ผู้เขียน: admin

          เพจรีไซเคิล เจออุปกรณ์ปริศนา ด้านในเครื่องมีป้ายเตือน คนแห่วิเคราะห์มันคืออะไร ยันห้ามแกะเองเด็ดขาด

ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจริญทรัพย์ รีไซเคิล

          วันที่ 29 มีนาคม 2568 เพจเฟซบุ๊ก เจริญทรัพย์ รีไซเคิล เพจซึ่งทำคอนเทนต์รีไซเคิลของเก่า โพสต์ภาพเครื่องอุปกรณ์ขนาดใหญ่ แต่ก็ต้องมาสะดุดกับป้ายเตือนบางอย่าง จนทำเอาแทบไม่กล้าไปแยกชิ้นส่วน

          จากภาพพบว่าเครื่องดังกล่าวนั้นมีป้ายคล้องไว้ พร้อมกับสัญญลักษณ์ สารกัมมันตรังสี Nickel 63 โดยเพจระบุว่า “เจอแบบนี้ จะแกะต่อหรือจะพอ แค่นี้ครับ ขอความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ครับ”

          หลังจากเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ไป ต่างมีผู้คนในโลกออนไลน์เข้าไปเตือนว่า อุปกรณ์ดังกล่าวน่าจะมีสารอันตรายอยู่ภายใน หากไม่มีความจำเป็นก็ไม่ควรไปแยกชิ้นส่วน เพราะอาจจะยิ่งเสียงอันตราย

          ส่วนอุปกรณ์ดังกล่าวนั้น มีคนคาดว่าคือ
เครื่องวิเคราะห์ด้วยโครมาโทกราฟีแก๊ส (Gas Chromatograph – GC)
ซึ่งใช้ในการวิเคราะห์องค์ประกอบของสารผสม โดยเฉพาะในงานวิทยาศาสตร์ เคมี
ปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมอาหาร ส่วนสาร นิกเกิล-63 (Nickel-63)
เป็นวัสดุกัมมันตรังสีสามารถปล่อยรังสีออกมา
ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากได้รับสัมผัสในปริมาณสูง
ควรจัดการและกำจัดตามกฎระเบียบด้านรังสี

          นอกจากนี้
มีคนเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มว่า
เครื่องรุ่นนี้โดนเรียกคืนให้บริษัทต้นทางไปทำลายอย่างถูกต้อง
ส่วนในไทยต้องติดต่อสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติขอให้ทำลายทิ้งอย่างถูกวิธี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจริญทรัพย์ รีไซเคิล

          วินาทีชีวิต คอนโดทางเชื่อมขาด แต่มีคนกระโดดข้ามมาได้ พบที่แท้เป็นคนเกาหลี สามีดาว TikTok คนดัง ตั้งใจโดดมาหาลูกเมีย โล่งใจปลอดภัยทั้งครอบครัว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Bowyuri สะใภ้เกาหลี

          จากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ทำให้อาคารสูงหลายแห่งในกรุงเทพฯ ได้รับความเสียหาย เกิดรอยร้าว ตลอดจนปรากฏภาพสะพานเชื่อมอาคารของ พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ ได้รับความเสียหาย ขาดออกจากกัน ซึ่งทางโครงการชี้แจงว่าเป็นแค่วัสดุหุ้มตกแต่งหลุด โครงสร้างสะพานยังแข็งแรงดีนั้น

          หลังคลิปเหตุการณ์ถูกเผยแพร่ไป พบว่ามีคนตาดีสังเกตเห็นว่ามีเงาคน กำลังกระโดดข้ามสะพานเชื่อมในช่วงที่ขาดออกจากกัน จนกลายเป็นภาพโกงความตาย ต่อมา (29 มีนาคม 2568) มีรายงานเพิ่มเติม ทราบตัวคนที่กระโดดข้ามสะพานแล้ว ที่แท้คือ โอป้ายองจุน สามีของคุณโบว์ อินฟลูเอนเซอร์เจ้าของเพจ Bowyuri สะใภ้เกาหลี ซึ่งมีผู้ติดตามใน TikTok กว่า 1.3 ล้าน โดยเขาตั้งใจกระโดดข้ามตึกมาหาภรรยากับลูกสาว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Bowyuri สะใภ้เกาหลี

          คุณโบว์ ได้เล่าประสบการณ์ วินาทีเอาชีวิตรอดจากแผ่นดินไหวที่กรุงเทพฯ ผ่านทางเพจ เผยว่า เหตุเกิดขณะที่เธอกำลังไลฟ์ขายของบนคอนโดชั้น 30 ตามปกติ ส่วนโอป้าขึ้นไปออกกำลังกายบนชั้น 52 ทำให้เธออยู่ในห้องกับลูกสาวและพี่เลี้ยง โชคดีที่มีคนเกาหลีอยู่ห้องข้าง ๆ เข้ามาเรียกเธอกับพี่เลี้ยง จนตั้งสติและลงมาด้านล่างได้อย่างปลอดภัยเป็นคนแรก ๆ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Bowyuri สะใภ้เกาหลี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Bowyuri สะใภ้เกาหลี

          ภาพที่ทุกคนเห็นคือ โอป้ากระโดดข้ามสะพานมาเลยเพื่อมาหาเธอกับลูก
จากนั้นเขาก็วิ่งลงบันไดมาคนเดียว มีกระแทกจนได้แผลบ้าง
ตอนนั้นโอป้ารู้สึกว่าวิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ถึงข้างล่างสักที เพราะตึกมันสูงมาก
วิ่งจนเข่าเจ็บ ตอนนั้นคือวินาทีเป็นตาย
อีกทั้งหลังเกิดเหตุก็เข้าห้องไม่ได้
ซึ่งต่อมาเธอกับสามีได้พาลูกสาวมาอยู่บ้านที่สายไหมแล้ว
ซึ่งเป็นบ้านที่ซื้อให้พ่อกับแม่อยู่ ตอนนี้เลยได้อยู่กันพร้อมหน้า
ปลอดภัยดีแล้ว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Bowyuri สะใภ้เกาหลี

          ต่อมา คุณโบว์เผยอีกว่า
ตอนเกิดเหตุสามีออกกำลังกายอยู่คนเดียวที่ตึก C จริง ๆ ตอนเกิดแผ่นดินไหว
จะลงบันไดเอาตัวรอดจากตึกนั้นก็ได้ แต่เธอกับลูกอยู่ตึก B
ตอนนั้นสะพานเริ่มแตกแล้ว ด้วยความคิดถึงลูกเมีย
โอป้าก็เลยตั้งใจกระโดดข้ามมาหา จนเมื่อวิ่งลงมาถึงชั้น 40
จึงได้รับการติดต่อจากภรรยา ว่าลงมาถึงด้านล่างกันแล้ว
ขณะที่โอป้านั้นเมื่อวิ่งลงมาถึงชั้น 30 ก็บอกว่าขาสั่น เดินลงไม่ไหวแล้ว
แต่ก็ถู ๆ ไถ ๆ เอาชีวิตรอดมา และยังงงว่าลงมาได้ยังไงตั้ง 52 ชั้น

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Bowyuri สะใภ้เกาหลี

 
          ทั้งนี้ คุณโบว์ ยังโพสต์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยว่า “มันอันตรายมากๆ
เห็นคลิปโบว์ก็ใจหายบอกรักกันให้มากๆ … เหตุการณ์วันนั้นมันไวมาก
ไม่มีใครมีสติดีที่สุด.. โอป้าแค่อยากมาช่วยครอบครัว
ไม่นึกว่าจะมีคนถ่ายคลิปได้ ตอนโอป้าเล่าก็ไม่น่ากลัวขนาดนี้
เพราะเขาไม่ได้หันหลังกลับไปดู พอเห็นคลิปช็อกเหมือนทุกคนเลยค่ะ”
 

 

          หนุ่มพาแฟนสาวไปบ้านครอบครัว ครอบครัวรู้สึกแปลก ๆ ตอนหลับแอบเปิดผ้าคลุมดู รู้ความจริงเผยช็อกทั้งบ้าน เธอเป็นผู้ชาย 

ภาพจาก Threads

          วันที่ 30 มีนาคม 2568 เว็บไซต์ World of Buzz เผยเรื่องราวเหตุการณ์ประหลาดในประเทศมาเลเซีย เมื่อชายรายหนึ่งพา “แฟนสาว” ของเขากลับไปเยี่ยมบ้านของครอบครัว แต่กลับได้พบความจริงสุดช็อกเหนือจินตนาการ เมื่อความลับของเธอถูกเปิดเผยว่า “เธอเป็นผู้ชาย” สร้างตกตะลึงให้กันทั้งบ้าน ได้แต่คิดว่าต้องมีอะไรผิดพลาดตรงไหน

          เรื่องราวดังกล่าวถูกนำมาเปิดเผยโดยหญิงผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งชื่อว่า มายา ซึ่งเป็นน้องสาวของชายรายนี้ เผยว่า พี่ชายเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งผ่านทางแอปฯ หาคู่ เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ก่อน ก่อนจะเริ่มคบหาเธอเป็นแฟน โดยเธอบอกว่าเธอชื่อ ฮิดายะห์ เป็นชาวรัฐซาบะฮ์ แต่อาศัยในกัวลาลัมเปอร์ เธออ้างว่าเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ และไม่มีพี่น้องคนอื่น

ภาพจาก Threads

          ฮิดายะห์ บอกกับแฟนหนุ่มว่าอยากจะมาฉลองละศีลอด ในวันที่ 31
มีนาคม กับทางครอบครัวของเขาที่เมืองปอนเตียน รัฐยะโฮร์
เนื่องจากเธออยู่คนเดียว ซึ่งทางครอบครัวก็เตรียมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
โดยก่อนวันที่จะมา ฮิดายะห์ ที่ดูเหมือนไม่มั่นใจบอกว่า เธอค่อนข้างตัวใหญ่
และมีบุคลิกเป็นสาวห้าว

          มายาจึงรู้เริ่มรู้สึกแปลก ๆ
จึงไปสังเกตรูปของฮิดายะห์ ที่พี่ชายส่งมาให้ดู
ปรากฏว่าเธอใส่ทั้งฮิญาบและผ้าปิดหน้าปกปิดอย่างมิดชิด
รูปลักษณ์ภายนอกของเธอดูเหมือนแม่คนหนึ่ง ตอนนั้นมายาสงสัยไปว่า
หญิงคนนี้แอบมีสามีแล้วหรือเปล่า หรือแอบหนีออกมาจากบ้าน
หรือก่อเหตุอาชญากรรมมา

ภาพจาก Threads

         
จนกระทั่งพี่ชายของมายาและแฟนสาวของเขามาที่บ้าน และเมื่อถึงตอนกลางคืน
ตอนที่ฮิดายะห์เข้าไปในห้อง เธอได้ถอดผ้าปิดหน้าออก
มายาจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อดูหน้าของเธอ
แต่เธอกลับรีบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำ จึงยิ่งน่าสงสัย กระทั่งตอนเธอจะเข้านอน
มายาก็บอกให้แม่มาบอกให้เธอเปิดผ้าปิดหน้า แต่เธอก็ยังพยายามอ้างว่า
เธอต้องนอนทั้งแบบนั้น

         
มายาและครอบครัวปล่อยให้ฮิดายะห์นอนหลับตามที่เธอต้องการ
และเธอก็หลับสนิทจริงจนไม่รู้ตัวว่าผ้าปิดหน้าของเธอถูกเปิดออก
และความจริงก็ถูกเปิดเผยว่า เธอเป็นผู้ชาย ! นอกจากนี้
ทางครอบครัวยังเจอบัตรประชาชนที่ระบุชื่อและเพศที่แท้จริงของเขา
พวกเขาจึงรีบแจ้งเรื่องไปยังตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

         
อย่างไรก็ดี ฮิดายะห์อ้างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าที่แต่งตัวเป็นหญิงเช่นนี้
เพราะเขาเป็น khunsa (คนที่มีสองเพศ)
ทว่าทางครอบครัวเชื่อว่าเขาน่าจะตั้งใจมาหลอกลวงพี่ชาย
แต่ที่ยังไม่รู้ก็คือ ทำไมเขาถึงอยากตามพี่ชายกลับมาที่บ้านของพวกเขา
อาจจะมีจุดประสงค์อะไรที่น่าสงสัย

ขอบคุณข้อมูลจาก World of Buzz

        เพจบิ๊กเกรียนจับโป๊ะ ลุงสมนิด ตามหาเมียอายุ 23 ตั้งท้อง 4 เดือน อ้างสูญหายจากตึก สตง. ถล่ม คนสงสารแห่ให้เงิน ที่แท้ส่อแววแต่งเรื่องขึ้นทั้งหมด

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

         จากกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พังถล่มหลังเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมากนั้น

         วันที่ 31 มีนาคม 2568 หลายสื่อรายงานเรื่องราวของ นายสมนิด อายุ 50 ปี ออกมาขอความช่วยเหลือให้ตามหา กรวิภา อายุ 23 ปี ระบุว่าเป็นภรรยาซึ่งกำลังท้อง 4 เดือน ทำงานเป็นเสมียนโซนออฟฟิศชั้น 4 ของอาคารที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งสูญหายไปหลังเกิดเหตุอาคารถล่ม

         นายสมนิด เล่าว่า ขณะเกิดเหตุภรรยาโทร. มาบอกว่าตึกสั่น ก่อนจะขาดการติดต่อไป ไม่สามารถติดต่อได้อีก ตนเองมารออยู่ที่จุดนี้ตั้งแต่หลังเกิดเหตุ สภาพจิตใจย่ำแย่ ได้นอนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ได้แต่ภาวนาว่าแฟนจะยังมีสัญญาณชีพและได้รับการช่วยเหลือ พร้อมบอกอีกว่า ผู้เสียชีวิต 2 ร่างที่ถูกกู้ขึ้นมาได้ เป็นทีมเดียวกันกับแฟนของตนเอง

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

         ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก บิ๊กเกรียน รายงานว่า “ลุงเด็กเลี้ยงแกะกุเรื่องเมียท้องติดซากตึก สตง.

         – คนสงสารแห่ให้เงิน

         – แปลกตั้งแต่บอกเมีย อายุ 24 ปี และกำลังท้อง 4 เดือน เมียไม่มีโทรศัพท์​แต่กลับบอกว่าเมียโทร. มาบอก

ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้, บิ๊กเกรียน

          เฟซบุ๊ก Pitthara Valve เป็นบุคคลหนึ่งที่ทำงานในสถานที่ดังกล่าว โพสต์เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ฉันและข้าราชการศูนย์ราชการตึก A ถูกสั่งให้อพยพออกจากตึก เพื่อความปลอดภัย เพราะได้รับแจ้งว่าตึกมีการสั่น แต่ตอนที่ฉันนั่งในห้องสื่อ ไม่รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนใด ๆ แต่มีรายงานของกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ตรวจอาคารแจ้งว่า โซน S1 2,3,4 มีลักษณะแกว่ง ๆ ในพื้นที่ชั้น 7 // ช่าง S2 S3 บริเวณพื้นที่ชั้นมีลักษณะพื้นทรุดและฝ้าเพดานห้อง (….) หล่นลงพื้น

          ทางเจ้าหน้าที่บอกมาว่ามีคนได้ยินเสียงแกร๊กและเห็นมีเศษปูนหล่น จึงมีการประกาศให้คนที่อยู่ในพื้นที่ศาลรัฐธรรมนูญออกจากตึกไปให้หมด และขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งอนุญาตให้กลับเข้าไปในพื้นที่ศาลรัฐธรรมนูญได้

          ป.ล. ตอนนี้เจ้าหน้าที่ ข้าราชการไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าตึก A ค่ะ

ศาลอาญารัชดา ก็เร่งอพยพคนด้วย

          เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand รายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานศาลยุติธรรมต้องรีบลงจากอาคารสำนักงานศาลยุติธรรม ถนนรัชดาภิเษก หลังจากได้รับรับถึงการสั่นไหวภายในอาคาร 27 ชั้น อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมีการตรวจสอบพบว่า ไม่พบรายงานของแผ่นดินไหว แต่เพื่อความปลอดภัย ขอให้เจ้าหน้าที่อยู่ที่บริเวณลานจอดรถด้านล่างก่อน ถ้าหากไม่มีอะไรที่อันตราย จะให้กลับเข้าไปทำงานอีกครั้ง

          อาคาร ธอส. สำนักงานใหญ่ รับรู้แรงสั่นสะเทือนที่ชั้น 9 ผู้บริหารสั่งออกจากตึก ล่าสุด เมื่อเวลา 10.38 น. ทยอยกลับบ้าน ออกนอกอาคารหมดแล้ว

ภาพจาก MCOT News FM 100.5 

          ตึกกรมสรรพากร ซอยอารีย์ มีผู้คนอพยพออกจากตึก ประกาศ Work Form Home เป็นเวลา 2 เดือน

          นอกจากนี้ที่ การท่าเรือแห่งประเทศไทย สั่งอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากตึก หลังได้รับแจ้งว่า คนบนตึกรับรู้แรงสั่นไหวตั้งแต่ชั้นที่ 15 ขึ้นไป จึงทยอยนำคนออกมาเพื่อความปลอดภัย

          สวพ.FM 91 รายงานว่า โรงพยาบาลตากสิน เริ่มมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หลังรับแจ้งอาคารเอียง การจราจรบริเวณหน้าโรงพยาบาลเริ่มชะลอตัว

           ต่อมา โรงพยาบาลตากสิน ประกาศว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงปากคลองสาน ขณะนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่โยธาของสำนักงานเขตคลองสาน เข้าตรวจสอบอาคารแล้ว ไม่พบความปิดปกติของตัวอาคาร อยู่ระหว่างเข้าร่วมช่วยเคลื่อนย้ายบุคลากร และผู้ป่วย กลับเข้าสู่ภายในอาคารของโรงพยาบาล

ภาพจาก สวพ.FM 91

          ขณะที่ โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อเวลา 10.30 น. มีการอพยพคนลงจากอาคาร เนื่องจากได้รับแจ้งว่า อาคารมีการสั่นไหว โดยพบว่า บุคลากรทางการแพทย์ ได้ทำการอพยพผู้ป่วยออกจากตึกสูงอย่างเร่งด่วน เป็นการชั่วคราว

          ต่อมา พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ รองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ได้ประกาศเสียงตามสาย ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ขอให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ขออภัยในความไม่สะดวก และขออภัยพี่น้องประชาชนทุกท่าน

          โดยเมื่อเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา โยธาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และวิศวกรรมสถาน มีการตรวจสอบโครงสร้างทั้งโรงพยาบาล มีรอยร้าวบ้าง จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่ไม่สะเทือนโครงสร้าง ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ายังเปิดใช้บริการได้  

ภาพจาก สวพ.FM 91

ภาพจาก สวพ.FM 91

ภาพจาก X @Narongsak_PTE

ขอบคุณข้อมูลจาก เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand

         สาวประหยัดขั้นสุด เช่าห้องน้ำบริษัทเป็นที่พัก พร้อมรีวิวการใช้ชีวิตและจัดการพื้นที่อันจำกัด เผยแต่ละเดือนเหลือเงินเก็บเพียบ

ภาพจาก Douyin

          วันที่ 29 มีนาคม 2568 เว็บไซต์ SAOstar รายงานว่า ในโลกออนไลน์กำลังแชร์เรื่องราวการใช้ชีวิตของหญิงสาวชาวจีน ซึ่งตั้งเป้าจะประหยัดค่าเช่าที่พักให้ได้มากที่สุด ก่อนเธอจะตัดสินใจเปลี่ยนห้องน้ำของบริษัทให้กลายมาเป็นห้องเพื่อใช้สำหรับอยู่อาศัย

          หยาง หญิงวัย 18 ปี ปัจจุบันทำงานเป็นพนักงานขายในร้านขายส่งเฟอร์นิเจอร์ในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน ก่อนหน้านี้เธออาศัยอยู่ที่บ้านของเจ้านาย แต่ด้วยเธอนั้นตั้งใจจะย้ายออกในปีนี้ ระหว่างนั้นเธอจึงจำเป็นต้องหาที่อยู่อาศัยซึ่งสอดคล้องกับสภาพการเงินของตัวเอง

ภาพจาก Douyin

          อย่างไรก็ดี การจะหาที่อยู่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายกับคนที่ยังมีรายได้ไม่มากนัก เนื่องจากราคาที่พักทั่วไปนั้นล้วนสูงเกินที่หยางจะสามารถจ่ายไหว ซ้ำเมื่อเจอที่พักซึ่งราคาเหมาะสม แต่ก็เป็นโซนที่อยู่ห่างไกลจากที่ทำงานออกไป หรือไม่ก็มักจะถูกคิดค่ามัดจำล่วงหน้าเยอะ  จนสุดท้าย หญิงสาวจึงปิ๊งไอเดียสุดแหวกแนวด้วยการขอเช่าห้องน้ำของบริษัทเป็นที่อยู่อาศัยเสียเลย

          หยาง นำไอเดียนี้ไปร้องขอกับเจ้าของบริษัท โดยเสนอจะจ่ายค่าเช่าห้องน้ำ เป็นเงิน 200 หยวน (ราว 900 บาท) ต่อเดือน รวมค่าน้ำค่าไฟ  แต่เจ้านายของเธอปฎิเสธ แต่หญิงสาวก็ไม่ย่อท้อ พยายามเจรจาจนเจ้านายใจอ่อน จนสุดท้ายตกลงกันได้ที่เธอจ่ายค่าเช่าเพียง 50 หยวน (ราว 230 บาท) ต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากเมื่อเทียบกับราคาที่พักทั่วไป

ภาพจาก Douyin

          ส่วนเรื่องการใช้ชีวิตในห้องน้ำ
ภายหลังจากช่วงเวลาทำงานของบริษัท หยาง ก็จัดการนำอุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่ถูกนำไปเก็บในห้องเก็บของออกมาจัดเตรียมสำหรับการใช้ชีวิตในตอนกลางคืน
ไม่ว่าจะเป็นการนำเตียงแบบพับได้มากาง ปูด้วยผ้าห่ม
กันผ้าม่านปิดหน้าต่างไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว

ภาพจาก Douyin

         
เมื่อถึงตอนเช้า ก็จะเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยในห้องจะมีราวไว้แขวนเสื้อผ้า
ซึ่งหยางก็จะอาบน้ำในห้องน้ำในโซนเดียวกัน ก่อนจะเก็บขยะ ทำความสะอาด
และออกไปทำงาน ส่วนทุกครั้งที่เธอจะตากผ้า
เธอจะนำมันไปตากบนดาดฟ้าของโรงงาน

          ภายหลังเรื่องราวการใช้ชีวิตในห้องน้ำดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป
ปรากฏว่ากลายเป็นประแสที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล
ซึ่งบางส่วนนั้นมองว่าในโรงงานอาจจะมีห้องอื่น ๆ ให้เช่าที่ดีกว่าห้องน้ำ
เช่น โซนแสดงสินค้าของร้าน อย่างไรก็ดี หยาง ได้ให้เหตุผลว่า
การไปพักที่โซนอื่นนั้นมันกว้างไป รวมทั้งยังไม่มีประตู
ทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย 

ภาพจาก Douyin

          ปัจจุบันหยางมีรายได้ราว
3,000 หยวน ต่อเดือน (ราว 14,000 บาท) โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 400
หยวน (ราว 1,900 บาท) สำหรับปัจจัยที่จำเป็นในการใช้ชีวิต
ส่วนรายได้ที่เหลือเธอจดบันทึกในสมุดรายรับ-รายจ่าย อย่างละเอียด
และเก็บออมไว้สำหรับอนาคต
เป้าหมายคือการเก็บเงินไว้เพื่อนำไปซื้อบ้านและรถต่อไป

ภาพจาก Douyin

ขอบคุณข้อมูลจาก SAOstar