พ่อแม่เจอคุก หลังให้ลูกอดอาหารจนแคระแกรน ตัวจิ๋ว ซ้ำปลอมสูติบัตร ปลอมอายุให้สมกับรูปร่าง อึ้งอายุจริง 17 แต่หนักแค่ 27 กก. พ่อแม่อ้าง ลูกกินยากเอง

ภาพจาก District Court of Western Australia
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า พ่อแม่ของนักบัลเลย์สาววัย 17 ปี ถูกศาลในออสเตรเลียตัดสินจำคุก ในข้อหาเกี่ยวกับการละเลยลูกของตัวเอง หลังพบว่าพวกเขาให้ลูกสาวอยู่ในสภาพอดอาหาร จนร่างกายแคระแกรน มีน้ำหนักเพียง 27 กิโลกรัม แถมยังปลอมแปลงสูติบัตรของลูกเพื่อปิดบังอายุที่แท้จริง หลอกว่าเธอยังเป็นเด็กในอายุที่ดูเหมาะสมกับรูปร่างภายนอก
การตัดสินโทษดังกล่าวมีขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ในศาลแขวงเวสเทิร์นออสเตรเลีย ที่เมืองเพิร์ธ โดยมีรายงานว่าพ่อแม่คู่นี้ ปล่อยให้ลูกสาวขาดสารอาหารจนมีสภาพร่างกายย่ำแย่ ไม่เพียงแค่รูปร่างแคระแกรน เธอยังมีเส้นผมเประบาง ผิวหนังแห้งเป็นขุย ภาวะขาดสารอาหารของเธอรุนแรงจนเสี่ยงต่อหัวใจหยุดเต้น หรือแม้แต่ความตาย

ภาพจาก District Court of Western Australia
ลูกสาวซึ่งขณะนี้อายุ 20 ปีแล้ว ถูกเลี้ยงดูมาภายใต้ปีกของพ่อแม่
โดยเธอได้รับการศึกษาที่บ้านจากแม่
และมีโอกาสเข้าสังคมเฉพาะตอนไปเรียนเต้นเท่านั้น
แม้ร่างกายของเธอจะมีพัฒนาการไม่เหมาะสม
แต่พ่อแม่ยังคงโอ๋ลูกสาวจนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
และปล่อยให้เธอเสพสื่อสำหรับเด็กเล็กเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พ่อและแม่เด็กต่างอ้างว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นผลจากการที่ลูกสาวเลือกจะเป็นวีแกน
และยังเป็นเด็กที่กินยากมาก พร้อมย้ำว่าลูกสาวได้กินครบ 3
มื้อและของว่างในทุก ๆ วัน
ด้านผู้พิพากษา ลินดา แบล็ก
กล่าวว่า เรื่องที่พ่อแม่รักลูกสาวนั้นเป็นสิ่งที่เห็นชัดเจน
แต่พวกเขายังควรถูกกล่าวโทษที่พยายามทำให้ลูก
เป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยมานานเกินไป
นี่ไม่ใช่กรณีของนักบัลเลต์ที่ขาดสารอาหาร แต่พ่อแม่เป็นคนแยกลูกสาวออกมา
ขัดขวางเธอจากการเติบโต ขวางลูกจากพัฒนาการที่ควรจะเป็น
ยังเก็บลูกสาวให้เป็นเด็กหญิงตัวน้อย ๆ นานเกินกว่าที่อายุของเธอควรจะเป็น
และนั่นศาลจึงพิพากษาให้พ่อแม่คู่นี้รับโทษจำคุก โดยผู้เป็นพ่อมีโทษจำคุก 6 ปี 6 เดือน และผู้เป็นแม่มีโทษจำคุก 5 ปี
ทางด้าน โอลิเวอร์ แพกซ์แมน ทนายความของพ่อเด็ก เผยกับซีเอ็นเอ็นว่า
ลูกความของเขาไม่ได้ทำให้ลูกอดอาหารเลย เขาไม่เคยกีดกันอาหารจากเธอ
เขาก็แค่รักและตามใจลูกสาว เธอมีอิสระที่จะกินได้เท่าที่ต้องการ
คดีนี้จึงควรเป็นเรื่องเกี่ยวกับโภชนาการที่ไม่เพียงพอจากการกินอาหารแบบวีแกนมากกว่า
“พ่อแม่ทุกคนบนโลกต่างก็รู้ดี ว่าถ้าไม่ให้ลูกกินอาหารอย่างเพียงพอ พวกเขาก็จะอดอยาก แต่ถ้าลูกเลือกจะเป็นวีแกนเองล่ะ” ทนายถาม
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้พิพากษาปฏิเสธไม่เชื่อคำกล่าวอ้างของคู่สามีภรรยา
ที่พยายามโกหกเรื่องอายุของลูกมาหลายครั้ง เพื่อจะปกปิดความจริงที่ว่า
ลูกสาวของพวกเขาอยู่ในสภาพขาดสารอาหารอย่างรุนแรง โดยผู้พิพากษากล่าวว่า
“ดูเหมือนทุกคนบนโลกที่ได้มีโอกาสคุยกับเธอ
ล้วนเข้าใจว่าเธอขาดสารอาหารรุนแรง ยกเว้นคน 2 คนที่อ้างว่ารักเธอ
ฉันไม่ยอมรับเรื่องที่คุณมองไม่เห็นมัน
และไม่ยอมรับเรื่องที่พวกคุณไม่สังเกตเห็น”

ภาพจาก District Court of Western Australia
ทั้งนี้ พบว่านักบัลเลต์หญิงต้องเข้าโรงพยาบาลตอนอายุ 17 ปี
แต่เธอมีสภาพผอมแห้งและมีค่าดัชนีมวลกายเพียง 12.5 เท่านั้น
ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ปกติที่ควรอยู่ระหว่าง 18-25 แพทย์ระบุว่าเธอผอมแห้งมาก
มีไขมันในร่างกายเพียงเล็กน้อย ตัวซีด ไม่แสดงสัญญาณของวัยแรกรุ่น
เส้มผมเปราะและบาง ผิวหนังแห้งและเป็นขุ่น หัวใจเต้นเร็ว
ตอนนั้นแพทย์แจ้งว่าจำเป็นต้องทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้เธอ
แต่พ่อแม่เด็กกลับปฏิเสธ
ผู้พิพากษาชี้ว่า
ในจุดหนึ่งพ่อแม่ยังปฏิเสธคำสั่งโดยแพทย์
ที่ให้ใส่ท่อทางจมูกเพื่อป้อนอาหารแก่ลูกสาวด้วย
ทำให้เจ้าหน้าที่ทางการต้องเข้ามาแทรกแซง และนำตัวลูกสาวมาอยู่ในความดูแล
“ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลยที่พ่อแม่อยากเกาะติดลูก
ลังเลที่จะปล่อยพวกเขาไปและกลายเป็นผู้ใหญ่ ไม่มีอะไรผิดปกติเลยสักนิด
แต่สิ่งที่ผิดเกิดขึ้น เมื่อพ่อแม่ขัดขวางลูกจากการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ
ตามกระบวนการตามธรรมชาติ หนึ่งในความล้มเหลวใหญ่ที่สุดของพวกคุณ
คือการเชื่อว่าคุณควรให้ในสิ่งที่ลูกอยากได้
แต่กลับไม่ยอมให้ในสิ่งที่ลูกจำเป็นต้องได้” ผู้พิพากษา กล่าวระหว่างการพิจารณาคดี
ทั้งนี้ พ่อเด็กยอมรับผิดแค่เรื่องปลอมแปลงสูติบัตรของลูก
แต่เขากับภรรยายังปฏิเสธข้อหาอื่น ๆ ที่เหลือ ซึ่งผู้พิพากษามองว่า
ในเมื่อพวกเขาไม่แสดงท่าทีสำนึกผิด ไม่ยอมรับต่อความรับผิดชอบใด ๆ
ไม่แสดงความเข้าใจใด ๆ ต่อเรื่องนี้
เธอก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่จำคุกพวกเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ศาลจะตัดสินโทษพ่อแม่ที่ละเลยลูกสาว
แต่ฝั่งลูกสาวยังแสดงท่าทีเข้าข้างพ่อแม่ และทำเป็นจดหมายร้องถึงผู้พากษา
ให้ยุติการฟ้องคดีนี้ โดยระบุว่า “ฉันต้องพึ่งพาพ่อแม่โดยสมบูรณ์
ค่าครองชีพทั้งหมดของฉัน พ่อแม่เป็นคนจ่าย รวมถึงเสื้อผ้า อาหาร
เงินที่ฉันต้องการ ค่าเรียนมหาวิทยาลัย ฉันรักพ่อแม่มาก
พวกเขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน ถ้าพ่อแม่ฉันเข้าคุก
ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะรับไหว”
ขอบคุณข้อมูลจาก New York Post