หมอช้าง แนะเคล็ดลับทำบุญเสริมดวง 12 ราศี ปี 2568 ทำบุญด้านไหนถึงจะปัง เช็กเลย

 

            หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา แนะเคล็ดลับการทำบุญเสริมดวง 12 ราศี  ประจำปี 2568 แต่ละราศีเหมาะกับการทำบุญด้านไหนบ้าง ต้องตามไปดูกัน


 ทำบุญเสริมดวงปี 2568
             เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา หมอดูชื่อดัง ได้เผยเคล็ดลับดี ๆ สำหรับเหล่าสายมู ว่าด้วยเรื่องของ “การทำบุญเสริมดวง 12 ราศี”  ประจำปี 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้

             ราศีมังกร (15 ม.ค. – 12 ก.พ.) : ทําบุญงดเว้นเนื้อสัตว์ กินเจ

             ราศีกุมภ์ (13 ก.พ. – 14 มี.ค.) : ทำบุญเกี่ยวกับการศึกษา

             ราศีมีน (15 มี.ค. – 13 เม.ย.) : ทำบุญไหว้พระปางนาคปรก หรือพญานาค

             ราศีเมษ (14 เม.ย. – 14 พ.ค.) : ทำบุญร่วมสร้างอาคารวัด โบสถ์

             ราศีพฤษภ (15 พ.ค. – 14 มิ.ย.) : เน้นทำบุญที่หลากหลาย สม่ำเสมอ

             ราศีเมถุน (15 มิ.ย.-16 ก.ค.) : ทำบุญเกี่ยวกับสาธารณะประโยชน์

             ราศีกรกฏ (17 ก.ค. – 16 ส.ค.) : ทําบุญกับผู้สูงอายุ คนชรา

             ราศีสิงห์ (17 ส.ค. – 16 ก.ย.) : ทำบุญแสงสว่าง ไหว้ราหู

             ราศีกันย์ (17 ก.ย. – 17 ต.ค.) : ทำบุญถวายของที่เป็นคู่

             ราศีตุล (18 ต.ค.-16 พ.ย.) : ทำบุญกฐิน ผ้าป่า

             ราศีพิจิก (17 พ.ย.-15 ธ.ค.) : ทําบุญโรงพยาบาล ถวายผ้าไตรจีวร

             ราศีธนู (16 ธ.ค.-14 ม.ค.) : ทำบุญบริจาคโลงศพ ให้ชีวิตสัตว์

 ทำบุญเสริมดวงปี 2568

ภาพจาก Instagram morchang

เพจ MK อวดโลโก้ใหม่ – เปลี่ยนชื่อร้าน ล่าสุดตอบแล้ว จากนี้ยังเป็น MK ไหม


          โซเชียลฮือฮา MK เปลี่ยนชื่อเป็น MongKol ครั้งแรกในรอบ 39 ปี ล่าสุดตอบแล้วเปลี่ยนชื่อแบรนด์จริงไหม จากนี้ยังเป็น MK อยู่หรือไม่



ฮือฮา MK restaurants เปลี่ยนชื่อร้าน อวดโลโก้ใหม่ เสริมความมงคล
ภาพจาก เฟซบุ๊ก MK Restaurants
          โซเชียลฮือฮา MK เปลี่ยนชื่อเป็น MongKol ครั้งแรกในรอบ 39 ปี ล่าสุดตอบแล้วเปลี่ยนชื่อแบรนด์จริงไหม จากนี้ยังเป็น MK อยู่หรือไม่
          เป็นกระแสฮือฮาขึ้นมา หลังจากที่วานนี้ (20 มกราคม 2568) เพจ MK Restaurants ได้เปลี่ยนภาพโปรไฟล์ของเพจเป็นโลโก้ใหม่ พร้อมโพสต์ข้อความ ว่าด้วยการเปลี่ยนชื่อจากร้าน MK เป็น MongKol (มงคล) ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าใช้บริการกันได้ใน 4 สาขาพิเศษ โดยระบุว่า

ฮือฮา MK restaurants เปลี่ยนชื่อร้าน อวดโลโก้ใหม่ เสริมความมงคล
ภาพจาก เฟซบุ๊ก MK Restaurants
          “ถ้าคุณเช็กสีเสื้อมงคลก่อนออกจากบ้าน ทะเบียนรถต้องถูกโฉลก ตั้งวอลเปเปอร์มือถือเสริมดวง ตรุษจีนนี้ เตรียมตัวให้พร้อม ! เพราะนี่คือ…ครั้งแรกในรอบ 39 ปี !!! ที่ MK restaurants จะขอเปลี่ยนเป็น MongKol restaurants เสริมความมงคล ให้ทุกครอบครัว

          เช็กอิน MongKol ได้แล้ววันนี้ ที่ 4 สาขาพิเศษ

          1. สามย่านมิตรทาวน์
          2. เซ็นทรัล เวสต์เกต
          3. เซ็นทรัล พระราม 9
          4. เซ็นทรัล พระราม 3″

ฮือฮา MK restaurants เปลี่ยนชื่อร้าน อวดโลโก้ใหม่ เสริมความมงคล

          อย่างไรก็ตาม หลังจากโพสต์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัลเรียกเสียงฮือฮาจากโลกโซเชียล ก็ได้มีคนสงสัยว่า MK เปลี่ยนชื่อจริง ๆ หรือเป็นแค่ไวรัลการตลาดรับเทศกาลตรุษจีนเท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้ ทางแอดมินเพจ MK Restaurants ก็ได้ยืนยันว่า ชื่อร้านยังคงเป็น MK เหมือนเดิม หลังตรุษจีน ร้านที่ขึ้นชื่อป้าย MongKol ก็จะเปลี่ยนกลับไปเหมือนเดิม

ฮือฮา MK restaurants เปลี่ยนชื่อร้าน อวดโลโก้ใหม่ เสริมความมงคล

ฮือฮา MK restaurants เปลี่ยนชื่อร้าน อวดโลโก้ใหม่ เสริมความมงคล

ฮือฮา MK restaurants เปลี่ยนชื่อร้าน อวดโลโก้ใหม่ เสริมความมงคล
ฮือฮา MK restaurants เปลี่ยนชื่อร้าน อวดโลโก้ใหม่ เสริมความมงคล

ภาพจาก เฟซบุ๊ก MK Restaurants
ฮือฮา MK restaurants เปลี่ยนชื่อร้าน อวดโลโก้ใหม่ เสริมความมงคล
ภาพจาก เฟซบุ๊ก MK Restaurants

กองทัพบก ไม่พบข้อมูล แสตมป์ ร้องถูกนายพลยัดคดี ม.112 ทนายนิด้า จี้นายพลชี้แจง

          ทนายนิด้า ยันแสตมป์ อภิวัชร์ ไม่เคยร้องเรียน ทบ. ปมนายพลข่มขู่ หลัง ทนายเดชาอ้าง ไปร้องเรียนจนโดนเล่น ม.112 เอง ฝั่งกองทัพบกยัน ไม่พบข้อมูล



แสตมป์ อภิวัชร์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Stamp

          จากกรณีของ แสตมป์ อภิวัชร์ หลังมีประเด็นดราม่ากับคู่กรณี จนลามไปถึงการถูกดำเนินคดีข้อหา ม.112 ซึ่งทนายเดชา ได้เปิดที่มาของเรื่องนี้ ชี้ว่าเกิดจากการที่แสตมป์ไปร้องเรียนกองทัพบก ว่าถูกนายพล ซึ่งเป็นพ่อของคู่กรณี ใช้กฎหมาย ม.112 ไปข่มขู่ นำมาสู่การสอบสวนและพบข้อความเข้าข่ายหมิ่นสถาบันนั้น
 
          ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ล่าสุด (21 มกราคม 2568) ทนายนิด้า ซึ่งเป็นทนายความของแสตมป์ อภิวัชร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความตอบโต้ ยืนยันว่า ได้นำข้อความของทนายเดชาไปสอบถามแสตมป์แล้ว ว่าที่ถูกพาดพิงถึงนั้นเป็นความจริงหรือไม่ เรื่องไปร้องเรียนกองทัพบก จนกลับมาถูกดำเนินคดีซะเอง ในเรื่องนี้ได้รับคำยืนยันจากแสตมป์ว่า ไม่เคยไปร้องเรียน ตามที่ถูกกล่าวอ้าง

ทนายนิด้า
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทนายนิด้า

          ในเรื่องนี้ ทนายนิด้ายังจี้ให้ฝั่งนายพลออกมาชี้แจง ว่าเหตุใดข้อมูลถึงได้คลาดเคลื่อน เพราะทางทนายเดชาอ้างว่าได้รับแจ้งข้อมูลมาจากทางนายพล พร้อมตั้งคำถามว่าการออกมาโพสต์แบบนี้ถือเป็นการชี้นำสังคมของทนายฝ่ายนั้นหรือไม่ ให้กองทัพบกถูกเข้าใจผิดได้ว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการถูกข่มขู่แท้ ๆ พอไปขอให้ช่วย กลับเป็นฝ่ายต้องถูกดำเนินคดีเสียเอง

แสตมป์ ถูกนายพลยัดคดี ม.112

          ขณะที่เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า
จากการที่ผู้สื่อข่าวตรวจสอบไปยังศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์กองทัพบก
(ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารกองทัพบก หรือ ศบข.) ทราบข้อมูลว่าในช่วง 2-3 ปี
ที่ผ่านมา ยังไม่มีใครมาร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องพลตรี ข่มขู่คุกคาม
จะยัดข้อหา ม.112 เลย และพลตรีคนที่ถูกกล่าวอ้างในข่าว เกษียณไปแล้ว 7 ปี

แสตมป์ ถูกนายพลยัดคดี ม.112

แสตมป์ อภิวัชร์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Stamp

ที่มา วัยรุ่นหาเหรียญ Jagat Coin Hunt ตำรวจเตือนระวังบุกรุกพื้นที่

           เผยที่มาคนแห่ล่าเหรียญ แลกเงินได้จริง สูงสุด 2 แสนบาท ทำบางส่วนป่วนพื้นที่ส่วนบุคคล ตำรวจเตือนระวังผิดกฎหมาย



วัยรุ่นหาเหรียญ Jagat Coin Hunt
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้


          
วันที่ 21 มกราคม 2568 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า ชาวบ้านในบางพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีพบว่ามีกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งติดตามแอปฯ หนึ่งชื่อว่า “Jagat Coin Hunt” ซึ่งเป็นลักษณะที่มีการนำเหรียญที่สร้างขึ้นไปซุกซ่อนตามแหล่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นสถานที่จริง โดยมีการเปิดแอปฯ ไปเสาะหาเหรียญเพื่อนำไปแลกรางวัลตามมูลค่าของเหรียญ

           จากกิจกรรมในแอปฯ ดังกล่าว ส่งผลให้มีกลุ่มคนโดยเฉพาะวัยรุ่นที่ออกตามหาเหรียญต่าง ๆ ตามสถานที่ที่มีการระบุไว้ แต่ตอนนี้เริ่มกลายเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อน เนื่องจากพิกัดของเหรียญนี้ถูกวางไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่ส่วนตัว เช่น บ้านเรือนประชาชน ซึ่งไม่ได้เป็นพื้นที่สาธารณะ

วัยรุ่นหาเหรียญ Jagat Coin Hunt
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

           ด้าน ตำรวจ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าได้รับผลกระทบถูกกลุ่มวัยรุ่นบุกรุกค้นหาเหรียญ บางส่วนมีการปีนรั้ว ขุดค้นหรืองัดแงะ ตามจุดต่าง ๆ ซึ่งเป็นทั้งพื้นที่สาธารณะ และพื้นที่ส่วนบุคคลจนสร้างความเสียหาย และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนคนทั่วไป

           จนเป็นที่มาของคลิปการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจของ สภ.ช้างเผือก ออกมาย้ำเตือนผู้ที่เล่นเกมดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ที่มีลักษณะการบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล โดยเผยว่าตอนนี้ได้ก่อให้เกิดปัญหาขึ้น ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะให้ผู้ที่เข้าร่วมทำผิดกฎหมาย โดยขอให้ไม่ไปบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ซึ่งอาจตามาซึ่งการทำผิดกฎหมายถูกดำเนินคดีได้

วัยรุ่นหาเหรียญ Jagat Coin Hunt
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

ผู้เล่นเผยต้องจ่ายเงินแลกเบาะแส หาเจอใส่รหัสรับเงินได้จริง มองเป็นระบบลูกโซ่

           ขณะที่
รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า ภารกิจล่าเหรียญดังกล่าว อยู่ในแอปฯ
หนึ่งที่มีมานานแล้ว แต่ภารกิจดังกล่าวเพิ่งจะมีมาประมาณสัปดาห์กว่า ๆ
จะให้ผู้เล่นไปเก็บเหรียญในพื้นที่ กทม., เชียงราย, เชียงใหม่, พัทยา
และภูเก็ต

วัยรุ่นหาเหรียญ Jagat Coin Hunt
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

           วิธีการเล่น เป็นการจ่ายเงินในแอปฯ
เพื่อแลกกับคำใบ้ว่าเหรียญอยู่ตรงไหน โดยจะมีเหรียญ 3 สี สีทองแดง 500 –
2,000 บาท เหรียญเงิน 20,000 บาท และเหรียญทอง 200,000 บาท
ถ้าเจอเหรียญสามารถกรอกรหัสด้านหลังเหรียญในแอปฯ แล้วเงินจะเข้าบัญชีใน 2-3
วัน ซึ่งภารกิจจะมีเวลา 32 วัน เบื้องต้นตำรวจทราบเบาะแสว่าเจ้าของแอปฯ
เป็นคนอินโดนีเซีย และไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย

           สอบถาม
หนึ่งในผู้เล่น ยืนยันได้เงินจริง ล่าสุดเก็บมาได้ 5 เหรียญ
แลกเงินได้แล้ว 6,000 บาท เผยเคยเห็นเยาวชนไปรื้อบ้าน ปีนป่าย
แอบเข้าพื้นที่ส่วนบุคคล แนะเล่นแบบมีสติ มองวัตถุประสงค์คนทำแอปฯ
คล้ายเครือข่ายลูกโซ่ เพราะการจะได้เบาะแสครบผู้เล่นต้องจ่าย 449 บาท
ซึ่งพิกัดนั้นมีเหรียญเดียว แต่เคยไปพบว่ามีคนแห่มาหากันเกือบ 50 คน
ดังนั้นคนที่จ่ายไปแล้วหาเหรียญไม่ได้ กำไรก็จะเข้าแอปฯ
ยอมรับเป็นกังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัว หากเสร็จภารกิจเตรียมลบแอปฯ ทิ้งทันที

วัยรุ่นหาเหรียญ Jagat Coin Hunt
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

วัยรุ่นหาเหรียญ Jagat Coin Hunt
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

วัยรุ่นหาเหรียญ Jagat Coin Hunt
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

วัยรุ่นหาเหรียญ Jagat Coin Hunt
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

วัยรุ่นหาเหรียญ Jagat Coin Hunt
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

วัยรุ่นหาเหรียญ Jagat Coin Hunt
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3, เรื่องเล่าเช้านี้
 

นักร้องดับกะทันหัน แฟน ๆ ช็อก เห็นผิดปกติกลางไลฟ์ รีบแจ้งคนช่วย แต่สุดยื้อ

 
            นักร้องญี่ปุ่นเสียชีวิตกะทันหัน แฟน ๆ ช็อกข่าว ชี้สังเกตเห็นความผิดปกติตั้งแต่ไลฟ์ รีบแจ้งคนมาช่วยแล้ว แต่สุดยื้อ ไม่คิดจะเป็นภาพสุดท้าย



นักร้องดับกะทันหัน
ภาพจาก X @sf19660718

              วันที่ 19 มกราคม 2568 เว็บไซต์ Yahoo Japan รายงานข่าวการเสียชีวิตของ
มิจิโยะ ซากาโมโตะ นักร้องชาวญี่ปุ่นวัย 61 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ
โอริฮิเมะ จากคู่นักดนตรีดูโอ้ Orihime&Hikoboshi
การจากไปของเธอเป็นอะไรที่สร้างความช็อกแก่ผู้ที่ติดตามผลงานอย่างมาก
เมื่อแฟน ๆ สังเกตเห็นอาการผิดปกติระหว่างการไลฟ์สตรีม
ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตอย่างกะทันหัน

 
              โดยรายงานจาก Sinchew ระบุว่า
ในคืนวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา อยู่ ๆ
ซากาโมโตะก็เริ่มกรนคล้ายไม่รู้สึกตัวระหว่างการไลฟ์
ผู้ชมสังเกตเห็นความผิดปกติจึงรีบแจ้งเรื่องไปยังต้นสังกัดของเธอทันที
ขณะนั้น ชิเกยูกิ ฟูกูโมโต วัย 58 ปี ซึ่งเป็นนักร้องคู่หูของเธออยู่ไม่ไกล
จึงรีบเข้าไปดูอาการพร้อมนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน
แต่น่าเศร้าที่แพทย์ไม่อาจยื้อชีวิตของซากาโมโตะไว้ได้
และยืนยันการเสียชีวิตของเธอหลังนำตัวส่งโรงพยาบาลราว 1 ชั่วโมง

นักร้องดับกะทันหัน
ภาพจาก X @sf19660718

              สำหรับสาเหตุการเสียชีวิต
พบว่าเกิดจากภาวะเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (subarachnoid
hemorrhage) ซึ่งต่อมา ฟูกูโมโต เป็นผู้แจ้งข่าวการจากไปของคู่หูให้แฟน ๆ
ได้ทราบผ่านบัญชี X

              อนึ่ง คู่ดูโอ้ Orihime&Hikoboshi
รวมตัวกันมาตั้งแต่ 10 ปีก่อน โดยมีฐานหลักในจังหวัดอาชิกายะ
และยังทำกิจกรรมทั่วประเทศญี่ปุ่น
แม้ต่อมาคู่หูชายจะผันตัวออกไปเล่นการเมือง
แต่ซากาโมโตะก็ยังให้การสนับสนุนเขาเป็นอย่างดี

              ทั้งนี้
ซากาโมโตะไม่แสดงสัญญาณความผิดปกติใด ๆ ในช่วงหลายวันก่อนเกิดเหตุ
และก่อนที่จะเริ่มไลฟ์ เธอยังโพสต์ข้อความผ่านโซเชียล เพื่อเชิญชวนแฟน ๆ
มารับชมไลฟ์ของเธอในช่วงหัวค่ำอยู่เลย
การเสียชีวิตของเธอจึงเป็นเรื่องกะทันหันที่ทำให้แฟน ๆ ช็อกมาก

 
นักร้องดับกะทันหัน
ภาพจาก X @sf19660718

ขอบคุณข้อมูลจาก Yahoo Japan

แสตมป์ อภิวัชร์ ออกมาขอโทษเรื่องราวที่เกิดขึ้น สรุปเหตุการณ์ ดราม่าแสตมป์

แจงที่มา แสตมป์ โดน ม.112 ฝ่าย เติร์ด Tilly Birds – โอม Cocktail แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย


          แก๊ป ลาออกจากวง ด้าน เติร์ด Tilly Birds – โอม Cocktail เพิ่งรู้ข้อมูลทุกอย่างจากโหนกระแส ย้ำไม่เห็นด้วยใช้กฎหมายการเมืองปิดปากใคร ด้านทนายแจงที่มา แสตมป์ โดน ม.112 



แสตมป์ โดน ม.112 เติร์ด Tilly Birds โอม Cocktail แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย
ภาพจาก Instagram stampapiwat

          จากมหากาพย์ดราม่า แสตมป์ อภิวัชร์ ซึ่งกลายมาเป็นที่จับตาอีกหลัง แก๊ป แฟนหนุ่มของ แจม คู่กรณี ได้มาออกรายการโหนกระแส ชี้แจงเรื่องราวในมุมต่าง ๆ ทั้งเรื่องการคุกคาม เรื่องที่ แจม ยอมจ่าย 1 ล้านให้ นิว เพื่อจบปัญหา ตลอดจนเรื่องของการขู่ใช้ ม.112 โดยที่ต่อมา ทนายเดชา ได้ออกแถลงข่าวแทนคู่กรณี ยืนยันว่าหลังแสตมป์ขอโทษ ฝ่ายหญิงขอยุติเรื่องทั้งหมด ยกเว้นเรื่องคดีหมิ่นสถาบัน ม.112 ที่ให้ดำเนินคดีต่อ โดยมีพยานหลักฐานข้อความแชต 

แสตมป์ โดน ม.112 เติร์ด Tilly Birds โอม Cocktail แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย
ภาพจาก โหนกระแส

          จากกระแสที่เกิดขึ้น ล่าสุด (20 มกราคม 2568) ทำให้คนดังหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ออกมาเคลื่อนไหวเช่นกัน รวมถึง เติร์ด Tilly Birds และ โอม Cocktail โดยมีการโพสต์ข้อความลง X ซึ่งข้อความของ โอม ระบุว่า

          “สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมเองได้รับทราบไปพร้อมกับทุกคนและผมไม่เห็นด้วยกับการนำเอาคดีทางการเมืองมาใช้ปิดปาก บุคคลให้ไม่สามารถต่อสู้ในคดีที่ต่อสู้กันในประเด็นอื่นได้อย่างยุติธรรมครับ”

แสตมป์ โดน ม.112 เติร์ด Tilly Birds โอม Cocktail แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย
ภาพจาก Instagram ohmhar

แสตมป์ โดน ม.112 เติร์ด Tilly Birds โอม Cocktail แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย

          ขณะที่ เติร์ด ชี้แจงว่า “สวัสดีครับ ผมเติร์ด tilly birds ครับ จากเหตุการณ์ในวันนี้ ทางผมและวงเรียนตามตรงว่าเพิ่งจะทราบถึงข้อมูลทุกอย่างโดยละเอียดจาก รายการโหนกระแส พวกเราจึงได้มีการคุยกันเพื่อยุติการทำงานในวงของคุณแก๊ปโดยทันที อย่างไรก็ตาม คุณแก๊ปขอแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องราวทั้งหมด โดยการลาออก พวกเราเคารพการตัดสินใจของเขา และขอยืนยันว่าผมไม่เห็นด้วยโดยสิ้นเชิงในการใช้กฎหมายทางการเมืองมาปิดปากใคร คุณแสตมป์ควรได้สู้คดีอย่างยุติธรรม”

แสตมป์ โดน ม.112 เติร์ด Tilly Birds โอม Cocktail แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย
ภาพจาก X @2nd__4th

แสตมป์ โดน ม.112 เติร์ด Tilly Birds โอม Cocktail แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย

          ทางด้าน แก๊ป แฟนของคู่กรณีแสตมป์ ได้โพสต์ข้อความถึงสถานะการทำงานกับวง Tilly Birds ในตอนนี้ โดยระบุว่า “จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจนถึงขณะนี้ ผมได้ตระหนักดีว่าในฐานะที่ต้องติดตามวงไปทำงานอาจนำพาความยุ่งยากและปัญหามาให้วง ผมจึงขอลาออกจากการทำงานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และขอโทษที่ทำให้เรื่องส่วนตัวมีผลกระทบครับ”

แสตมป์ โดน ม.112 เติร์ด Tilly Birds โอม Cocktail แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย

          ทั้งนี้ ในส่วนคดี ม.112 ทางทนายเดชา ได้ให้คำอธิบายเพิ่มว่า เกิดจากการที่แสตมป์ไปร้องเรียนกองทัพบก หลังจากนั้นนายพลจึงไปชี้แจง เป็นที่มาของการดำเนินคดี โดยทนายเดชาได้รับแจ้งจากนายพล ว่าแสตมป์ไปร้องเรียนกับกองทัพบกว่านายพลใช้ ม.112 ไปข่มขู่ หลังจากนั้นมีการสอบสวน และสรุปว่ามีข้อความที่น่าจะหมิ่นสถาบัน จึงมีการดำเนินคดีตามกฎหมายเกิดขึ้น

แสตมป์ โดน ม.112 เติร์ด Tilly Birds โอม Cocktail แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย

แสตมป์ โดน ม.112 เติร์ด Tilly Birds โอม Cocktail แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย

แสตมป์ โดน ม.112 เติร์ด Tilly Birds โอม Cocktail แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย

ภาพจาก โหนกระแส

เพจดังแฉ อดีตดาราสาว ยืมเงินไปปล่อยกู้ อ้างชื่อนักการเมือง กว่า 20 ล้าน ทวงไม่คืน

หญิงสุดแค้น อดีตรอง ผอ. ลวงขืนใจในรถ แอบเก็บคราบอสุจิส่งตำรวจ จี้เอาผิด


          ธุรการหญิง ร้องถูกอดีตรอง ผอ. ลวงขืนใจบนรถ ย้ำเอาเรื่องถึงที่สุด เก็บทิชชูมีคราบอสุจิเป็นหลักฐาน ชี้คนร้ายย้ายไปเป็น ผอ. ที่โรงเรียนอื่น หวั่นก่อเหตุซ้ำ



รอง ผอ. โรงเรียน ข่มขืนธุรการสาว เหยื่อสุดแค้นร้องเอาผิด
ภาพจาก วันใหม่ ไทยพีบีเอส

          วันที่ 21 มกราคม 2568 ข่าวช่อง 3 รายงานกรณีได้รับเรื่องร้องเรียนจากหญิง อายุ 29 ปี พนักงานธุรกิจของโรงเรียนเทศบาลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.นครนายก ซึ่งร้องเรียนว่าถูกอดีตรองผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษา ลวงไปข่มขืนในรถยนต์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 บริเวณริมถนนแยกสุพรรณิการ์ ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.นครนายก โดยหลังเกิดเหตุได้แจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครนายก แล้ว

          ผู้เสียหาย เผยว่า ในวันดังกล่าวตนเดินทางไปธนาคาร โดยมีอดีต รอง ผอ. ดังกล่าวขับรถมาทำธุระที่ธนาคารเช่นกัน และฝากให้ตนกดเงินสด ระหว่างรอคิว อดีตรอง ผอ. อ้างว่ามีงานด่วนต้องรีบไป ให้ตนขึ้นรถติดไปด้วย แต่กลับพาไปคนละทางกับทางกลับโรงเรียน

          เมื่อถึงจุดเกิดเหตุก็เริ่มลวนลาม ตนเองสู้แรงไม่ไหว จึงถูกล่วงละเมิดทางเพศจนสำเร็จความใคร่ จากนั้น อดีตรอง ผอ. ให้เงินสดตนมา 3,000 บาท บอกให้เอาไปกินเที่ยวช่วงปีใหม่ สร้างความเจ็บแค้นให้ตนมาก จึงตัดสินใจเล่าเรื่องให้สามีฟัง รวมถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาของ อดีตรอง ผอ. รายนี้  

รอง ผอ. โรงเรียน ข่มขืนธุรการสาว เหยื่อสุดแค้นร้องเอาผิด
ภาพจาก วันใหม่ ไทยพีบีเอส

          โดยที่ผ่านมา อดีตรอง ผอ. ชอบพูดจาทะลึ่ง และชอบลวนลามผู้หญิงบ่อยมาก เคยมีคนโดนแบบตนมาแล้วแต่ก็ไม่กล้าไปแจ้งความ เพราะอับอาย ก่อนหน้านี้ตนเคยจะถูกอีกฝ่ายข่มขืนที่โรงเรียนมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่รอดมาได้ ซึ่งในครั้งนี้ตนได้นำหลักฐาน 2 อย่าง เป็นกระดาษทิชชูเช็ดคราบอสุจิ และเงิน 3,000 บาท ที่คู่กรณีให้มา นำมามอบแก่พนักงานสอบสวน เพื่อเป็นหลักฐาน และให้นำไปตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์

          แต่จากนั้น อดีตรอง ผอ. โทร. มาต่อว่าตน ถามว่าทำไมถึงแจ้งความ จะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ แต่ตนยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ตนจึงนำเรื่องไปร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครนายก และอยากให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ หวั่นจะไปก่อเหตุที่โรงเรียนอื่นอีก

          ผู้เสียหายยังมองว่าคดีเกิดขึ้นมาเกือบ 1 เดือนแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งขณะนี้ผู้ก่อเหตุได้ขึ้นตำแหน่ง ย้ายไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการที่ จ.ปราจีนบุรี แล้ว

          ในส่วนความคืบหน้าทางคดี ทางตำรวจแจ้งว่าอยู่ระหว่างรอผลตรวจอสุจิจากทางโรงพยาบาล หากพบว่าเป็นของ อดีตรอง ผอ. จริง ๆ จะออกหมายเรียกตามขั้นตอน โดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
 

รอง ผอ. โรงเรียน ข่มขืนธุรการสาว เหยื่อสุดแค้นร้องเอาผิด
ภาพจาก วันใหม่ ไทยพีบีเอส

ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3, วันใหม่ ไทยพีบีเอส

โอม Cocktail ร่ายยาว สรุปดราม่า แสตมป์ – แก๊ป – แจม 2 ปีนี้เกิดอะไร ย้ำจุดยืนของค่าย