยบังเอิญรู้ว่ามีบริษัทในท้องถิ่น กำลังดำเนินโครงการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยซึ่งรอการจัดสรร เธอจึงวางแผนใช้โปรแกรมตัดต่อภาพ ปลอมแปลงเอกสารรับรองสิทธิและแปลนบ้าน นำไปหลอกช่างกุญแจให้เข้ามาเปลี่ยนตัวล็อกของห้องชุดที่ยังว่าง จำนวน 80 ยูนิต

           ช่างทำกุญแจรายหนึ่ง เผยว่า หวังเว่ยมีเอกสารที่อ้างว่าใช้พิสูจน์ความเป็นเจ้าของทรัพย์สินได้ เขาจึงไม่ได้สงสัยในตัวเธอ อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เธอมาหาเขา เธอจะเป็นคนพาเขาเดินขึ้นบันไดข้างในตึก ที่อยู่ห่างจากกล้องวงจรปิดเสมอ

หลอกลวง
ภาพจาก Douyin

           เพื่อไม่ให้ถูกสงสัย หวังเว่ยจึงจ้างช่างกุญแจหลายรายให้เข้ามาสลับกันเปลี่ยนตัวล็อกและกุญแจ จนในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนตัวล็อกของห้องชุด 80 ยูนิตสำเร็จ

           เมื่อเธอครอบครอบกุญแจห้องทั้งหมดแล้ว เธอก็นำห้องชุดเหล่านี้ไปปล่อยขายให้เพื่อน ๆ และเครือญาติในราคาถูก เช่น ห้องชุดมูลค่า 1.1 ล้านหยวน (ราว 5.1 ล้านบาท) เธอจะปล่อยขายในราคาเพียง 600,000 หยวน (ราว 2.8 ล้านบาท) โดยมีญาติและเพื่อน ๆ ที่หลงเชื่อจำนวน 42 คน รวมถึงป้าของเธอ และน้องสาวของสามี ทำให้ในช่วงเวลา 5 ปี เธอสามารถหลอกเหยื่อมาได้ทั้งหมด 24 ล้านหยวน

           ทั้งนี้ ตลอดช่วงเวลาที่หวังเว่ยต้มตุ้นคนอื่น ๆ เธอใช้เงินที่ได้มา ผลาญไปกับการเลี้ยงดูสตรีมเมอร์ชายคนต่าง ๆ รวมถึง จางเจิ้น สตรีมเมอร์หนุ่มที่กลายมาเป็นชู้รักของเธอ หลังจากที่หวังเว่ยเกิดความหลงใหลในฝ่ายชายตั้งแต่แรกเห็นเขา ระหว่างการไลฟ์ในเดือนตุลาคม 2565  
 

           จางเจิ้น เผยว่า หวังเว่ยเคยให้รถหรูแก่เขาหลายคัน รวมถึงรถ SUV มูลค่า 1.4 ล้านหยวน (ราว 6.6 ล้านบาท) เธอยังให้บ้านแก่เขา และหมดเงินไปกับเขาถึง 9.8 ล้านหยวน (ราว 46 ล้านบาท

           ไม่เพียงเท่านั้น
หวังเว่ยยังใช้จ่ายเงินอีกหลายแสนหยวนไปกับสตรีมเมอร์ชายคนอื่น ๆ
ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ นายเฉิงผู้เป็นสามีไม่เคยรับรู้
แม้แต่ตอนที่เธอถูกเปิดโปง
เขาก็ยังคงพยายามทำงานหาเงินมาจ่ายหนี้ที่ภรรยาสร้างไว้อยู่  
 
           มีรายงานว่า
จางเจิ้งและแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมของเขา
ให้ความร่วมมือกับตำรวจในการเรียกคืนเงินที่หวังเว่ยหลอกลวงคนอื่นมา
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถนำเงินคืนมาได้เพียง 8 ล้านหยวน (ราว 37
ล้านบาท) เท่านั้น

           ทนายรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นถึงคดีนี้
ชี้ว่าด้วยจำนวนเงินมหาศาลที่เกี่ยวข้อง
หวังเว่ยอาจต้องเผชิญโทษจำคุกตลอดชีวิตและถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด

 
           อนึ่ง คดีนี้กลายมาเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวางในสังคมจีน โดยมีคอมเมนต์ เช่น

           “ห้องชุด
80 ยูนิตถูกใช้โดยไม่มีใครรู้นานถึง 5 ปี ได้ยังไง
ส่วนหนึ่งเกิดจากความละเลยของฝ่ายจัดการทรัพย์สินและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หรือไม่”

           “สามีทำงานอย่างไม่รู้เหนื่อยเพื่อหาเงินจ่ายหนี้
ขณะที่ภรรยาถลุงเงินที่หลอกคนอื่นมา เปย์ให้กับผู้ชายคนอื่น
ธรรมชาติที่โหดร้ายของมนุษย์ช่างน่าตกใจ”

ขอบคุณข้อมูลจาก SCMP

KUBET – ตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ สกลนคร ชั้นประหยัด ราคาทำช็อก นึกว่าบิน ตปท.

          โซเชียลแชร์สนั่น สาวแพลนจองตั๋วเครื่องบินไปสกลนคร ช่วงก่อนสงกรานต์ เจอราคาเข้าไปมีอึ้ง ขนาดแค่ขาไป แถมชั้นประหยัด ยังแพงกว่าบินไปต่างประเทศ



ตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ สกลนคร ชั้นประหยัด
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล


          เป็นโพสต์ที่ถูกแชร์และพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ขณะนี้ กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง แชร์ภาพหน้าจอขณะจองตั๋วเครื่องบิน แพลนบินไปสกลนคร ในวันที่ 2 เมษายน 2568 พบเที่ยวบินขาไป ชั้นประหยัด จากสนามบินดอนเมือง ไปสนามบินสกลนคร ราคาสูงถึง 14,919 บาท

          โดยชาวเน็ตที่เห็นโพสต์ดังกล่าวต่างก็อึ้งไปตาม ๆ กัน มองว่าบินในประเทศราคานี้แรงไปไหม ต่อให้เป็นช่วงเทศกาล ค่าตั๋วเครื่องบินก็ไม่น่าจะดีดขึ้นถึงขนาดนี้ ราคาขนาดนี้บินไปเที่ยวต่างประเทศได้เลย ขณะอีกด้านก็มองว่าในช่วงเทศกาลซึ่งมีความต้องการสูง แถมจองตั๋วในช่วงใกล้ถึงวันแบบนี้ ก็ราคาแรงเป็นปกติ บ้างก็แนะควรจองล่วงหน้า หรือปรับเปลี่ยนวันเดินทาง จะได้ราคาที่ถูกกว่า

ตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ สกลนคร ชั้นประหยัด
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ควาย+Social Airlines V.2’s Post

          ล่าสุด (8 เมษายน 2568)
เมื่อไปตรวจสอบในเว็บไซต์จองเที่ยวบิน
พบว่าเที่ยวบินไปสกลนครในวันดังกล่าวชั้นประหยัด มีการระบุราคาสูงถึง 1.5
หมื่นบาท อย่างไรก็ตาม
ดูเหมือนว่าจะไม่มีเที่ยวบินในวันดังกล่าวให้เลือกจองตั๋วอีกต่อไป

ตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ สกลนคร ชั้นประหยัด

ตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ สกลนคร ชั้นประหยัด

ตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ สกลนคร ชั้นประหยัด
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ควาย+Social Airlines V.2’s Post

ตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ สกลนคร ชั้นประหยัด
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ควาย+Social Airlines V.2’s Post

KUBET – ไฮโซเก๊ หลอกคบหมอ มีโลกสองใบกับ คะน้า เผยนาทีตำรวจบุกบ้าน

          ให้เก็บข้าวของเพื่อนคุณหมอ แฟนสาว ฮอต ไฮโซเก๊ ช็อกเพิ่งรู้แฟนเพื่อนมีประวัติอื้อ เปลี่ยนชื่อมา 5 ครั้ง เล่านาทีพ่อเพื่อนสุดทน พาตำรวจบุกไปจับถึงบ้าน จนติดคุก 2 วัน



คนสนิทแฉ ฮอต ไฮโซเก๊ หลอกคบหมอ
ภาพจาก โหนกระแส


          วันที่ 8 เมษายน 2568 รายการ โหนกระแส ยังตามต่อกับเคสของ นายฮอต ไฮโซเก๊ ที่หลอกคบหากับ คะน้า ริญญารัตน์ โดยในวันนี้ได้เชิญ คุณเอ (นามสมมติ) เพื่อนของคุณหมอ ซึ่งเป็นโลกอีกใบของนายฮอต ที่ปัจจุบันยังคบหากับฝ่ายชายอยู่ เปิดใจว่า กลุ่มตนนั้นเดิมสนิทสนมกันดี แต่เมื่อ 6-7 ปีก่อน ไปพบหลักฐานว่าผู้ชายคนนี้เป็นมิจฉาชีพ เพราะเอะใจตั้งแต่แรกว่าเขาไม่น่าใช่คนรวยตามที่อ้าง ซึ่งต่อมาหลังจากเพื่อนสนิทกับผู้ชายคนนี้ก็เปลี่ยนไปและเลิกคบกับกลุ่มของตนไป

          คะน้า เผยว่า เคยคุยกันกับคุณหมอทางดีเอ็ม ซึ่งคุณหมอนั้นต้องการที่จะเจอกับเธอ แต่เธอไม่กล้าไปทำได้แค่ขอเบอร์และคุยกัน ก่อนที่คุณหมอจะเล่าว่า เขานั้นก็เสียหายเหมือนกัน และอยากได้ของคืนบางส่วน (ทองคำกับแหวน) เพื่อให้ความเสียหายน้อยลง ตนก็รับฟังว่า หากเป็นเรื่องจริงก็จะคืน แต่ขอตรวจสอบก่อน

คนสนิทแฉ ฮอต ไฮโซเก๊ หลอกคบหมอ
ภาพจาก โหนกระแส

          อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้คุณหมอก็ยังคบหาอยู่กับฝ่ายชายอยู่ ให้เหตุผลว่า อยากเก็บคนร้ายไว้ใกล้ตัวจะปลอดภัยที่สุด

         
คุณเอ เล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้คุณหมอรู้จักกับนายฮอตผ่านแอปฯ หาคู่
ลักษณะเหมือนกับคะน้า โดยสะดุดกับที่ฝ่ายชายบอกว่าเป็นคนรักสัตว์
ช่วยเหลือสัตว์พิการ ซึ่งมันตรงกับอาชีพของคุณหมอพอดี
คือทำให้รู้สึกว่าแม้จะไม่หล่อ แต่จิตใจดี
ตอนนั้นหมอก็นำผู้ชายคนนี้ให้เพื่อน 4-5 คน รู้จักผ่านกลุ่มไลน์
บอกว่าคนนี้คือแฟน

คนสนิทแฉ ฮอต ไฮโซเก๊ หลอกคบหมอ
ภาพจาก โหนกระแส

          ตอนที่เพื่อน ๆ
ในกลุ่มเห็นภาพของฝ่ายชาย ทุกคนก็เอะใจเหมือนกันหมดว่า
นี่มันโหงวเฮ้งคนรวยเหรอ แต่ตอนนั้นไม่กล้าไปพูดตรง ๆ กับเพื่อน
เพราะเพื่อนคลั่งรักไปแล้ว ทางกลุ่มจึงช่วยกันนำข้อมูลของฝ่ายชายไปค้นหา
เนื่องจากเอะใจว่าค่อนข้างน่ากลัว เพราะคบกันแค่ 2
วันเพื่อนก็พามาอยู่บ้านแล้ว บวกกับเพื่อนคนหนึ่งมีลุงเป็นตำรวจ
จึงลองไปสืบประวัติจนพบว่า ต่อมาจึงพบว่าฝ่ายชายมีคดีติดตัว
เป็นใบหน้าของเขา แต่เปลี่ยนชื่อมาแล้ว 5 ครั้ง

         
หลังได้รู้เบื้องหลังของฝ่ายชาย พวกตนก็ตกใจว่า
ตกลงแล้วเพื่อนเราไปคบกับโจรเหรอ จะบอกเพื่อนยังไงดี
จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับคุณพ่อของหมอซึ่งเป็นข้าราชการ
พ่อของเพื่อนก็ตกใจ เพราะเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าลูกไปคบกับใคร
คุณพ่อบอกว่าขอบคุณมาก เขาจะจัดการเอง

คนสนิทแฉ ฮอต ไฮโซเก๊ หลอกคบหมอ
ภาพจาก โหนกระแส

         
ต่อมา พ่อของเพื่อนก็ไปสืบว่าผู้ชายคนนี้อยู่กับลูกสาวจริงไหม
จึงออกอุบายให้คุณหมอออกจากบ้านไป เพื่อให้ผู้ชายคนนี้อยู่บ้านคนเดียว
จากนั้นพ่อกับญาติจึงพาตำรวจไปบุกเลย แล้วนำหมายทั้งหมดไปแสดงต่อหน้า
ถามว่า นี่แกใช่ไหม เขาไม่ตอบ อ้ำอึ้ง โดยพ่อคุณหมอยื่นคำขาดว่า
ออกจากชีวิตลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้ ให้เก็บข้าวของออกไปภายในวันนี้
จนสุดท้ายเขาต้องไปอยู่ในคุก 2 วัน

         
พอเพื่อนกลับมาถึงบ้านก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
พ่อกับญาติจึงเล่าความจริงให้ฟัง คุณหมอก็เสียใจร้องไห้
ตอนนั้นกลุ่มเพื่อนดีใจที่มันจบเสียที เพื่อนเรารอดแล้ว แต่พอผ่านไป 2 วัน
คุณหมอนี่แหละคือคนประกันตัวเขาออกมา ทุกคนทั้งเพื่อน คุณพ่อ
ก็คือทำตัวไม่ถูกเลย กินอาหารหมากันทั้งกลุ่ม

         
คุณหมอ แก้ตัวแทนฝ่ายชายว่า มันเป็นคดีเก่า จะพูดถึงอีกทำไม
ตอนนี้เขาปรับปรุงตัวเป็นคนใหม่แล้ว จะรื้อฟื้นอดีตเพื่อ
ทำไมต้องทำให้แย่ลง พวกกลุ่มเพื่อนได้ฟังก็ได้แต่เงียบ ไม่รู้จะพูดอะไร
ซึ่งฝ่ายชายนั้นอาศัยอยู่กับคุณหมอตั้งแต่ 7 ปีก่อน
ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ที่เดิม เพราะเขาสัญญากับคุณหมอว่าจะแต่งงานด้วย
จะซื้อบ้าน 50 ล้าน ถอยรถใหม่ให้

         
อีกพฤติกรรมแปลกของฝ่ายชายคือ มักชอบหายไปหลังบ้านเพื่อโทรศัพท์
อ้างว่าคุยกับนาย ตอนนั้นตนก็เอะใจว่ามันแปลก ๆ คนรวยเขาทำกันแบบนี้เหรอ
จะแน่ใจได้ยังไงว่าเขามีเงินจริง แต่คุณหมอบอกว่า เธอเคยเห็นสเตตเมนต์เขา
มีเงินฝาก 100 ล้าน (แบบเดียวกับที่คุณคะน้าเห็น)
เพื่อนจึงไม่คิดว่าเขาจะโกหก เขายังสัญญาอีกว่าจะให้สมบัติ
รวมทั้งจะเขียนพินัยกรรมให้คุณหมอด้วย
ซึ่งตอนเขาหมั้นกันฝ่ายชายก็ยกทองมาทั้งแผงแบบร้านทองเลย
แล้วก็มีการถ่ายรูปกัน

         
ยืนยันว่า ฝ่ายชายมักจะอ้างเบื้องสูง
และอ้างว่าสนิทกับนักการเมืองใหญ่ในปัจจุบัน
โดยเขาอ้างด้วยว่าต้องอยู่แบบหลบ ๆ เพราะเคยถูกลอบยิง
เพราะพวกตนก็สงสัยว่าคนรวยแบบไหน ทำไมไม่มีรถขับ นั่งแต่วินมอเตอร์ไซค์
และทุกวันนี้ก็ยังใช้รถของคุณหมออยู่เลย