ระทึก รถยนต์ไฟฟ้าพุ่งชนด่านเก็บค่าผ่านทาง บนทางด่วนในจีน พลิกตลบ 2 รอบกลางอากาศ สุดท้ายกลายเป็นซาก คนขับรอดตาย รับใช้ระบบขับอัตโนมัติ ตอนง่วง

ภาพจาก Sina
เกิดเหตุรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งชนด่านเก็บค่าผ่านทาง บนทางด่วนในมณฑลเสฉวน
ประเทศจีน
โดยคลิปวงจรปิดเผยให้เห็นภาพของรถคันดังกล่าวที่พุ่งชนถังทรายตรงหน้าด่านเก็บเงิน
ก่อนจะหมุนเคว้งกลางอากาศ 2 รอบ และพุ่งเข้ามาตรงจุดเก็บค่าผ่านทาง
สภาพรถพังเสียหายยับเยิน เครื่องยนต์ด้านหน้าไม่เหลือสภาพ
เศษซากกระจายทั่วบริเวณ แต่น่าเหลือเชื่อที่คนขับนั้นรอดปาฏิหาริย์
แถมยังปีนออกมาจากซากรถได้ด้วยตัวเอง ในสภาพง่วงงุนเล็กน้อย
รายงานเผยว่า
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.30 น. วันที่ 3 มีนาคม
ที่ผ่านมา ตอนที่ทางตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ
พบว่าคนขับปีนออกจากรถมาด้วยตัวเองแล้ว
หลังสอบปากคำก็พบว่าเขายังอยู่ในอาการช็อก แต่มีสติแจ่มชัด

ภาพจาก Sina
คนขับยอมรับว่า
ขับเปิดใช้งานระบบขับอัตโนมัติไว้ โดยที่มือทั้ง 2 ข้างยังจับพวงมาลัยอยู่
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาค่อนข้างง่วงเล็กน้อย
และน่าจะเป็นเพราะระบบรถจำด่านเก็บค่าผ่านทางไม่ได้ มันจึงพุ่งเข้าไปตรง ๆ
ทางตำรวจเผยว่า
หลังจากเกิดเหตุคนขับรถก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
พบว่าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่มือและเท้า แต่ไม่มีกระดูกหักตรงไหน
ส่วนสาเหตุที่รถชนรุนแรงขนาดนี้แต่คนขับกลับรอดจากการบาดเจ็บสาหัส
น่าจะเป็นเพราะรถชนเข้ากับถังทรายก่อน จึงลดแรงกระแทกไปได้มากก่อนพลิกคว่ำ
และอีกปัจจัยสำคัญคือถุงลมนิรภัยที่ทำงานตอนที่เกิดเหตุชน

ภาพจาก Sina
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทางตำรวจจราจรสั่งลงโทษด้วยการปรับคนขับรถ เป็นจำนวนเงิน 200 หยวน (ราว
920 บาท) พร้อมตัด 3 คะแนน
นอกจากนี้เขายังต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้กับอุปกรณ์และสิ่งปลูกสร้าง
เช่น ด่านเก็บค่าผ่านทางที่ได้รับความเสียหาย
เมื่อภาพการชนของรถคันนี้ถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์
ก็กลายมาเป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก
ในเรื่องที่ว่าทำไมคนขับถึงรอดมาได้โดยบาดเจ็บเล็กน้อย
ทั้งที่รถชนกระแทกรุนแรงมาก นอกจากนี้ยังตั้งคำถามด้วยว่า “ระบบขับขี่อัตโนมัตินั้น สามารถไว้ใจได้หรือไม่”

ภาพจาก Sina
เป็นที่เข้าใจว่าปัจจุบันนี้
ระบบขับขี่อัจฉริยะ มักได้รับการโปรโมตจากบริษัทรถว่าเป็นฟังก์ชันที่สะดวก
และผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องควบคุมพวงมาลัย
แต่ถึงอย่างนั้นระบบดังกล่าวยังเป็นเพียงตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่เท่านั้น
ซึ่งตามกฎหมายของจีน แม้จะมีการเปิดระบบขับอัตโนมัติ
คนขับก็ยังต้องรับผิดชอบความปลอดภัยเกี่ยวกับการขับขี่
และต้องอยู่ในสภาพพร้อมที่จะควบคุมรถได้ตลอดเวลา
ทางตำรวจที่ดูแลคดีนี้
ชี้ว่า เหตุการณ์นี้แม้ผู้ขับขี่จะเปิดใช้ระบบขับอัตโนมัติ
โดยไม่ได้ปล่อยให้หลุดจากการควบคุมของมนุษย์อย่างสมบูรณ์
นั่นคือยังจับพวงมาลัยอยู่ แต่เขาไม่ได้รักษาความตื่นตัว
นับว่าละเมิดต่อกฎหมายความปลอดภัยในการขับขี่
และการขับขี่ในภาวะง่วงนอนซึ่งนับเป็นพฤติกรรมที่เป็นอุปสรรคต่อการขับขี่อย่างปลอดภัย
จึงต้องมีบทลงโทษตามกฎหมาย

ภาพจาก Sina